เปิดเทอมวันแรกลิตาพาลูกสาวมาส่งที่โรงเรียนพร้อมกับคีรีภัทร ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้หญิงสาวเลย ความรู้สึกของการส่งลูกไปโรงเรียนวันแรกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง แต่สำหรับลิตานี่ไม่ใช่ครั้งแรกสิ่งที่หล่อนเป็นกังวลคือเรื่องของการปรับตัวเข้าสังคมของสาวน้อย
“พร้อมไหมคะ”
“พร้อมค่ะ” น้องลินีกระชับกระเป๋าที่สะพายอยู่ด้านหลังแน่นขึ้นเพื่อเป็นการบอกมารดาว่าพร้อมมากๆ เมื่อมาถึงหน้าโรงเรียนเอก้พบกับคุณครูหมอกที่ออกมายืนต้อนรับเด็กนักเรียนทุกคนรวมถึงน้องลินีด้วย
“สวัสดีครับคนเก่ง”
“สวัสดีค่ะคุณครูหมอก” สาวน้อยยกมือไหว้อย่างนอบน้อมจากนั้นก็ฉีกยิ้มกว้าง
“แหม วันนี้เจ้าของโรงเรียนมาต้อนรับเองเลยนะครับ” คีรีภัทรถามออกไปเสียงดังไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มมายืนต้อนรับอย่างนี้เป็นประจำหรือออกมายืนต้อนรับเพราะรู้ว่าวันนี้ลิตากับลูกสาวจะมา
“แน่นอนสิครับเพราะผมถือว่าเด็กๆทุกคนคือคนในครอบครัว โรงเรียนของเราอยู่กันเหมือนเป็นครอบครัวตั้งแต่ผู้บริหารยันพนักงานทำความสะอาด”
“ดีครับดีไม่มีการแบ่งชนชั้นแบบนี้ผมเห็นด้วย” อย่างน้อยๆระบบโรงเรียนของชายหนุ่มก็เป็นที่ประทับใจเพราะมารดาของเขาสอนเขาเสมอว่าทุกคนนั้นเสมอภาคกัน ไม่ควรแบ่งชนชั้นไร้สาระอะไรนั่น
“เข้าไปข้างในกันนะครับ บอกลาคุณพ่อคุณแม่ก่อนครับ”
“บ๊ายบายค่ะ รีบมารับลินีนะคะ”
“โอเคค่ะ”
“พ่อจะรีบมารับนะครับ”
“ค่ะ” สาวน้อยฉีกยิ้มกว้างแล้วก็เดินจูงมือเข้าไปด้านในกับคุณครูหมอกสุดหล่อ
“ใจหายเหมือนกันนะ”
“ใจหายทำไมละคะเดี๋ยวตอนเย็นก็มารับกลับบ้านแล้ว” หญิงสาวตอบกลับยิ้มๆ เธอเข้าใจความรู้สึกเขาดีเพราะเธอก็เคยผ่านช่วงเวลามาส่งลูกสาวครั้งแรกเหมือนกัน
“ก็ปกติลูกอยู่กับเราทั้งวันนี่”
“ไปค่ะกลับได้แล้ว”
“จะไปไหน รถอยู่ทางด้านนี้” ชายหนุ่มรีบรั้งแขนของหญิงสาวเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินหนีไปอีกทาง
“ลิตาจะกลับเองค่ะ พี่คีรีจะได้ไปทำงานไงคะ”
“พี่จะไปส่ง”
“งั้นก็ตามใจค่ะลิตาแค่กลัวพี่จะไปทำงานสายเพราะต้องวนรถไปมาหลายรอบ” หลังจากขึ้นมาบนรถเธอก็ไม่ได้สนใจเขาอีกเพราะมัวแต่สนใจมองออกไปนอกหน้าต่าง มีผู้คนมากมายกำลังทำงานแข่งกับเวลา ทุกหยาดเหงื่อทำเพื่อหาเงินมาจุนเจือตัวเองและครอบครัว สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงรถของชายหนุ่มหยุดนิ่ง มีเด็กนักเรียนเดินมาเคาะกระจกรถเพื่อจะเสนอขายนม ชายหนุ่มคว้าธนบัตรสีเทาส่งให้เธอเพื่อให้เธออุดหนุนเด็กนักเรียนคนนั้น พอเด็กคนนั้นรู้ว่าชายหนุ่มไม่รับเงินทอนก็ยิ้มออกมาเต็มใบหน้าและกล่าวขอบคุณเขาและเธอซ้ำๆ
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือเด็กคนนั้นนะคะ แม้มันจะไม่ใช่จำนวนที่มากมายเท่าไรแต่มันก็ทำให้เด็กคนนั้นมีชีวิตที่ดีขึ้นในช่วงหนึ่ง”
“ครับ” เขาตอบกลับสั้นๆแล้วหันไปสนใจการขับรถต่อ เธอมารู้ตัวอีกทีรถก็มาจอดอยู่ที่หน้าบริษัทของชายหนุ่มแล้ว
“เดี๋ยวนะคะนี่มันบริษัทของพี่นี่ พาลิตามาทำไมคะลิตาจะกลับบ้านนะ” บริษัทของชายหนุ่มคือภาพจำที่ไม่ดีเท่าไรสำหรับเธอเพราะการที่เธอมาปรากฏตัวที่นี่แต่ละครั้งก็เพื่อมาโวยวายเขาเรื่องผู้หญิง
“ใช่ แค่แวะมาจัดการเอกสารนิดหน่อยน่ะ รอพี่ไม่นานหรอกเราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน”
“ลิตาจะกลับบ้านนะ” เธอบอกออกไปเสียงดัง รู้สึกไม่พอใจที่เขาไม่ทำอย่างที่พูดตอนแรก
“แค่นั่งเป็นเพื่อนพี่แปบเดียวจะเป็นอะไรไป ไปได้แล้วอย่าชักช้า เข้าไปช้าก็ยิ่งกลับช้านะ”
“ชิ” หญิงสาวหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมเดินตามเข้าไปด้านในแต่โดยดี เมื่อเข้ามาด้านในพนักงานบางคนที่รู้ว่าเธอเป็นใครก็หน้าตาตื่น สงสัยกลัวว่าเธอจะอาละวาดอีกแน่ๆ
“นั่นคุณลิตาจอมเหวี่ยงไม่ใช่หรอ พวกเราทำตัวดีๆล่ะไม่งั้นคงมีระเบิดลง”
“ใช่ๆไม่ผิดตัวแน่ ว่าแต่ทำไมมากับบอสเราได้ล่ะ พวกเขาไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีแล้วนี่”
“นั่นสิเขาหย่ากันแล้วไม่ใช่หรอ”
“ใช่”
“หรือเขาจะกลับมาคืนดีกันแล้ว”
“ไม่น่ามั้ง บอสเขาไม่น่าจะทนคุณลิตาได้เธอก็รู้”
“แต่ฉันว่าคุณลิตาสวยขึ้นนะเธอ ดูผิวสิขาวออร่ามาก” ทั้งรูปร่างและผิวพรรณของหญิงสาวขาวออร่าดูดีกว่าเมื่อก่อนมากหรือนี่จะเป็นเหตุผลให้คนทั้งคู่กลับมาคบกันอีกครั้ง
“ก็จริง สวยแต่นิสัยไม่ดีใครจะไปทนได้จริงม่ะ” คำวิพากษ์วิจารณ์ที่เธอได้ยินทำให้เธอรู้เลยว่าเมื่อก่อนเธอทำตัวแย่แค่ไหน ไม่แปลกที่คีรีภัทรจะขอเธอหย่าและขาดการติดต่อไปเลย แต่เพราะเธอกำลังจะกลายมาเป็นแม่คนความคิดความอ่านของเธอจึงโตขึ้นใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์
“แค่คำนินทาคงไม่ได้เก็บมาใส่ใจใช่ไหม” ชายหนุ่มกลัวว่าคนข้างกายจะคิดมากหลังจากได้ยินคำนินทาพวกนั้นแต่เขาก็ไม่ได้แก้ต่างอะไรเพราะทุกอย่างที่ได้ยินมันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หมดความอดทนกับเธอหรอก
“ค่ะ ก็ลิตาเป็นอย่างที่พวกเขาพูดจริงๆนี่คะ ดีแล้วล่ะค่ะที่พี่ขอลิตาหย่า การทนอยู่กับคนนิสัยแย่ๆคงไม่มีใครทนได้” หญิงสาวตอบกลับอย่างปลงๆ
“…”
“เพราะหลังจากหย่าลิตาก็คิดอะไรได้หลายอย่างเลยว่าไม่คู่ควรกับพี่ตั้งแต่แรก อย่าลืมบอกพวกเขานะคะว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน เดี๋ยวจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่” คำว่าไม่ได้เป็นอะไรกันหญิงสาวพูดทีไรมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดทุกที
“พี่ไม่ปล่อยให้คนอื่นเข้าใจผิดหรอก”
“ค่ะดีแล้ว พี่ไปทำงานเถอะค่ะจะได้กลับบ้านเพราะลิตาเองก็มีงานต้องทำเหมือนกัน”
“อืม” เขาจำต้องหมุนตัวไปทำงานเพราะดูท่าแล้วเธอไม่อยากจะคุยกับเขาแล้ว เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็พาเธอกลับบ้าน ระหว่างทางเขาก็ยกเรื่องการทำงานมาพูดกับเธออีกครั้ง