“นายหัวอยากคุยกับคุณครับ” เสียงของคนขับที่หยุดรถข้างทางทำให้เธอสะดุ้ง หันไปรับโทรศัพท์อย่างงงๆ ก่อนจะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์อย่างตกประหม่า
“สวัสดีค่ะ”
“อรุณจันทร์ฟังให้ดีนะ ฉันจะไม่อ้อมค้อมให้มากความ” ปลายเสียงพูดมาอย่างเร่งรีบเหมือนเขามีธุระสำคัญต้องจัดการ
“เอ่อ...คือว่าดิฉัน” รัตนปาตีจะบอกว่าเธอไม่ใช่อรุณจันทร์ ซึ่งคนขับรถก็เหลือบมองเธอผ่านมาทางกระจกมองหลัง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เงียบและฟังฉัน เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แค่ทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น” เขาดูวางอำนาจเสียจริง รัตนปาตีแอบคิดค่อนขอดในใจ
“ค่ะ” รัตนปาตีเลือกที่จะเงียบมากกว่าเถียงหรืออธิบาย ท่าทางเขาเป็นคนเผด็จการใช่ย่อย
“ที่ฉันแต่งงานกับเธอก็แค่ในนาม เพราะคุณแม่อยากทำตามสัญญาในอดีต ที่ต้องคุยทางโทรศัพท์เพราะฉันติดงานด่วนต้องมาเคลียร์ ยังไงเธอก็ล่วงหน้าไปก่อน ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน” คำว่าแต่งงานใน ‘นาม’ ทำให้รัตนปาตีหูผึ่ง เธอนึกไปถึงการที่เขาจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเธอทางร่างกายด้วยใช่ไหม แค่คิดหัวใจที่ห่อเหี่ยวอยู่ในคราแรกก็สดชื่นขึ้นมาแทบจะทันที
“ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออย่างสามีภรรยาทั่วไป แต่เธอมีหน้าที่ต้องดูแลแม่ของฉัน ท่านไม่สบายเธอก็คงรู้ หวังว่าคงไม่รังเกียจคนตาบอด ขาพิการ เดินไม่ได้หรอกนะ” ประโยคหลังคล้ายเขาจะแดกดันเธอ แต่เธอก็เลือกที่จะเงียบ
“ได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่า หรือว่าเป็นใบ้” เขาถามกลับมาเหมือนหงุดหงิด
“ได้ยินค่ะ ดิฉันจะดูแลแม่ของคุณให้ดีที่สุดค่ะ”
“ค่อยพูดกันเข้าใจหน่อย ฉันเสียเงินกับเธอไปเยอะ คงรู้ว่าเงินอะไร” เขาคงหมายถึงหนี้สินที่บ้านของคุณนพมาศ ซึ่งเธอเข้าใจดี
“ค่ะ”
“เธอเป็นเมียในนามของฉันไปก่อน ถ้าฉันเจอผู้หญิงที่ใช่ แล้วเราค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง” เขาพูดตัดบท ก่อนจะวางสายไปหลังจากที่เธอรับคำอย่างโล่งใจ
“คุณยังไม่บอกนายหัวเหรอครับ”
“ฉันพูดไม่ทันค่ะ เขาพูดอยู่คนเดียว” รัตนปาตีส่งโทรศัพท์คืนให้คนขับรถ
“ผมมีหน้าที่แค่มารับเท่านั้น แต่ผมว่าคุณดีกว่าพี่สาวของคุณอีกนะ” โกไข่วิจารณ์ตรงๆ
“พี่สาว..” รัตนปาตีมีสีหน้างุนงง
“ก็คุณอรุณจันทร์ไงครับ”
“อ้อ...ทำไมเหรอคะ” รัตนปาตีพยักหน้า ลืมไปว่าตัวเองอยู่ในฐานะหลานของคุณนพมาศ ไม่ใช่คนใช้อีกต่อไป
“ผมเคยเจอคุณอรุณจันทร์แล้วล่ะครับ ขอโทษครับที่ต้องพูดตรงๆ ว่านิสัยแตกต่างจากคุณมาก”
“พี่เคยเจอคุณ เอ๊ย...พี่จันทร์เจ้าแล้วเหรอคะ” รัตนปาตีติดปากเรียกอรุณจันทร์ว่าคุณตลอด เลยไม่สนิทปากที่จะเรียกว่าพี่เชื้อ
“เคยสิครับ เธอเหวี่ยงน่าดู แถมยังพูดจาดูถูกคนอื่นอีก แต่คุณไม่เลยนะครับ เป็นคนนิ่งๆ พูดเพราะและอ่อนโยน”
“พี่ชื่ออะไรคะ ข้าวหอมยังไม่รู้จักชื่อพี่เลย” เธอเพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่ขึ้นมานั่งบนรถก็เอาแต่เหม่อ สุดท้ายก็ไม่ได้ถามชื่อแส้กันพอดี
“โกไข่ครับ”
“ชื่อแปลกจังค่ะ”
“แบบคนใต้ครับ” โกไข่ยิ้มให้หญิงสาวด้านหลัง
“พี่โกไข่ทำงานกับคุณนำทัพนานแล้วเหรอคะ”
“เรียกโกไข่เฉยๆ ก็ได้ครับ ไม่ต้องใส่พี่ ผมทำงานกับนายหัวนานแล้วล่ะครับ”
“นายหัวของโกไข่ใจดีไหมคะ”
“ใจดีมากๆ เลยครับ รักลูกน้อง ชอบช่วยเหลือคนอื่น นิสัยเหมือนนายหัวนิรุตพ่อของนายหัวนั่นแหละครับ แต่เวลาโกรธหรือไม่พอใจอะไร ก็โหดครับ นายหัวเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด เรียกว่าไม่ไว้หน้าใครครับ”
“เหรอคะ” เธอชักหวาดๆ แล้วสิ
“ยกเว้นคุณพ่อกับคุณแม่ครับ นายหัวจะเกรงใจเพราะรักและเคารพ ตอนนี้นายหัวนิรุตไม่อยู่แล้ว เหลือแต่นายแม่จรรยา ถ้านายแม่ขอ นายหัวก็จะยอมครับ เหมือนเรื่องแต่งงานครั้งนี้แหละครับ”
“ถ้าข้าวหอมไม่ใช่คุณ เอ๊ย...พี่จันทร์เจ้า นายแม่ของโกไข่จะว่าอะไรไหมคะ”
“ผมเองอยู่กับนายแม่มานาน รักและเคารพเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง เพราะเติบโตมากับนายหัว บางทีคุณคงต้องเป็นคุณอรุณจันทร์ไปก่อนครับ เพราะนายแม่มองไม่เห็น แต่ยังไงผมก็ว่าคุณดีกว่าคุณอรุณจันทร์แน่นอน นี่ถ้าเป็นคุณ
อรุณจันทร์คงไม่อยากดูแลนายแม่แน่นอน เพราะทั้งตาบอดและเดินไม่ได้” โกไข่พูดตามตรง
“แต่ข้าวหอมยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคุณนำทัพเลยนะคะ ถ้าข้าวหอมอ้างว่าเป็นพี่จันทร์เจ้า นายหัวของโกไข่จะโกรธไหมคะ”
“ถ้านายหัวยังอยู่คงตัดสินใจแบบผมแหละครับ เอาเถอะครับ ยังไงก็ตกกระไดพลอยโจนไปแล้ว แถมตอนนี้ก็มีวิธีนี้วิธีเดียว” ตอนนี้ที่ฟาร์มมุกเกิดเรื่อง นำทัพกำลังจัดการอยู่ เขาจึงไม่อยากให้เจ้านายหนุ่มต้องมาปวดหัวรอบสอง เอาไว้ที่ฟาร์มมุกเรียบร้อย แล้วค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง
“ข้าวหอมจะดูแลนายแม่ของโกไข่ให้ดีที่สุดค่ะ”
“ได้ยินแค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับ ถ้านายหัวเสร็จธุระกลับมาเห็นคุณดูแลนายแม่ดีก็คงดีใจล่ะครับ ถ้าจะโกรธก็คงหายโกรธไปเลย”
“ขอบใจโกไข่มากนะคะ”
“ขอบใจผมทำไมครับ”
“ที่แนะนำอะไรตั้งหลายอย่างค่ะ” เธอคิดว่าโกไข่น่าจะเป็นเพื่อนรุ่นพี่หรือที่ปรึกษาให้เธอได้ในอนาคต เพราะไปอยู่ที่นั่นเธอไม่รู้ว่าจะได้รับการ
ตอบรับจากคนที่นั่นอย่างไรบ้าง
“ไม่หรอกครับ ผมก็พูดไปตามที่คิด”
“โกไข่คงมีความสำคัญมากๆ นะคะ คุณนำทัพเลยให้มารับพี่จันทร์เจ้าแทน”
“ผมไม่ใช่คนสำคัญหรอกครับ แต่นายหัวไว้ใจเลยให้มา จริงๆ ผมเข้ากรุงเทพฯ กับนายหัว แล้วนายหัวต้องกลับไปแก้ปัญหาที่ฟาร์มมุก ผมจึงต้องรับหน้าที่มารับคุณอรุณจันทร์แทน”
“ค่ะ” รัตนปาตีรับคำ เก็บข้อมูลสำคัญเอาไว้ โกไข่เป็นคนที่เธอมองข้ามไม่ได้เลยจริงๆ
“คุณมีอะไรก็ถามผมได้นะครับ คนที่นั่นใจดี ไม่ต้องกลัว”
“ขอบใจมากนะจ๊ะ เหมือนมานั่งอยู่ในใจของข้าวหอมเลย กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”
“ผมเข้าใจก็เพราะว่าคนเรามาต่างบ้านต่างเมืองก็ย่อมกังวลเป็นธรรมดา แต่แบบคุณต้องเป็นที่รักแน่ๆ ครับ” โกไข่เชื่อเช่นนั้น เพราะรัตนปาตีอัธยาศัยดี ไม่ถือตัว อีกทั้งพูดจาก็ไพเราะ เขาคิดว่าคนที่นั่นคงต้อนรับหญิงสาวเป็นอย่างดี
รัตนปาตีมองบ้านหลังใหญ่ทรงแปลกตาอย่างทึ่งๆ บ้านหลังนี้อยู่ไม่ไกลจากชายหาดขึ้นมาบนเนินสูง แต่พอมองออกไป ก็มองเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่เคยได้ไปเที่ยวทะเลเลย นึกไปนึกมาก็แทบจำไม่ได้
กลิ่นอายของน้ำทะเล แสงแดด สายลมทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและดื่มด่ำกับบรรยากาศของที่นี่ พลันก็นึกถึงอาหารทะเลขึ้นมาด้วย
“เชิญด้านในครับ” โกไข่ช่วยเธอหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ เข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ทุกคนต่างต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้ม เพราะรู้ว่าเธอคือภรรยาของนำทัพที่เขาไปแต่งงานที่กรุงเทพฯ
คนที่พาเธอเข้ามาในบ้านน่าจะมีบารมีไม่แพ้เจ้านาย เพราะทุกคนต่างยกมือไหว้โกไข่เสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง หรือเพราะว่าเขาอาจจะอายุพอสมควรแล้ว
“คุณข้าวหอมไปกราบนายแม่ก่อนนะครับ แต่ตอนนี้คุณเป็นคุณอรุณจันทร์ไปก่อนแล้วกัน” โกไข่คิดว่าถ้าพูดความจริงออกไป คงซักไซ้กันยาว ที่สำคัญนำทัพก็ไม่อยู่ เขายังไม่อยากให้มีปัญหาขึ้นมาในตอนนี้
รัตนปาตีตามเข้าไปในห้องพักขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง เธอมองหญิงชราที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง และมีผู้หญิงอีกคนกำลังอ่านหนังสือให้ฟัง ท่านมีร่างกายซูบผอม แต่เค้าโครงหน้าบ่งบอกว่าเมื่อสมัยสาวๆ คงสวยน่าดู
“นายแม่ครับ ผมพาคุณอรุณจันทร์มาแล้วนะครับ”
“นำทัพล่ะ ไม่ได้มาด้วยเหรอ” เสียงของท่านแลดูตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด