หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆ เรือยอชต์ส่วนตัวลำนี้เป็นยานพาหนะสุดหรู เป็นลำใหญ่ที่สุดในจำนวนหกลำที่จอดเทียบเรียงกันอยู่ตรงท่าเมื่อครู่ ด้านในมีเครื่องอำนวยความสะดวกแบบครบครัน พื้นที่ส่วนที่เธอนั่งเป็นบริเวณที่กินเนื้อที่กว้างขวางที่สุด มีที่นั่งสำหรับลูกเรือจำนวนสิบหกที่นั่ง มองอีกอย่างคล้ายจะเป็นมุมพักผ่อน เพราะตรงหน้ามีโฮมเธียเตอร์ชุดใหญ่ อีกทั้งเบาะใบนุ่มที่เธอนั่งอยู่สามารถปรับระดับได้หลายรูปแบบ เป็นได้ทั้งเตียงนอนสำหรับลูกเรือทั้งสิบหก เหมาะสำหรับจัดงานปาร์ตี้ย่อมๆ
มองออกไปด้านนอกกระจกเป็นลานกว้าง มีเตียงผ้าใบที่ยื่นออกไปในทะเลสำหรับอาบแดดล้อมรอบสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลาง
หญิงสาวหันสายตากลับเข้ามาข้างใน ด้านขวามือของเธอเป็นโซนมินิบาร์ที่มีไวน์หลากหลายยี่ห้อตั้งเรียงรายอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ จะมีเครื่องดื่มพวกวิสกี้หรือเบียร์เพียงเล็กน้อย เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าของคงชื่นชอบไวน์มากกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่น
ถัดไปจากตรงนั้นเป็นที่กั้นด้วยกระจก ห้องที่ชายหนุ่มเพิ่งจะเดินเข้าไปเมื่อครู่ ดูจากลักษณะของเครื่องอำนวยความสะดวกข้างในคงจะเป็นห้องทำงานส่วนตัวของเขา
หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ทิ้งตัวลงกับพนักและหยิบชูชีพขึ้นมาสวม แม้จะรู้ว่าเรือยอชต์ลำนี้ไม่มีทางล่มง่ายๆ แต่เธอก็กลัวการเดินทางทางน้ำที่สุด ถึงกระนั้นก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น
ตอนนี้เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มจะเดินทางไปไหน หญิงสาวรีบคว้าเป้ที่ตัวเองแบกติดมาค้นหาเอกสารจำเป็นของตัวเอง หากต้องเดินทางไปไกลและถูกปล่อยทิ้งกลางทาง เธอจะทำอย่างไร
“เฮ้อ!” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าเธอไม่ลืมหยิบพาสปอร์ตของตัวเองติดมาด้วย ถ้าเธอลืมเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมาละก็ ความลำบากจะบังเกิดขึ้นในวินาทีต่อจากนี้ไปทันที
แต่สิ่งที่หญิงสาวหนักใจเป็นลำดับต่อมาคือจำนวนเงินที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง เธอไม่มีเงินสดมากพอที่จะเดินทางกลับด้วยตัวเองหากถูกปล่อยทิ้งไว้กลางทาง ทั้งนี้เธอคิดเผื่อในกรณีที่เขาพาเธอเดินทางออกไปนอกประเทศ ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เป็นเช่นนั้น เพราะในบางประเทศเธอคงไม่สามารถเข้าประเทศเขาได้หากไม่ได้ยื่นขอวีซ่าเสียก่อน
ใช้เวลาในการเดินทางไม่ถึงสองชั่วโมงหญิงสาวก็รู้สึกว่าเรือยอชต์หยุดนิ่ง มันลอยเคว้งอยู่กลางทะเล จึงรีบเปิดม่านหน้าต่างออกมองด้านนอก
“ทะเล” หญิงสาวทวนคำเบาๆ คงจะเป็นทะเลที่ไหนสักแห่งในน่านน้ำของอเมริกา
ตูม!
เสียงฉลามหนุ่มกระโดดลงไปในทะเล หญิงสาวมองตามไปก็เห็นว่าเขาอยู่กลางทะเล เธอสังเกตเห็นว่าพนักงานของเขากำลังปลดล็อกเรือที่ติดกับเรือยอชต์ ถ้าเดาไม่ผิดพนักงานกำลังกางใบของเรือใบให้เขา
เวลาผ่านไปอีกไม่นานหญิงสาวก็เห็นโดนัลด์ว่ายน้ำกลับมา เธอเห็นเขาปีนขึ้นไปบนเรือใบ และบังคับมันโต้คลื่น เรือขยับออกจากลำของเรือยอชต์ไปเรื่อยๆ ในขณะที่เรือยอชต์ลำนี้หรือยังลอยเคว้งอยู่กลางทะเล
หญิงสาวเริ่มหวาดกลัวว่าจะถูกปล่อยกลางทะเลจริงๆ เพราะบนเรือลำนี้เธอไม่รู้จักใคร และชายหนุ่มเจ้าของเรือก็เกลียดเธอเข้าไส้ ที่สำคัญเธอกลัวน้ำและก็ว่ายน้ำไม่เป็น หากถูกปล่อยทิ้งไว้กลางทะเลใหญ่จริงๆ หนทางเดียวของเธอคือไม่รอด
ปาจรีย์รีบวิ่งออกไปที่ลานหน้ากราบเรือ ป้องปากตะโกนออกไปสุดเสียง
“นี่คุณ! แล้วฉันล่ะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายทาง ในขณะที่ความห่างระหว่างเรือยอชต์กับเรือใบค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาของหญิงสาวพานจะไหลออกมาดื้อๆ
เมื่อหกชั่วโมงก่อนหน้านี้เธอโกรธที่โดนไล่ออกอย่างไม่มีเหตุผล และเมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้เธอดีใจที่สุดที่เขาคว้ามือเธอติดขึ้นเรือยอชต์มาด้วย คาดหวังว่าจะต้องมีเวลาอธิบายและเธอก็คงจะได้งานของเธอคืน แต่ตอนนี้เธอกลับเกลียดที่ขึ้นมาอยู่บนเรือยอชต์ลำนี้ และที่สำคัญที่สุด...เธอกำลังกลัวที่สุดในชีวิต
“คุณ!” หญิงสาวตะโกนออกไปสุดเสียงอีกครั้ง แต่ก็ได้ยินเพียงเสียงสะท้อนของตัวเองกลับมา
ปาจรีย์เริ่มหันรีหันขวางมองหาพนักงานของชายหนุ่ม แต่เธอก็เห็นคนพวกนั้นขับสปีดโบ๊ตตามเขาออกไปติดๆ หญิงสาวรีบวิ่งสำรวจสถานที่ต่างๆ ภายในเรือยอชต์ หัวใจของเธอหล่นมาอยู่ที่ตาตุ่ม น้ำตาของเธอไหลรินอย่างไม่รู้สาเหตุ ทันทีที่ได้รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนเรือยอชต์ลำนี้มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น
สิ่งที่พอชื่นใจได้บ้างคือสมอเรือที่ปักยึดตรึงเอาไว้กับพื้นมหาสมุทร อย่างน้อยเธอก็ยังอยู่ในจุดนี้ไม่ไปไหน แต่เขาคงจะหวงสมบัติของเขามากกว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนเรือ
หญิงสาวเริ่มคิดฟุ้งซ่านไปอีกอย่าง แม้จะอยู่ตรงนี้ ถ้าหากเกิดพายุหรือเรือแตกล่ะ แล้วเธอก็ว่ายน้ำไม่เป็น เธอจะทำอย่างไรกัน
ปาจรีย์ฟุบหน้าลงกับหน้าขาของตัวเอง น้ำตาเปียกชื้นฉ่ำแฉะ ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมา และก็ยิ่งโทษตัวเองว่าเธอไม่น่าบ้าบิ่นทำได้ถึงขนาดนี้เลย
หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามตั้งสติเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา สายตาก็มองออกไปทางทะเลเป็นระยะ แม้เวลาผ่านไปนับห้าชั่วโมงแต่ก็ยังไร้วี่แววที่ชายหนุ่มจะกลับมา น้ำตาของเธอเหือดแห้งไปแล้วแต่ตายังบวมช้ำ
ความรู้สึกของเธอตอนนี้ทั้งกลัว หวาดระแวง ความคิดต่างๆ นานาอัดแน่นอยู่ในอกราวกับจะระเบิดออกมา ในใจก็ภาวนาขอให้ชายหนุ่มเจ้าของเรือกลับมาเสียที แม้จะไม่ได้กลับเข้าไปทำงานอีก ตอนนี้เธอขอเพียงแค่ไม่ได้อยู่คนเดียวบนเรือยอชต์ลำนี้ก็พอ
เสียงก๊อกแก๊กเหมือนมีคนเดินทำให้หญิงสาวรีบขยับตัวลุกขึ้นและมองไปที่จุดกำเนิดเสียง สายตาของเธอเห็นชายหนุ่มในชุดว่ายน้ำก้าวขึ้นมาจากบันไดของเรือยอชต์ เธอบอกได้เต็มปากว่าดีใจที่สุด หญิงสาวรีบขยับตัวลุกขึ้นและวิ่งไปหาเขาทันที
หญิงสาวโผเข้ากอดชายหนุ่มโดยที่สมองไม่ได้สั่ง ห้าชั่วโมงที่เธออยู่อย่างหวาดผวา ห้าชั่วโมงแห่งความทรมานที่สุดในชีวิต
“คุณ!” หญิงสาวร้องเสียงสั่น ขณะที่สองมือโอบเอวของชายหนุ่มเอาไว้ พร้อมกับซุกหน้าที่หน้าอกของเขาอย่างหน้าไม่อาย
ตัวของเธอสั่นราวกับลูกนกที่เพิ่งกะเทาะออกจากเปลือก น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
“เป็นอะไร” ชายหนุ่มถามเสียงห้วน
“คุณไปไหนมา ฉันกลัว”
“ก็ฉันมาพักผ่อน ไม่ได้มานั่งเฝ้าใครสักหน่อย เธออยากตามฉันขึ้นเรือมาเองต่างหาก”
“ฉันไม่ได้ตามนะ คุณจูงมือฉันขึ้นมาเองต่างหาก ฉันก็แค่อยากได้งานของฉันคืน และอยากอธิบายเหตุผลให้คุณฟังก็เท่านั้น ไม่ได้อยากตามคุณมาเพื่อขัดความสุขในการพักผ่อนของคุณเสียหน่อย” หญิงสาวเอ่ยเสียงอู้อี้กับอกของเขา