“พี่มีธุระด่วน ขอตัวก่อนนะหวัน” ว่าจบก็รีบสาวเท้าเดินจากไปทันที โดยไม่สนใจจะฟังคำโต้ตอบของน้องสาวแม้แต่น้อย
ดาหวันยังไม่ทันได้อ้าปากพูดพี่ชายสุดหล่อของหล่อก็วิ่งตัวปลิวไปไกลเสียแล้ว หล่อนได้แต่ถอนหายใจแรง ๆ แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน เดินไปปั้นหน้ายิ้มสู้กับปัญหากับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านานของตน
ณ โรงพยาบาลเพ้อภพมาถึงก็รีบวิ่งไปยังห้ององผู้ป่วยที่เขาพามาส่งเมื่อคืน
พอมาถึงพยาบาลและหมอก็เรียกเขาเข้าไปพบ เพราะว่าในตัวผู้ป่วยไม่มีหลักฐานอะไรติดตัวมาเลย และเหมือนว่าหญิงสาวจะสูญเสียความทรงจำด้วยในตอนนี้
“หมายความว่ายังไงครับ” ถามเพื่อให้ตัวเองมั่นใจว่าตนไม่ได้หูฝาด
“คนไข้ความทรงจำเสื่อมครับ และในตัวของเธอก็ไม่มีหลักฐานอะไรติดมา พ่อเลี้ยงจะให้ทำยังไงดีครับ” หมอวัยกลางคนถาม
“ผมจะรับผิดชอบแต่ค่ารักษา เพราะผมไม่รู้จักเธอเช่นกัน” เพ้อภพเอ่ยพลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ยกขาไขว่ห้าง
“แล้วเราจะปล่อยคนที่จำอะไร...”
“ผมจะพาเธอกลับไปอยู่ที่ไร่เอง ตัดปัญหา รอจนกว่าเธอจะจำอะไรได้ โอเคไหมครับ ถ้าโอเคแล้วก็รักษาเธอด้วยครับ ออกจากโรงพยาบาลวันไหนบอกผม ผมจะให้คนที่ไร่มารับ”
พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน ขยับเสื้อสองสามครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของหมอ โดยไม่สนใจจะเดินไปดูผู้ป่วยที่ตนพามา ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน ดีแค่ไหนแล้วที่เขารับผิดชอบ ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่คนผ่านทางมาเจอหล่อนก็เท่านั้น
คุณหมอวัยกลางคนได้แต่ส่ายหน้าไปมา เพราะดูก็รู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มพูดออกมาเพียงเพราะอยากตัดปัญหาเฉย ๆ ไม่ได้อยากให้หญิงสาวผู้โชคร้ายไปอยู่ในไร่ตัวเองด้วยหรอก
ณ ไร่ทิวารัก ไร่องุ่นของบ้านทิวารัก ร่างใหญ่เดินวนไปวนมาในห้องทำงานของตน
ด้วยไม่อยากจะคิดว่าตัวเองจะมาเจอกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ และที่สำคัญไม่อาจปฏิเสธคำชวนของผู้ใหญ่ได้ด้วย แถมพ่อเลี้ยงพรชัยกับแม่เลี้ยงสร้อยเพชรก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีของพ่อกับแม่เขามาตลอด จึงยากจะหนีการนัดในเย็นนี้ได้
แค่รู้ว่าจะได้แต่งงานนักพรตก็แทบนั่งไม่ติด เมื่อเช้าคุณแม่ที่เคารพยิ่งกับคุณพ่อผู้ประเสริฐเดินเข้ามาหาในห้องก่อนจะออกมาไร่ว่าเขาจะต้อง **“แต่งงาน”** แค่คำเดียวเข่าแทบทรุด แต่ก็ฝืนยิ้มให้ผู้เป็นที่รักทั้งสอง เพื่อกลบเกลื่อนความเครียดในใจไว้
ตลอดชีวิตวัยหนุ่ม
นักพรต ทิวารัก หรือ พรต วัย****33 ปี
ไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงาน ไม่เคยคิดสักนิด แต่ตอนนี้ไม่คิดไม่ได้แล้ว แต่คิดว่าจะทำยังไงจะหนีการแต่งงานในครั้งนี้ได้ ร่างใหญ่เดินไปคว้ากุญแจรถที่โต๊ะทำงานแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน เมื่อคิดไว้แล้วว่าจะทำอย่างไร ก่อนอื่นต้องไปดูหน้าว่าที่เจ้าสาวก่อนว่ามีรูปร่างหน้าตายังไง จะได้หาทางออกได้ถูก
“แล้วเราจะปล่อยคนที่จำอะไร...”
“ผมจะพาเธอกลับไปอยู่ที่ไร่เอง ตัดปัญหา รอจนกว่าเธอจะจำอะไรได้ โอเคไหมครับ ถ้าโอเคแล้วก็รักษาเธอด้วยครับ ออกจากโรงพยาบาลวันไหนบอกผม ผมจะให้คนที่ไร่มารับ”
พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน ขยับเสื้อสองสามครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของหมอ โดยไม่สนใจจะเดินไปดูผู้ป่วยที่ตนพามา ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน ดีแค่ไหนแล้วที่เขารับผิดชอบ ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่คนผ่านทางมาเจอหล่อนก็เท่านั้น
คุณหมอวัยกลางคนได้แต่ส่ายหน้าไปมา เพราะดูก็รู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มพูดออกมาเพียงเพราะอยากตัดปัญหาเฉย ๆ ไม่ได้อยากให้หญิงสาวผู้โชคร้ายไปอยู่ในไร่ตัวเองด้วยหรอก
ณ ไร่ทิวารัก ไร่องุ่นของบ้านทิวารัก ร่างใหญ่เดินวนไปวนมาในห้องทำงานของตน
ด้วยไม่อยากจะคิดว่าตัวเองจะมาเจอกับสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ และที่สำคัญไม่อาจปฏิเสธคำชวนของผู้ใหญ่ได้ด้วย แถมพ่อเลี้ยงพรชัยกับแม่เลี้ยงสร้อยเพชรก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีของพ่อกับแม่เขามาตลอด จึงยากจะหนีการนัดในเย็นนี้ได้
แค่รู้ว่าจะได้แต่งงานนักพรตก็แทบนั่งไม่ติด เมื่อเช้าคุณแม่ที่เคารพยิ่งกับคุณพ่อผู้ประเสริฐเดินเข้ามาหาในห้องก่อนจะออกมาไร่ว่าเขาจะต้อง **“แต่งงาน”** แค่คำเดียวเข่าแทบทรุด แต่ก็ฝืนยิ้มให้ผู้เป็นที่รักทั้งสอง เพื่อกลบเกลื่อนความเครียดในใจไว้
ตลอดชีวิตวัยหนุ่ม
นักพรต ทิวารัก หรือ พรต วัย****33 ปี
ไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงาน ไม่เคยคิดสักนิด แต่ตอนนี้ไม่คิดไม่ได้แล้ว แต่คิดว่าจะทำยังไงจะหนีการแต่งงานในครั้งนี้ได้ ร่างใหญ่เดินไปคว้ากุญแจรถที่โต๊ะทำงานแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน เมื่อคิดไว้แล้วว่าจะทำอย่างไร ก่อนอื่นต้องไปดูหน้าว่าที่เจ้าสาวก่อนว่ามีรูปร่างหน้าตายังไง จะได้หาทางออกได้ถูก
ฟอร์ดเรนเจอร์รุ่น****Ranger Wildtrak ขับมาเทียบจอดอยู่ปากทางเข้าไร่พาสวรรค์
จอดอยู่นานก็ยังไม่มีรถเข้าออกจากไร่สักที เขาจึงตัดสินใจขับรถไปจอดห่างจากปากทางเข้าไร่ประมาณ 100 เมตร แล้วก็หาทางเดินเข้าไปในไร่ เพื่อไปสอดส่องดูว่าที่เจ้าสาวของตน
นักพรตเดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ จนไปถึงในตัวไร่ที่เป็นส่วนของลำไย แล้วก็ต้องวิ่งไปหลบมุมเมื่อคนงานในไร่กำลังตัดแต่งกิ่งลำไยอยู่ แล้วก็ได้ยินเสียงหนึ่งในคนงานร้องเรียกชื่อของใครบางคน เหมือนจะเป็นเจ้านายหรือหัวหน้างานด้วยน้ำเสียงเคารพ แต่ที่เจ็บใจคือเขาไม่รู้ชื่อของลูกสาวเจ้าของไร่น่ะสิ เลยไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ใช่หรือไม่ใช่ว่าที่เจ้าสาวของตน
“คุณหวันครับ”
“จ๊ะลุง” เสียงหวานตอบรับ พร้อมกับส่งยิ้มให้ลุงคนงาน
“คุณหวันจะให้พวกเราไปตัดแต่งกิ่งส้มด้วยไหมครับวันนี้”
“พวกลุง ๆ ป้า ๆ น้า ๆ พักก่อนเถอะค่ะ นี่ก็จะเที่ยงแล้ว พักหายเหนื่อยค่อยมาทำต่อก็ได้จ้ะ” สาวเจ้าพูดพลางมองไปรอบ ๆ ตัวเอง มองคนงานของตัวเองด้วยความสุข ในมือเล็กมีแฟ้มเอกสารถืออยู่
“ขอบคุณครับ” คุณลุงคนเดิมตอบก่อนจะเดินไปทำงานของตนต่อ
ดาหวันหมุนตัวเดินจะกลับออฟฟิศเอาเอกสารที่ถือติดมือมาไปเก็บ แต่แล้วหางตาก็ตวัดไปเจอกับคนที่หลบซ่อนอยู่ในมุมลับ หากไม่สังเกตดี ๆ ก็จะไม่มีทางได้เห็น แต่ก็ไม่อาจรอดสายตาของสาวเจ้าไปได้ เท้าเล็กจึงเปลี่ยนทิศทางเดินไปหาคนที่หลบซ่อนอยู่
ด้านนักพรตเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหน้าหวานกำลังเดินตรงมาทางตน เขาจึงรีบสาวเท้าวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นด้วยความเร่งรีบ จนไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำโทรศัพท์ตกหล่นตอนวิ่งหนีออกมา
“เฮ้อ! เกือบไปแล้วพรต” หอบหายใจเหนื่อย ๆ เมื่อขึ้นมาบนรถของตน ก่อนจะติดเครื่องยนต์แล้วออกตัวแรงกลับไร่ของตน
ด้านดาหวันกลับมาบ้านพร้อมกับโทรศัพท์ของผู้ชายที่หล่อนเห็นแต่หลังไว ๆ
จากไป มือเล็กจับพลิกโทรศัพท์รุ่นทันสมัยในมือไปมา อยากรู้เหลือเกินว่าเขาเป็นใคร หล่อนเลือกไม่เล่าให้ใครฟังว่าตัวเองเจอคนแปลกหน้าเข้ามาแอบซุ่มอยู่ในไร่
“หวันจ๋า หวันเลือกชุดรึยังจ๊ะลูก” สร้อยเพชรเดินเข้ามาหาลูกสาวที่นั่งมองโทรศัพท์ตั้งแต่กลับมาจากในไร่ได้สักครู่ใหญ่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าลูกสาวก็ยังไม่ละทิ้งความสนใจไปจากเครื่องมือสื่อสารทันสมัยในมือ
“อะไรกันคะแม่สร้อย ก็แค่ทานข้าวเย็นเอง” เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อยีนที่ตนใส่อยู่
“อะไรกันลูก ต้องสวยให้ว่าที่เจ้าบ่าวประทับใจสิลูก งั้นไปกัน ไปเลือกชุดกัน” สร้อยเพชรฉุดรั้งลูกสาวให้ลุกขึ้นตามตนไปยังชั้นสองของบ้าน
“ไม่เอาแม่สร้อย หวันไม่อยาก...”
“อะไรกันลูก หนูเป็นความหวังของพ่อไก่กับแม่สร้อยนะลูก สงสารคนแก่ ๆ อยากอุ้มหลานบ้างเถอะ ถ้ารอจากพี่ชายของเรา พ่อกับแม่คงไม่สมหวัง” นางบอกลูกสาวด้วยใบหน้าเศร้าซึม ต่างจากตอนเดินเข้ามาหาหน้าตายิ้มแย้ม
"เฮ้อ!"
หล่อนถอนหายใจยอมให้แม่ดึงลากไปตามใจชอบ