“นายหัวติดงานด่วนที่ฟาร์มมุกครับ”
“เลยต้องให้หนูจันทร์เจ้าเดินทางมาคนเดียว แย่จริงพ่อลูกชาย แต่ก็เอาเถอะ” ท่านพูดเหมือนไม่ได้อะไรมากมายกับลูกชาย เพราะรู้ดีว่านำทัพงานยุ่งแค่ไหน
“คุณจันทร์เจ้าเข้าไปกราบนายแม่สิครับ” โกไข่บอกหญิงสาวใกล้ๆ
“มาหาแม่สิหนูจันทร์เจ้า” ท่านอ้าแขนรอคอย รัตนปาตีเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะสัมผัสมือของท่าน แล้วท่านก็กอดเธอแนบอก รู้สึกได้ถึงความอุ่นวาบที่ถ่ายทอดมายังเรือนร่าง เธอค่อยๆ กอดตอบท่าน
“เสียดายที่แม่ไม่ได้เห็นหน้าหนู” คุณจรรยาลูบไล้ใบหน้าของหญิงสาวไปมา
“หนูต้องสวยมากๆ แน่เลย ใช่ไหมไข่” ท่านหันไปถามโกไข่
“ครับ คุณจันทร์เจ้าสวยมาก กิริยามารยาทเรียบร้อย พูดก็เพราะครับ”
“หนูมาได้พอดิบพอดีกับที่ประไพจะลาออก” ท่านพูดแล้วถอนใจเหมือนเสียดาย
“ประไพคือพยาบาลที่ดูแลแม่มาหลายปี เค้าต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่เขา จะมาดูแลฉันตลอดชีวิตก็ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ต่อไปข้าว...เอ๊ย! จันทร์เจ้าจะดูแลนายแม่เอง”
“เรียกนายแม่ทำไม เรียกว่าแม่สิ เรียกเหมือนนำทัพนั่นแหละ” คุณจรรยารีบบอก ลูบผมของอีกฝ่ายไปมา สัมผัสเนื้อตัวของคนที่เข้าใจว่าเป็นลูกสะใภ้อย่างดีใจ
“ค่ะคุณแม่”
“แม่ของหนูสบายดีนะ”
“สบายดีค่ะ”
“ว่างๆ ก็ชวนมาเที่ยวที่ภูเก็ตบ้าง อยู่ที่โน้นคงเหงาแย่ เพราะมีหนูเป็นลูกคนเดียว”
“ค่ะคุณแม่” รัตนปาตีตอบรับ เพราะนั่นเป็นเรื่องของอนาคต
“แม่ให้คนจัดห้องพักเอาไว้แล้ว ก็ห้องนำทัพนั่นแหละ แต่เพิ่มเติมสัดส่วนของหนูเข้าไป พวกตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งสวยๆ หนูคงจะถูกใจนะจ๊ะ แย่จริง...แม่ถามว่าถูกใจหรือเปล่า หนูยังไม่เห็นห้องพักเลยใช่ไหม”
“ขอบคุณมากๆ ค่ะ หนูยังไงก็ได้ค่ะ”
“ยังไงก็ได้ ได้ยังไงกัน เป็นสะใภ้ของแม่ทั้งทีก็ต้องให้สมเกียรติสมฐานะ” ท่านกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ รัตนปาตีกังวลก็เมื่อท่านบอกว่าจัดห้องนอนให้อยู่ห้องเดียวกับนำทัพ เขาคงไม่ ชอบใจหากจะให้ภรรยาในนามอย่างเธอไปยุ่งวุ่นวายกับห้องหับของเขา แต่การที่จะเอ่ยปากพูดกับคุณจรรยาเวลานี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรพูด เดี๋ยวท่านจะสงสัยเอาได้ เรื่องนี้คงต้องให้โกไข่ช่วยเธออีกเป็นแน่
“หนูมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนก่อนดีกว่า อาบน้ำพักให้สบาย แล้วค่อยลงมาทานข้าว วันนี้นำทัพกลับไหมไข่” ท้ายประโยคคุณจรรยาเอ่ยถามโกไข่
“นายหัวคงอยู่อีกหลายวันครับ หรืออาจจะครึ่งเดือน” โกไข่พูดว่าครึ่งเดือน แต่จริงๆ อาจจะเคลียร์ปัญหากันนานกว่านั้น
“งานด่วนอะไรหนักหนา ตั้งครึ่งเดือนเชียวรึ”
“เรื่องที่ฟาร์มมุกครับ” โกไข่ไม่อยากบอกว่าปัญหาใหญ่และเสียหายไปเยอะเพราะถูกคู่แข่งเล่นงานเข้าให้เพราะกลัวคุณจรรยาจะคิดมาก เลยบอกแค่นั้น
“เอาเถอะ เขายอมหาลูกสะใภ้มาให้ฉันก็ดีแล้วล่ะ จะทำงานยุ่งขนาดไหน เสร็จงานก็คงกลับบ้าน” ท่านยังกุมมือสะใภ้ของท่านเอาไว้ไม่ยอมคลาย
“หนูคงต้องกินข้าวกับคนแก่ตาบอด คงไม่รังเกียจหรือรำคาญใช่ไหมลูก” ท่านพูดเหมือนไม่มั่นใจ
“ไม่เลยค่ะ หนูยินดี ก่อนที่คุณประไพจะลาออก ก็ขอให้บอกรายละเอียดการดูแลให้เรียบร้อย ที่เหลือหนูจะจัดการเองค่ะ” เธอใช้คำว่าหนูแทนที่จะแทนตัวเองว่าจันทร์เจ้าเพราะรู้สึกว่าโกหกเหลือเกิน แต่เอาเถอะ ไหนๆ ก็ตกกะไดพลอยโจนมาถึงขั้นนี้แล้วอย่างที่โกไข่บอกไว้ จะยังไงก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
“หนูนี่น่ารักจริงๆ เลย ไม่เสียแรงที่แม่รบเร้านำทัพให้ไปหาหนู ไม่งั้นแม่คงไม่มีสะใภ้และไม่ได้อุ้มหลานสักที” พอพูดเรื่องหลาน รัตนปาตีก็หน้าแดงก่อนจะซีด นี่เธอโกหกคนแก่ให้ท่านมีความหวัง ถ้าท่านรู้ความจริงเข้าคงเสียใจแย่ รู้สึกไม่สบายใจเหลือเกิน
“หนูอยากกินอะไรจ๊ะ แม่จะให้คนจัดให้เป็นพิเศษ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ต่างหากอยากทานอะไร หนูจะได้ทำให้ทาน”
“ไพดูลูกสะใภ้ของฉันสิ น่ารักแบบนี้ ฉันมีความสุขเหลือเกิน หนูชอบทำอาหารเหรอจ๊ะ นพมาศนี่เลี้ยงลูกดีจริงๆ” คุณจรรยาเอ่ยชม ใบหน้าของท่านยิ้มแย้ม
“หนูทำอาหารพอได้บ้างคะ ทั้งของคาวของหวาน แต่ไม่รู้รสมือจะถูกปากคุณแม่หรือเปล่า”
“เห็นมาเยอะแล้วว่าคนพูดแบบนี้มักจะถ่อมตัวจริงไหมไพ”
“จริงค่ะนายแม่”
“แม่น่ะชอบกินปลาจ้ะ แต่หนูล่ะชอบกินอะไร”
“ชอบปลาเหมือนกันค่ะ ย่อยง่าย และทำได้หลายเมนูเลย” รัตนปาตีพูดอย่างเอาใจ ชอบกินเหมือนกันจะได้ทำเหมือนกัน ไม่ต้องจัดหลายเมนูให้ยุ่งยาก จริงๆ เธอทานได้หมด เพราะไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร แตกต่างจากอรุณจันทร์ ซึ่งเลือกทานอาหารเหลือเกิน
“หลายเมนูก็จริง แต่ถ้าไม่เก่งจริงคงคาวน่าดู” คุณจรรยาพูดยิ้มๆ
“เดี๋ยววันนี้หนูจะทำอาหารให้คุณแม่ทานนะคะ”
“หนูมาเหนื่อยๆ ยังจะมาทำอาหารให้แม่ทานอีกเหรอ จริงๆ แม่ต้องเลี้ยงต้อนรับหนูนะ”
“หนูอยากลองทำให้คุณแม่ทานค่ะ”
“อยากจะแสดงฝีมือก็ตามสบายเลยลูก แม่น่ะรอทาน นำทัพนี่โชคดีจริงๆ ที่ได้หนูเป็นภรรยา จริงไหมไพ” ท่านหันไปถามพยาบาลส่วนตัว
“จริงค่ะ คุณจันทร์เจ้าสวยหวานน่ารัก ไพก็เบาใจว่าจะมีคนมาดูแลนายแม่ต่อ”
“หนูไปอาบน้ำนอนพักก่อน ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องทำนะลูก” คุณจรรยาพูดอย่างเอ็นดูลูกสะใภ้
“ค่ะคุณแม่” รัตนปาตีกราบที่ตักของท่าน คุณจรรยายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อยื่นมือไปรับไหว้คนตรงหน้า
“แม่ไพ ลูกสะใภ้ฉันเป็นยังไงบ้าง” คุณจรรยาเอ่ยถามเมื่อรัตนปาตีออกไปจากห้องแล้ว ตั้งแต่ตาบอดท่านก็หูดี ได้ยินเสียงปิดประตูก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายไปแล้ว เพราะต้องใช้ประสาทสัมผัส ไม่ใช่ใช้ดวงตาในการมองเห็นเหมือนก่อน
“น่ารักค่ะนายแม่ กิริยามารยาทเรียบร้อย อ่อนหวาน พูดก็เพราะ ไพคงเบาใจว่าจะมีคนมาดูแลนายแม่แทน” ประไพก็ต้องกลับไปดูแลบิดามารดา แต่ติดตรงที่เป็นห่วงคุณจรรยาเช่นกัน บิดามารดาก็สำคัญเหลือเกิน ซึ่งไม่สามารถทิ้งไปได้ พอได้เห็นลูกสะใภ้ของเจ้านาย เลยรู้สึกเบาใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะลาออกและจากไปได้ง่ายดาย แต่จรรยาและนำทัพมีบุญคุณคอยช่วยเหลือครอบครัวของเธอมาตลอด น้ำใจนี้เธอไม่เคยลืมเลือน และอยากจะตอบแทนโดยการทำงานและดูแลจรรยาให้ดีที่สุดเป็นการตอบแทน
“คุณนิรุตก็คงพอใจที่ฉันได้ทำตามที่ท่านตั้งใจเอาไว้”
“เดี๋ยววันนี้คงได้ชิมฝีมือคุณจันทร์เจ้าค่ะ”
“ดูสิมาเหนื่อยๆ ยังจะเข้าครัว”
“ท่าทางจะเก่งงานบ้านงานเรือนนะคะ”
“แบบนี้ก็ดีสิ นำทัพเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงเก่งทำงานเหมือนผู้ชายหรอกนะ เขาชอบแม่บ้านแม่เรือน กลับมาเหนื่อยๆ เขาจะได้ชื่นใจ ผู้หญิงบางคนทำงานเก่ง แต่ที่บ้านนั้นไม่ได้ดูแลสามี มัวแต่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง ผู้ชายเขาก็ไม่ชอบหรอกนะ เขาอยากให้ภรรยาที่บ้านเอาใจ”
“ไพว่าคุณใหญ่ต้องรักคุณจันทร์เจ้าแน่ๆ ค่ะ” ประไพพูดอย่างเห็นด้วย มองประมุขใหญ่ของบ้านแล้วมีความสุขตามไปด้วย ท่านไม่ค่อยได้ยิ้มแบบนี้มานานมากแล้ว
ประไพกับคนรับใช้ในบ้านต่างมองกันแล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นสะใภ้หมาดๆ ที่ทำอาหารน่าทานหลายอย่าง กลิ่นหอมนั้นทำให้ทุกคนถึงกับลอบกลืนน้ำลายด้วยความหิว แล้วไหนจะภาพที่หญิงสาวคอยตักอาหารป้อนและเช็ดปากให้แม่สามี นั่นทำให้ทุกคนลงความเห็นเหมือนกันว่าทั้งน่ารักและแสนดี แบบนี้คุณจรรยามีอะไรก็คงยกให้หมด เพราะท่านก็มีลูกชายเพียงคนเดียว
นอกจากอาหารตั้งโต๊ะแล้ว รัตนปาตียังทำอาหารเผื่อแผ่สาวใช้ในบ้านและลูกจ้างคนอื่นๆ ที่ต้องรับประทานอาหารในบ้านใหญ่ ขนาดแม่ช้อยซึ่งเป็นแม่ครัวใหญ่ถึงกับเอ่ยปากว่าอาหารอร่อยเหลือเกิน ทุกคนทานไปชมไปไม่ขาดปาก เรียกว่ารัตนปาตีได้ใจทุกคนไปเกินร้อย