“เอ๊ะ! นั่นอะไรน่ะ”
หรี่สายตามองออกไปนอกกระจกรถของตัวเอง แสงไฟหน้ารถสาดส่องไปยังสิ่งที่กีดขวางถนนที่ตนกำลังจะขับรถผ่านไปด้วยความระแวดระวัง สายตาคมมองสำรวจบริเวณรอบ ๆ ข้างถนน แต่ก็เงียบ แล้วเขาจึงจอดรถแล้วเดินไปดูว่ามันคืออะไร เพราะคล้ายคนเหลือเกินโดยไม่ลืมหยิบปืนในรถติดมือออกมาด้วย
"เฮ้อ!"
ร่างสูงใหญ่ย่อตัวลงตบหน้าของคนตัวเล็กที่ใบหน้าอาบเลือดนิ่งทันที
“ยังไม่ตาย” ตรวจชีพจรแล้วเธอยังมีลมหายใจ เขาก็รีบอุ้มเธอไปยังรถที่จอดทิ้งไว้ทันที “บ้าชะมัด! ชุดเปื้อนเลือดหมดเลย”
เมื่อยัดร่างน้อยใบหน้าโชกไปด้วยเลือดเข้าไปในรถแล้วกก็รีบขับรถบึ้งไปยังโรงพยาบาลในตัวเมืองทันที จากจะกลับบ้านก็ต้องเปลี่ยนเส้นทางทันที แถมตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้ว จะปล่อยให้นอนหมดสติอยู่ข้างถนนคงดูใจร้ายเกินไป แถมเป็นผู้หญิงเสียด้วย เขาจึงพาเจ้าหล่อนขึ้นรถมาด้วยและพาไปหาหมอ
เวลาผ่านไปไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล เจ้าของร่างหมดสติใบหน้าโชกเลือดในชุดชาวเขาก็ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที
“อย่ามองผมแบบนั้น ผมเก็บเธอมาจากข้างทาง หมดหน้าที่ของผมแล้ว ขอตัว” เมื่อเห็นทุกคนมองตัวเองด้วยสายตาไม่ดี เขาจึงรีบแก้ต่างให้ตนเอง แล้วเดินจากไปทันทีเพราะหมดหน้าที่ของเขาแล้ว
“เดี๋ยวก่อนสิคะพ่อเลี้ยง” พยาบาลร้องเรียกเขาให้หยุด
“ครับ”
“ขะ...คือ...”
“ผมไม่กินคุณหรอก ไม่ต้องกลัวผมขนาดนั้น”
เมื่อเห็นคุณพยาบาลอ้ำอึ้งเขาจึงรีบพูดขึ้น เพราะมันเสียเวลาของเขามากแล้ว เขาเหนื่อย เขาเพลีย เพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯ อยากจะกลับบ้านไปอาบน้ำนอนบนเตียงนุ่ม ๆ แต่ต้องมาเจอเรื่องบ้า ๆ เรื่องที่เขาอยากเป็นคนดีนี่แหละ
“ถ้าเธอฟื้นขึ้นมาจะให้ทางเรา...”
“ผมรับผิดชอบค่ารักษาเอง ขอตัว”และครั้งนี้เขาก็เดินจากไปโดยไม่ต้องหยุดหรือว่าต้องพูดอะไรอีก เมื่อพยาบาลวัยกลางคนได้คำตอบที่ต้องการเรียบร้อยแล้วอีกอย่างน้ำเสียงของเขาก็บอกชัดเจนว่าไม่ต้องการจะสนทนาต่อ เธอเลยไม่ชักถามอะไรอีก
เวลาผ่านไปมานานพ่อเลี้ยงหนุ่มก็กลับมาถึงบ้าน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ร่างกายของเขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน เพ้อภพเดินหอบร่างอ่อนเพลียไปยังเตียงนุ่มกลางห้องนอนกว้างที่มีเพียงเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานตั้งอยู่เป็นมุมของใครของมัน ห้องเป็นโทนสีเทา เรียบ ๆ ไม่ตกแต่งอะไรมากมาย ชายหนุ่มทิ้งร่างอ่อนแรงลงกับเตียงนุ่มโดยที่ไม่คิดจะอาบน้ำ และไม่นานลมหายใจของเขาก็ดังสม่ำเสมอ
“ผมรับผิดชอบค่ารักษาเอง ขอตัว”และครั้งนี้เขาก็เดินจากไปโดยไม่ต้องหยุดหรือว่าต้องพูดอะไรอีก เมื่อพยาบาลวัยกลางคนได้คำตอบที่ต้องการเรียบร้อยแล้วอีกอย่างน้ำเสียงของเขาก็บอกชัดเจนว่าไม่ต้องการจะสนทนาต่อ เธอเลยไม่ชักถามอะไรอีก
เวลาผ่านไปมานานพ่อเลี้ยงหนุ่มก็กลับมาถึงบ้าน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ร่างกายของเขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน เพ้อภพเดินหอบร่างอ่อนเพลียไปยังเตียงนุ่มกลางห้องนอนกว้างที่มีเพียงเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานตั้งอยู่เป็นมุมของใครของมัน ห้องเป็นโทนสีเทา เรียบ ๆ ไม่ตกแต่งอะไรมากมาย ชายหนุ่มทิ้งร่างอ่อนแรงลงกับเตียงนุ่มโดยที่ไม่คิดจะอาบน้ำ และไม่นานลมหายใจของเขาก็ดังสม่ำเสมอ
เช้าวันใหม่มาเยือน
เพ้อภพ บุญนำพาสวรรค์ส่ง
หรือ
เพ้อ วัย 37 ปี
เจ้าของไร่พาสวรรค์ ผู้คนแถวนี้จะเรียกเขาว่าพ่อเลี้ยง ส่วนชื่อเล่นจะเรียกเฉพาะคนสนิทเพื่อนฝูงและคนในครอบครัวเท่านั้น ไร่พาสวรรค์เป็นไร่ผลไม้หลากหายชนิด มีส้ม ลองกอง ลำไย ปลูกผลไม้ผสมผสานเพื่อทำการส่งออกไปขายต่างประเทศ และแปรรูปวางขายตามห้างสรรพสินค้า ไร่ในครอบครองของเพ้อภพมีจำนวนทั้งหมด 400 ไร่ ทุกอย่างเป็นมรดกที่คุณพ่อกับคุณแม่ของชายหนุ่มยกให้เขาดูแลกับน้องสาวอย่าง
ดาหวัน
หรือ
หวัน วัย 24 ปี คุณนายสร้อยเพชร
กับ
คุณพรชัย
สามีก็เป็นสามีที่น่ารักน่าเอ็นดู เฝ้าดูแลกันอยู่บ้าน รอวันจะได้เลี้ยงหลาน แต่ลูกชายคนโตก็ยังไม่เหลียวแลสาวใดเป็นหลักเป็นแหล่ง
“เมื่อคืนพี่เพ้อกลับถึงบ้านกี่โมงคะ” ดาหวันเดินมาถามพี่ชายที่กำลังจะไปสวนแต่เช้า
“ดึกน่ะ หวันมีอะไรกับพี่รึเปล่า” หยุดเดินแล้วหันมาถามคนที่เดินเข้ามาหา
“มีค่ะ มีมากด้วย พี่เพ้อไม่อยู่ พี่เพ้อเลยไม่รู้ว่าหวันมีเรื่องไม่สบายใจ” หญิงสาวพูดพลางสอดส่องสายตาไปรอบ ๆ ด้วยกลัวว่าผู้เป็นแม่จะมาเห็นและได้ยินสิ่งที่ตนจะพูด
“เดินไปคุยไปไหม พี่อยากไปดูสวนตอนเช้า ๆ น่ะ” เดินไปโอบไหล่ของน้องสาว แล้วพาเดินไปยังสวนที่อยู่ห่างจากบ้านไม่ถึง 20 เมตร แม้เขาจะพูดเหมือนไม่สนใจดาหวัน แต่มีหรือว่าเขาจะอ่านสายตาของน้องไม่ออก
“พี่เพ้อ น้องไม่อยากแต่งงาน” พอเดินพ้นบ้าน หล่อนก็พูดถึงสิ่งอึดอัดออกมาทันที
“ทำไมหวันถึงไม่อยากแต่ง”
“หวันไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น หวันไม่รู้จักเขา ไม่เคยเจอ แต่แม่สร้อยกับพ่อไก่จะให้หวันแต่งงานกับเขา พี่เพ้อต้องช่วยน้องนะคะ” หล่อนหยุดเดินแล้วแหงนเงยขึ้นไปสบตาพี่ชายอย่างอ้อนวอน
“แล้วจะให้พี่ช่วยยังไงดีล่ะ”
“ยังไงก็ได้ ขอแค่ไม่ให้หวันแต่งงาน นะคะพี่เพ้อ ทีพี่เพ้อ แม่สร้อยกับพ่อไก่ไม่เห็นบังคับเลย” หล่อนอดพาดพิงถึงพี่ชายไม่ได้
“หืม! มันคนละคนกันเด็กน้อย” พูดพร้อมกับยกมือขึ้นบีบจมูกน้องสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะพูดต่อ “พี่จะช่วยเท่าที่ช่วยได้นะหวัน เพราะเรื่องนี้ผู้ใหญ่เขาคุยกันไว้แล้ว พี่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเราได้ไหม เฮ้ย! นึกว่าจะเห็นแต่ไอ้โนโดนบังคับแต่งงาน พี่ยังมาเจอน้องสาวของพี่โดนบังคับอีกเหรอเนี่ย คนแก่คิดอะไรกันอยู่นะ” พูดพลางส่ายเบื่อหน่ายกับสิ่งที่เจอและเห็นมา
“นะคะ พี่ชายของน้อง น้องไม่อยากแต่งงานกับคนที่น้องไม่ได้รัก” สาวเจ้าอ้อนเสียงหวาน
“แต่พี่อยากดูหน้าว่าที่น้องเขยก่อน ว่าแต่ผู้ใหญ่นัดกันวันไหนน้องหวัน”
“วันนี้ตอนเย็นค่ะพี่เพ้อ พี่เพ้ออยู่ช่วยน้องหน่อยนะคะ น้องไม่อยากแต่งงานจริง ๆ น้องไม่ชอบ”
“ได้สิเด็กน้อยของพี่ งั้นก็...
***ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!***ยังพูดไม่ทันสุดความก็มีเสียงสั่นเตือนดังขึ้น
"พี่รับสายก่อนนะ”
“ได้ค่ะพี่เพ้อ”
มือใหญ่ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเบอร์ที่โชว์หน้าจอไม่คุ้นก่อนจะกดรับแล้วกรอกเสียงสุภาพถามปลายสาย
“สวัสดีครับผมเพ้อภพครับ” เสียงทุ้มกรอกไปตามสาย แล้วไม่นานเขาก็พยักหน้าพร้อมกับตัดวางสาย
“พี่มีธุระด่วน ขอตัวก่อนนะหวัน” ว่าจบก็รีบสาวเท้าเดินจากไปทันที โดยไม่สนใจจะฟังคำโต้ตอบของน้องสาวแม้แต่น้อย
ดาหวันยังไม่ทันได้อ้าปากพูดพี่ชายสุดหล่อของหล่อก็วิ่งตัวปลิวไปไกลเสียแล้ว หล่อนได้แต่ถอนหายใจแรง ๆ แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน เดินไปปั้นหน้ายิ้มสู้กับปัญหากับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านานของตน
**คิดหื่นเชิญเสพ
ยักษ์(ณิการ์)