5

1454 Words
“จริงค่ะ” รัตนปาตีไม่ใช่คนโง่ แต่เพราะเธอเลือกที่จะไม่มีปัญหากับใคร เรียกว่าไปตามน้ำ อรุณจันทร์ชอบให้ยกยอปอปั้น ชอบให้ชม เธอก็ชม แต่จริงๆ อรุณจันทร์ก็เป็นคนสวยมาก สวยโฉบเฉี่ยว ทันสมัย และรู้จักแต่งเนื้อแต่งตัว แต่รัตนปาตีคิดว่าการชมคนอื่นแล้วไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนก็ดีอยู่ เพราะถ้าทำให้โกรธ อรุณจันทร์มักจะหาเรื่องลงไม้ลงมือเอากับเธอได้ เธอถือคติที่ว่า รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี “แกเอาเศษผ้าขี้ริ้วของแกไปเก็บเลยนะ แล้วก็มาทำเล็บให้ฉันใหม่ด้วย” อรุณจันทร์มองเสื้อผ้าของรัตนปาตีอย่างรังเกียจ ทั้งเฉิ่มทั้งเชย แถมยังเก่าอีกด้วย แต่หารู้ไม่ว่าคนบางคนก็เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง... “ค่ะ” รัตนปาตีรับคำ ก่อนจะมาทำเล็บให้อรุณจันทร์ นอกจากเป็นช่างเสริมสวยประจำตัวของสองแม่ลูกแล้ว เธอก็ยังทำอาหารได้ทุกอย่าง ทั้งคาวทั้งหวาน บางทีถ้าเราคิดบวก มันก็ดีต่อชีวิต เพราะการรับใช้สองแม่ลูกตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ทั้งความอดทนและหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอต้องทำให้ได้ อาหารการกินไม่ว่าจะชาติไหนๆ เมื่ออรุณจันทร์อยากกิน เธอก็ต้องไปสรรหามาจนได้ ทำให้เธอมีความรู้ติดตัว อนาคตหากเก็บเงินได้สักก้อน เธอก็จะหาลู่ทางประกอบกิจการเล็กๆ ของตัวเอง จะเป็นช่างเสริมสวยเธอก็ทำได้ทุกอย่าง จะเปิดร้านอาหารเธอก็ได้ เรื่องดูแลตกแต่งบ้านเธอก็ยังทำได้ เพราะอรุณจันทร์อยากเปลี่ยนสไตล์การแต่งบ้าน เธอก็เป็นคนจัดการทั้งหมด เฟอร์นิเจอร์เอย เครื่องเรือน ผ้าม่าน เรียกว่าเธอทำตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ “เล็บสีนี้สวยมาก” อรุณจันทน์มองเล็บของตัวเองแล้วนึกชอบใจ “ไม่มีใครทำได้สวยถูกใจเท่าข้าวหอมอีกแล้ว” ถ้าถูกใจก็เรียกข้าวหอม ถ้าโมโห ไม่พอใจก็เรียกแก เรียกนัง เรียกไอ้ตามอารมณ์ ซึ่งรัตนปาตีชินเสียแล้ว เพราะเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก “อีตาคู่หมั้นบ้านนอกของฉัน เห็นฉันเข้าคงจะตกตะลึง อยากจะให้ฉันไปเป็นเมียมันเร็วๆ นี่ก็เห็นเพิ่งโทรมา พอตกเย็นก็จะให้ไปกินข้าวด้วย ดูไปดูมาจริงๆ ฉันน่าจะเล่นตัวกับมันสักหน่อยนะ” อรุณจันทร์พูดเหมือนปรึกษา ริมฝีปากเหยียดอย่างดูถูกเมื่อเอ่ยถึงคู่หมั้นของตัวเอง “แกว่าไหม” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ อรุณจันทร์ก็คาดคั้นถาม “จริงค่ะ” คร้านจะออกความคิดเห็น สรุปก็เออออไปเสียก็จบเรื่อง นั่นเป็นทางออกของรัตนปาตีที่ใช้ได้ดีเสมอกับเจ้านายทั้งสอง ก๊อก ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูขัดจังหวะการสนทนาของสองสาว อรุณจันทร์เห็นมารดาเคาะประตู ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงตอบรับ “มีอะไรคะคุณแม่” “นำทัพจะส่งคนไปรับลูกอีกครึ่งชั่วโมงน่ะจ้ะ” “อะไรกันคะ” อรุณจันทร์โวยวายเสียงดัง “นี่ก็เย็นแล้วนะลูก” คุณนพมาศพูดกับบุตรสาวเหมือนเกรงใจ เพราะทุกวันนี้ก็ต้องพึ่งลูกสาวอยู่มาก แม้อรุณจันทร์จะทำตัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หรือเงินที่ได้แลกมากับอะไร ซึ่งเธอก็รู้ดี แต่นางก็ต้องหลับหูหลับตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะอรุณจันทร์ไม่ชอบทำงานอะไรเหนื่อยๆ “รำคาญจริงเชียว” แล้วอรุณจันทร์ก็บ่นอีกยาวยืด สุดท้ายก็ต้องยอมออกไปกับคนขับรถของนำทัพ รถที่มารับก็ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย นั่นยิ่งทำให้อรุณจันทร์คิดว่าเธอต้องรีบปฏิเสธการหมั้นหมายในทันทีที่เจอหน้าคู่หมั้นหนุ่ม จะได้ไม่มีพันธะต่อกัน แค่ยานพาหนะ ก็ทำให้เธอแทบกระอักตาย ทั้งเก่า ทั้งไร้รสนิยม บ่งบอกถึงความเป็นบ้านนอกคอนาที่มีรถขับก็ดีถมเถไปแล้ว “เป็นยังไงบ้างลูก นำทัพเขารวยไหมลูก” “โอ๊ย! คุณแม่อย่าพูดชื่ออีตานี่ให้หนูฟังอีกนะคะ” อรุณจันทร์กระแทกร่างลงบนโซฟาในห้องรับแขกที่มารดานั่งรออยู่ สีหน้าหงิกงอบ่งบอกถึงอารมณ์ไม่พอใจอย่างยิ่งยวด “ทำไมล่ะลูก” “จะทำไมอีกล่ะคะ ก็หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ตัวก็ดำปี๋ คงจะทำงานตรากตรำอยู่ในทะเล หากุ้งหอยปูปลา ชื่อเสียงความร่ำรวยว่าเป็นนักธุรกิจก็ไม่มี มารยาทก็ไม่ดี แถมยังเด๋อๆ ด๋าๆ เหมือนพวกบ้านนอกเข้ากรุง แบบนี้คุณแม่จะให้หนูแต่งงานกับมันเหรอคะ หนูจะบ้าตาย แค่คิดว่าต้องไปหากุ้งหอยปูปลากินอยู่กลางทะเลก็อยากจะเอาหัวโขกพื้นตายไปซะให้พ้นๆ” “ตายแล้ว นำทัพไม่ได้หล่อเหลาเหมือนพ่อของเขาหรอกรึ” นพมาศยกมือขึ้นทาบอก “หล่อเหรอคะ อย่าเรียกว่าหล่อเลยค่ะ พอไปวัดไปวาได้ยังไม่ไหว หนูไม่เอาหรอกนะคะ” อรุณจันทร์ปฏิเสธเสียงดัง “แต่เขารวยหรือเปล่าล่ะ” “รวยบ้ารวยบออะไรคะ รถที่เอามารับก็รถธรรมดา พาไปกินอาหารร้านบ้านนอกคอกนา มีแต่อาหารไทยรสชาติไม่เอาไหน โอ๊ย! แค่นึกก็ขยะแขยงค่ะ หนูไม่ได้กินอะไรสักอย่าง แค่ไปบอกเลิกสัญญาหมั้นหมายก็แค่นั้น เชื่อไหมคะ นัง ข้าวหอมยังทำอาหารอร่อยกว่าร้านที่มันพาไปทานอีก” “จริงเหรอนี่” คุณนพมาศรู้สึกผิดหวังอยู่มาก เพราะคิดว่านำทัพจะต้องหล่อเหลาสูงสง่าเหมือนบิดา และมาช่วย กอบกู้ฐานะทางครอบครัว แต่ทุกอย่างก็เหลวอีกเช่นเคย “คุณแม่อย่าหวังอะไรกับเขาเลยค่ะ ตอนแรกจันทร์เจ้าก็คิดว่าถ้ารวยจริง ก็คงจะลองคบดู หลอกเล่นเอาเงินมันมา พวกบ้านนอกมันโง่จะตาย แต่นี่หน้าตาท่าทางแค่ควงก็อับอายขายหน้า เงินทองก็ไม่มี ตอนจ่ายค่าอาหารก็ควักเงินจากก้นกระเป๋า หนูนี่แทบมุดใต้โต๊ะ โอ๊ย...อยากจะบ้าตายจริงๆ” “งั้นหนูก็ถอนหมั้นกับนำทัพแล้วใช่ไหม” คุณนพมาศถามไถ่ให้รู้ความ “ก็ใช่น่ะสิคะ ใครจะไปแต่งงานกับไอ้บ้านนอกนั่น คุณพ่อนะคุณพ่อ จะหมั้นหมายกับใครทั้งที เอาให้หล่อๆ รวยๆ ไม่ได้หรือไง” อรุณจันทร์บ่นไม่หยุดปาก “แม่ก็คิดว่านำทัพจะมาช่วยให้เราลืมตาอ้าปากได้เสียอีก” “หนูว่าคุณแม่เลิกคิดไปได้แล้วค่ะ แล้วนี่นังข้าวหอมไปไหน ให้มาทำอะไรให้หนูกินหน่อยสิคะ หิวจนแสบท้องแสบไส้ไปหมดแล้ว” “หนูยังไม่ได้กินอะไรหรอกหรือจ๊ะ” “โอ๊ย! ก็เมื่อกี้บอกแล้วไงว่ากินไม่ลง แค่เห็นหน้าหมอนั่น หนูก็อยากจะมุดดินหนี” คุณนพมาศถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตะโกนเรียกรัตนปาตีมาสั่งความให้ไปทำอาหารให้บุตรสาวทาน เรียกว่าอาหารฝีมือของรัตนปาตี ถ้าใครได้ทานคงต้องติดใจ เพราะอร่อยเหลือเกิน “ผู้หญิงอะไรนิสัยแย่จริงๆ เลยครับนายหัว ผมไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน”  โกไข่วิจารณ์ด้วยใบหน้าเหยเก เขาต้องเป็นตัวแทนของเจ้านายหนุ่มไปแอบอ้างว่าเป็นคู่หมั้น ซึ่งนำทัพแค่อยากเห็นพฤติกรรมของอรุณจันทร์เท่านั้น ถ้าเธอไม่เหยียดคนอื่นและนิสัยดี ก็จะออกมาปรากฏตัว แต่พบว่าอรุณจันทร์นั้นทั้งพูดจา ดูถูกเหยียดหยาม ทั้งแสดงสีหน้าท่าทางว่าไม่อยากแต่งงานด้วยอย่างชัดเจน นำทัพเลยได้แต่มองอย่างระอา และไม่ปรากฏตัวให้เห็นในที่สุด “ก็เจอเสียสิ” “นายหัวจะเอายังไงต่อไปดีครับ” “กลับภูเก็ต” “แต่นายแม่” “บอกแม่ไปว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับฉันก็สิ้นเรื่อง” “แต่เธอยังไม่ได้เจอกับนายหัวนะครับ บางทีเจอกับนายหัวอาจจะยอมตกลงปลงใจก็ได้” “นิสัยแย่แบบนั้น ไม่ไหวหรอกนะ” นำทัพส่ายหน้าไปมา “แต่นายหัวควรจะไปคุยกับผู้ใหญ่ทางโน้นก่อนดีไหมครับ” โกไข่แนะนำ “คุยกับใครก็เหมือนกัน เขาไม่อยากแต่งงานกับฉัน...” นำทัพพูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอกดรับและคุยกับปลายสายสีหน้าก็เคร่งเครียดทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD