บทที่ 10
โง่งมมิต่างจากลูกเต่า...
ตำหนักรุ่ยอ๋อง
ห้องทำงาน
ทางด้านรุ่ยอ๋องนั่งอยู่โต๊ะทำงานตัวเดิมตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากกลับมาจากว่าที่พระชายาในภายภาคหน้า มือหนายังคงอ่านกระดาษที่ใจความเนื้อหาล้วนแล้วแต่เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่น่ามึนงงไม่น้อย
นางเหมือนกับว่ามิได้อยากแต่งเป็นชายาเอกเข้าตำหนักเขา...
มิอยากยุ่งเกี่ยวมิอยากเฉียดเข้าใกล้...
"ท่านอ๋อง เรียกหากระหม่อมหรือพะยะค่ะ"เจียงจูองครักษ์เอ่ยขึ้นหลายครั้งเมื่อผู้เป็นนายท่าทีเหม่อมลอยอย่างเห็นได้ชัด
"อืม รู้จักต้นฉั่งฉิกหรือไม่ เราต้องการจำนวนมาก"ร่างหนาเอ่ยถามองครักษ์คนสนิท
"ต้นฉั่งฉิกหรือพะยะค่ะ ต้นไม้ชนิดนี้ใบสามารถใช้รักษาแผลสดได้ผลรวดเร็วยิ่งเพียงแต่การขยายพันธุ์ยากนัก จึงมีแต่เพียงในพระราชวังเท่านั้นพะยะค่ะ"
"คงมีแต่ในสวนหลวงสินะ"ร่างหนาพึมพำเบาๆ ในเมื่อรับปากว่าที่พระชายยาเอกแล้วก็ต้องทำตามข้อแลกเปลี่ยน
"พะยะค่ะ"
"เอานี่ไปตรวจสอบให้ด้วยว่าทำได้จริงหรือไม่ และทุกอย่างรู้เฉพาะคนของเราอย่าให้คนนอกล่วงรู้เป็นอันขาด"ร่างหนาเอ่ยกำชับเสียงเข้ม
"รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"
"อืม..."
เมื่อองครักษ์คนสนิทจากไปเพื่อไปทำภารกิจที่มอบหมายแล้ว ร่างหนายังคงถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อได้รับปากย่อมมิอาจคืนคำคงต้องไปทูลขอพระบิดาจำนวนหนึ่ง
วังหลวง
ห้องทรงอักษร
ปั้ง!!!
"งามหน้านัก...นี่เจิ้นเลี้ยงโอรสให้โตขึ้นมาเป็นลูกเต่าหรืออย่างไรเหตุใดจึงโง่งม โง่เง่าเช่นนี้"ร่างหนาของโอรสสวรรค์ในชุดสีทองอร่ามปักลวดลายมังกรห้าเล็บเอ่ยสบถด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นสาส์นลับส่งตรงจากตำหนักรุ่ยอ๋องมายังห้องทรงอักษรในรุ่งเช้า
"ฝ่าบาท พระทัยเย็นก่อนเถิดพะยะค่ะ"ฉินกงกงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปลอบประโลมผู้เป็นนายด้วยน้อยครั้งที่จะเห็นผู้เป็นนายทรงกริ้วถึงเพียงนี้
แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องใหญ่...
"ดูสิฉินกงกง เจิ้นเพียงพระราชทานสมรสให้แต่งงานกับคุณหนูรองหวัง เป็นชายเอก ริอาจจะตบแต่งคุณหนูอวิ๋นเป็นชายารองในวันเดียวกันดีที่พ่อบ้านจางชิงส่งสาส์ลับมาใหเราเสียก่อน บัดวบยิ่งนักหากว่าแม่ทัพหวังรู้เรื่องนี้เข้าเล่าเจิ้น...เจิ้นจะทำเช่นไรดี"ร่างหนาพยายามสูดใจเข้าลึกๆ หลายครั้งเพื่อมกดข่มอารมณ์เอาไว้
น่าชังยิ่งนัก
"ฝ่าบาท..."
"ทูลฝ่าบาท องค์ชายรองขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ"ขันทีหน้าห้องทรงอักษรเอ่ยรายงาน เมื่อมีผู้ขอเข้าเฝ้า
"เจ้ารองหรือ...ให้เข้ามา "
"ถวายพระพรเสด็จพ่อ ขอทรงอายุยืนยาวพันปีหมื่นปีพะยะค่ะ"ร่างหนาในชุดสีมรกตสลับขาวปักลวดลายใบไผ่เรียบง่ายสง่างามและนอบน้อม
คงเป็นคำนิยามโอรสองค์ที่สองพระองค์นี้
"ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถอะลมอันใดหอบเจ้ามาเล่าวันนี้"เมื่อเห็นพระโอรสองค์รอง
"คือ..ว่าวันนี้ที่ลูกมาจะมาขอบางอย่างจากเสด็จพ่อพะยะค่ะ "องคืชายรองเอ่ยเกริ่นสิ่งที่ตนเองปรารถนา
"เรื่องใดรึเจ้ารอง... อย่าได้อ้อมค้อม"
"ลูกต้องการขอพระราชทานสมรสกับคุณหนูรองตระกูลหวังแทนรุ่ยอ๋อง หวังว่าท่านพ่อจะช่วยส่งเสริม"องค์ชายรองหลงลู่หานเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังเป็นอย่างยิ่งพร้อมมองบิดาอย่างร้องขอ
ลูกจริงจังนะพะยะค่ะ...
"นี่..เจ้า..."ใบหน้าของโอรสสวรรค์ตื่นตะลึงไม่น้อย ที่โอรสของพระองค์เอ่ยขอเช่นนี้
ทั้งที่ตลอดมาพระองค์เองต่างส่งรูปวาดสาวงามหลากหลายตระกูลไปเยือนตำหนักให้ไม่น้อย กลับถูกปฎิเสธกลับมาทั้งหมด
"ทูลฝ่าบาท รุ่ยอ๋องขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ"เป็นอีกครั้งที่ขันทีหน้าห้องทรงอักษรเอ่ยรายงานผู้ที่ขอเข้าเฝ้า...
"หึ ให้เข้ามา..."เมื่อชื่อของผู้ที่ทำให้อารมณ์พุ่งพล่านเมื่อครู่ดังขึ้น ใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของแคว้นก็ตึงขึ้นหลายส่วน
มาแล้วหรือเจ้าลูกเต่า
"ถวายพระพรเสด็จพ่อ ของพระองค์ทรงอายุยืนยาวพันปีหมื่นปีพะยะค่ะ"ร่างหนาของรุ่ยอ๋องในชุดสีเข้มทมิฬปักลวดลายเมฆาเลื่อนลอยทำความเคารพพระบิดาเต็มพิธีการ
"ข้ากำลังรอเจ้าอยู่พ่อเจ้าเก้า..."เสียงเหยียบเย็นทำให้บรรยากาศในห้องทรงอักษรเย็นลงหลายส่วน
ผู้ฟังต่างรับรู้บรรยากาศกดดันที่เปลี่ยนไปอย่างพร้อมเพียง
"เสด็จพ่อ..."
"เจ้าคิดว่าจะกระทำสิ่งใด บิดาผู้นี้จะไม่รู้หรือ"
"คือ...เสด็จพ่อ..."
"ปั้ง!! คิดว่าเราไม่รู้เรื่องเจ้าคิดจะแต่งคุณหนูอวิ๋นเข้าตำหนักพร้อมคุณหนูหวังหรือ "แท่นหมึกปลิวไปหาศีรษะของโอรสองค์ที่เก้าอย่างแม่นยำ
"เสด็จพ่อ...อย่าทรงกริ้วไปเลยะพะยะค่ะหากน้องเก้ามิเต็มใจแต่ง ลูกขออาสาเองพะยะค่ะ"สิ้นเสียงองค์ชายรองผู้เป็นพี่ อกด้านซ้ายของรุ่ยอ๋องกระตุกวูปอีกครั้งเหมือนมีบางอย่างกำลังบีบรัด
"เจ้าแน่ใจหรือเจ้ารอง"ร่างหนาของผู้เป็นพระบิดาเอ่ยถามย้ำไม่ว่าเป็นเจ้ารองหรือเจ้าเก้าล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้น หากคุณหนูหวัง
"ลูกยินดีแต่งคุณหนูรองหวังเป็นพระชายาเอกพะยะค่ะ"องค์ชายรองลู่หานเอ่ยย้ำอย่างจริงใจ
" ไม่ได้นะพะยะค่ะ เสด็จพ่อทรงรับปากท่านแม่ทัพไว้แล้วว่าจะให้คุณหนูรองแต่งเข้าตำหนักลูก"รุ่ยอ๋องเอ่ยอย่างร้อนรนทั้งที่เลือดค่อยๆซึมลงใบหน้ากลับมิรู้สึกเจ็บปวดเท่าเมื่อพี่รองกล่าวเมื่อครู่ว่ายินดีแต่งคุณหนูรองเข้าตำหนัก
มิอยากให้เป็นเช่นนั้น...
"น้องเก้ากำลังกล่าวสิ่งใด ในเมื่อพี่รองยินดีรับคุณหนูรองหวังเข้าตำหนักแล้วเจ้าเองจะได้แต่งคุณหนูอวิ๋นตามที่เจ้าต้องการอย่างไรเล่า"ใบหน้าองค์ชายรองเข้มขึ้น เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่ไม่ยินยอมเช่นกัน
"ใช่ เจ้าเก้าเจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่"
"ลูกยินดีรับคุณหนูหวังเป็นชายาเอก ส่วนเรื่องคุณหนูอวิ๋นนั้น..."
"ปั้ง!!!ยังจะคิดจับปลาสองมืออีกหรือ..."ตามมาด้วยเสียงไอแห้งๆติดกันหลายครั้งจนหายใจไม่ทันใบหน้าซีดเผือด
"ฝ่าบาท..."ฉินกงกงที่ยืนอยู่ด้านข้างเข้าไปช่วยประคองผู้เป็นนายให้นั่งลง
"เสด็จพ่อ...ตามหมอหลวงเร็วเข้า"องค์ชายรองและรุ่ยอ๋องเอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างตกตะลึง
เสด็จพ่อที่ทรงพลานามัยแข็งแรงมาตลอดล้มป่วยลง...
เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในขั้วอำนาจต่างๆไม่น้อย
หรือว่าบัลลังก์อาจจะเป็นมือในไม่ช้า
_____________________
ปั้ง!!!
เสียงตบโต๊ะดังสนั่นไปทั่วตำหนัก บรรดาข้ารับใช้ต่างก้มหน้าลงด้วยหวาดเกรงโทสะผู้เป็นนาย
ร่างหนาพยายามกดข่มอารมณ์โมโหเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อชั่วยามก่อนในห้องทรงอักษรของพระบิดา
ท่าทีปฎิเสธทั้งที่ตนขันอาสาแต่งคุณหนูหวังแทนนั้นทำให้ตนเองอารมณ์พุ่งสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไหนว่ารักใคร่ชอบพออยู่กับคุณหนูสามตระกูลอวิ๋นอย่างไรเล่า...
หรือกำลังหวงก้างอยู่
"องค์ชายพะยะค่ะ..."ชายชุดดำผุ้หนึ่งคุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายรองเพื่อรอรับคำสั่ง
"ส่งคนไปสืบมาถึงความสัมพันธ์ของคุณหนูหวังและรุ่ยอ๋อง"
"พะยะค่ะ"
"อีกเรื่องหนึ่ง ส่งคนออกไปชิงตัวคุณหนูใหญ่หวังที่เหลือฆ่าให้หมด"ร่างหนาเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม
เห็นแก่ว่าคบหามานานสองเดือน...
ตำแหน่งสาวใช้อุ่นเตียงยังว่างอยู่...
"รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"องครักษ์เงารับคำสั่งแล้วจากไปทันที
ร่างหนายังคงขบคิดหาหนทางแต่งคุณหนูรองหวังเข้าตำหนัก เรื่องนี้จะยอมแพ้เจ้าเก้าไม่ได้....
อีกด้านหนึ่ง
ขบวนรถม้าออกเดินทางหน้าจวนตระกูลหวังผ่านทางประตูเมืองหลวงทางทิศใต้มุ่งหน้าสู่วัดเหลียนคุณที่อยู่ห่างไกลนับสามสิบลี้ การเดินทางด้วยรถม้าใช้ระยะเวลาประมาณเจ็ดวันจึงจะถึงที่หมาย
บนรถม้า
"ฮือๆๆๆ..."ใบหน้างามเต็มไปด้วยคราบน้ำตาดวงตาแดงก่ำอย่างเครียดแค้น
นางมิอยากไปจากเมืองหลวง...
นางต้องการแก้แค้นคนที่ทำให้นางมีสภาพเช่นนี้
ใครก็ได้ช่วยนางด้วยเถอะ ร่างบางยังคงคร่ำครวญอ้อนวอนต่อสวรรค์ภายในใจ
"เฟิ่งเออร์ เงียบก่อนเดี๋ยวแม่ช่วยแกะเชือกให้เจ้าก่อน"เสียงอนุอวี้หลันแผ่วเบากดข่มความเจ็บที่ไหล่ขวาของตนเองไว้ พยายามแกะเชือกมัดมือบุตรสาวออก ไม่นานเชือกก็ถูกคลายปมสำเร็จ
"เป็นเพราะท่าน ท่านมันอ่อนแอ"อ้ายเซียงตวาดดังลั่นด้วยความไม่พอใจ มีมารดาที่อ่อนแอใช้การไม่ได้ไม่ได้เรื่องเรื่องสักอย่าง
"เซียงเออร์ แม่ขอโทษขอโทษเจ้าจริงๆที่ปกป้องเจ้าไม่ได้ ทนหน่อยนะลูกอีกไม่นานหากบิดาเจ้าหายโกรธคงเรียกตัวพวเรากลับจวน"
"ไม่..แล้วต้องรอกี่คืนกี่เดือนเล่าข้าไม่อยากรอ อย่ามาแตะต้องตัวข้า "อ้ายเซียงผลักผู้เป็นมารดาไปอีกด้านหนึ่งของรถม้าอย่างรังเกียจ
ที่นางมีสภาพเช่นนี้ส่วนหนึ่งเพราะมีมารดาอ่อนแอนัก
ร่างบางยังคงโทษฟ้าโทษดิน โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง
"เซียงเอ๋อร์..."แม้ไหล่ที่เจ็บปวดร้าวเข้ากับกระดูกก็มิอาจเจ็บเท่าคำพุดบุตสาวที่รักยิ่งกว่าสิ่งใด
"คุณชายลู่..คุณชายลู่ต้องมาช่วยข้า"ร่างบางพึมพำเบาๆพยายามใช้ความคิดหาทางเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
"มิได้นะ หาเจ้าหนีไปมิไปวัดประจำตระกูลแล้วละก่อเจ้าอาจถูกตัดออกจากตระกูลเป็นแน่"แม้เสียงบุตรสาวจะเบาหวิวแต่อนุอวี้หลันก้ได้ยินชัดเจน
บุตรสาวกำลังคิดหนีหรือ...
"บิดาหรือ บิดาที่รักบุตรสาวไม่เท่ากันไม่มีเสียดีกว่าอย่ามายุ่งกับข้าจะบอกให้เอาบุญนะ บุตรสาวเจ้าคนเดิมตายไปนานแล้ว"
"เซียงเอ๋อร์เจ้ากำลัง..พูดสิ่งใดออกมา"
"ข้ามิใช่หวังอ้ายเซียง ฉะนั้นอย่ามายุ่งกับข้าอีกจะหาว่าข้าไม่เตือน"
สิ้นเสียงร่างบาง ใบหน้าอนุอวี้หลันซีดเลือดมองดูแววตาบุตรสาวไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย
"ไม่!!ไม่จริง!"
ฉิ้ง!!! ฉิ้ง!!! ฉิ้ง!!!
"มีคนร้าย อารักขารถม้า"เสียงหัวหน้าทหารที่ได้รับหมอยหน้าที่ไปส่งคุณหนูใหญ่และอนุอวี้หลันดังสนั่น
เสียงชักดาบตามมาด้วยการต่อสู้นอกรถม้าทำให้บทสนทนาในรถม้าเงียบลง
อ๊ะ!!! ฉิ้ง!!! ฮ๊า!!! ฉิ้ง!!!
ไม่นานเสียงการต่อสู้ก็เงียบลงกลิ่นคาวโลหิตลอยคละคลุ้งทำให้สตรีั้งสองหวาดหวั่นไม่น้อย
"เรียนคุณหนูใหญ่ คุณชายลู่ให้ข้ามาช่วยเหลือขอรับ"หนึ่งในชายชุดดำเอ่ยขึ้นหน้ารถม้า
"อืม..พาข้าไปหาคุณชายลู่"ร่างบางเอ่ยตอบเมื่อรู้ว่ากลุ่มคนที่เข้ามาฆ่าหารตายทั้งหมดเป็นคนของผู้ใด
"ขอรับ แล้วสาวใช้นางนี้นำไปด้วยไหมขอรับ"ชายชุดดำเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสตรีอีกคนในรถม้าคาดว่าเป็นสาวใช้เป็นลมหมดสติไปนานแล้ว
"ทิ้งนางไว้เช่นนั้นเถอะ ข้ารีบ..."
_____________________
ช่วงบ่าย
ร่างหนานั่งคุกเข่าลงหน้าจวนตระกูลหวังสร้างความสนใจให้แก่ชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่น้อย
ทหารรีบเข้าไปสอบถามทันทีว่าต้องการสิ่งใด
"เจ้าเป็นผู้ใด เหตุใดจึงมาคุกเข่าหน้าจวนเช่นนี้"
"ข้าได้ขายตัวเป็นทาสให้คุณหนูหวังแล้ว ต้องการขอพบคุณหนูหวัง"พ่อบ้านตู้ที่บ่าวไพร่ไปตามมาได้ยินคำตอบตั้งแต่ต้นเช่นกัน
ทาสผู้นี้ดูไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไปแม้แต่น้อย
"เข้ามาก่อน เดี๋ยวข้าจะเชิญคุณหนูมาตัดสินว่าจะรับเจ้าหรือไม่"พ่อบ้านตู้เอ่ยพร้อมพยักหน้าให้ผู้ช่วยไปเชิญคุณหนูรองมาตัดสิน
ไม่นานร่างบางที่เดินย่อยอาหารอยู่ในสวนอยู่ก่อนแล้วก็มาถึง
"เจ้าว่าได้ขายตัวเป็นทาสให้ข้าแล้วเช่นนั้นหรือ เหตุใดข้าจำไม่ได้เล่า"ใบหน้างามที่เค้าโครงหน้าชัดเจนขึ้นจากการลดน้ำหนักยังคงงุนงงไม่น้อย
นางไปซ์้อทาสไว้ตั้งแต่ตอนไหน...
"สองวันก่อน คุณหนูได้ซื้อข้าเป็นทาสในราคาสิบตำลึงข้าได้นำเงินไปทำศพมารดาเรียบร้อยแล้ว วันนี้ข้ามาขอรับใช้ติดตามคุณหนูจนวันตายขอรับ"สิ้นเสียงบุรุษตรงหน้า ใบหน้างามเองก็นึกขึ้นได้เช่นกัน
"แต่ข้าก็ได้บอกไปแล้วว่ามิได้ต้องการทาสเพิ่ม"
"มารดาเคยสอนข้าว่าเป็นบุรุษเมื่อพูดสิ่งใดแล้วย่อมต้องทำให้ได้จึงนับได้ว่าเป็นบุรุษ"สิ้นเสียงชายหนุ่มพ่อบ้านตู้ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง พยักหน้าเห็นด้วยกับชายหนุ่มไม่น้อย ทั้งที่สภาพเสื้อผ้ามีรอยปะชุนเต็มไปหมดผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่น่ามองคำพูดคำจากลับได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดีเยี่ยม
คนเช่นนี้รับไว้ย่อมมีประโยชน์ในภายภาคหน้าเป็นแน่
"คุณหนูขอรับบ่าวขออนุญาติเอ่ยสักครั้ง ท่าท่างของชายหนุ่มผู้นี้หน่วยก้านดีไม่น้อยรับไว้คงไม่เสียหายอะไร อีกทั้งเป็นคนกตัญญูบิดามารดาเป็นบ่าวว่ารับไว้เถอะขอรับ"พ่อบ้านตู้เอ่ยเสริมขึ้นชายชรารู้สึกถูกชะตายิ่งนัก
"อืม เช่นนั้นไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยเสียก่อน จัดเสื้อผ้าให้ชายผู้นี้ด้วยแล้วให้ไปพบข้าที่เรือน ข้าเลี้ยงเฉพาะคนที่มีความสามารถเท่านั้นข้าจะดูว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่ ฝากพ่อบ้านตู้จัดการให้ด้วย"
"ขอรับ"ใบหน้าชายชรายกยิ้มกว้างขานรับคำสั่งทันที
"ไปกันเถอะเจ้าหนุ่ม ทานข้าวทานปลามารึยัง คุณหนูให้โอกาสเจ้าแล้วไปอาบน้ำกันก่อนเดี๋ยวข้าพาไป"
ชายหนุ่มว่าที่บ่าวคนใหม่มุกปากยกยิ้มเล็กน้อย
นับว่าจวนนี้น่าอยู่ไม่น้อย...