นรินทร์คว้าร่างบางขึ้นมากอด มองไปรอบๆไม่พบไอ้ผีร้าย นรินทร์ดีใจจนเหมือนฝันจ้องมองร่างในอ้อมแขน หญิงสาวตัวสั่นเทาดั่งลูกนกตกน้ำ เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลเสื้อที่ใส่เปียกชุ่มไปด้วยละอองน้ำค้าง เขาสงสารหญิงสาวจับใจไอ้วิญญานร้ายตนใดกันที่ทำให้หญิงที่เขารักเป็นแบบนี้
นรินทร์ช้อนร่างบางขึ้นอุ้มแล้วออกเดิน นายทหารหนุ่มคิดว่าอยู่ที่นี่อาจไม่ปลอดภัยไอ้ผีดิบนั้นอาจจะอยู่แถวนี้ก็ได้ ก้อนหินทับซ้อนกันมีชะง่อนหินยื่นออกมาพอบังลมและน้ำค้างได้ ชายหนุ่มว่างร่างบางลง จัดการหากิ่งไม้จุดไฟให้ความอบอุ่น ก่อนหันไปมองหญิงสาวที่ยังนอนสลบอยู่ ร่างบางหนาวสั่นจนฟันกระทบกัน นรินทร์ใช้มือลูบศีรษะหญิงสาวเบาๆ
"ผมขอโทษนะมันจำเป็น"มือใหญ่ถอดเสื้อของตนเองออกและปลดเสื้อของหญิงสาวออกเผยให้เห็นเต้าขาวอวบอิ่มภายใต้ยกทรง นายทหารหนุ่มกลืนน้ำลายดังอึกแล้วรีบคลุมเสื้อตนทับร่างหญิงสาวไม่เช่นนั้นคงอดใจไม่ไหวเป็นแน่
"หนาว หนาว"ปากบางพูดคล้ายละเมอชายหนุ่มที่เขี่ยก่อไฟให้ลุกโชนอยู่หันกลับมามองรวบร่างนั้นมากอดไว้บนตัก เมื่ออยู่ใกล้จนชิดร่างหญิงสาวบรรเทาอาการสั่นลง แต่ร่างใหญ่น่ะสิแทบจะระเบิด กายเบียดแนบกายไฟราคะที่ดับไปคราวนั้นจุดขึ้นอีก จมูกโด่งก้มลงหอมแก้มใสสูดดมอย่างชื่นใจ
"เฮ้ย!ไม่ได้"เมื่อคิดได้ชายหนุ่มดันร่างบางออก เขาบนบานไว้ตั้งเจ็ดวันให้เจอหญิงสาวแต่นี้ไม่ถึงชั่วโมงก็จะแย่ซะแล้ว แก่นกายปวดหนึบ ชายหนุ่มพยายามไม่มองร่างหญิงสาว
เปลือกตาค่อยๆลืมขึ้นมอง เห็นนายทหารหนุ่มอยู่แนบชิดเธอ เขากอดเธออย่างหลวมๆ หญิงสาวหยิกเนื้อตนโดยแรงเพื่อเตือนว่าไม่ได้ฝันไป มีเพียงความเจ็บปวดจากรอยเล็บที่ฝั่งเนื้อ พิมพลอยลุกขึ้นนั่งอย่างดีใจจนลืมไปว่ามีแผลลึกที่สะโพก
"โอ๊ย!"พิมพลอยร้องลั่น นรินทร์ได้ยินรีบถลันตัวลุกขึ้นตาม
"เป็นอะไร ครับ"
"เจ็บค่ะ"พิมพลอยยกมือที่กดบาดแผลไว้ออกเลือดแดงซึมเต็มผ้าสีขาว ชายหนุ่มเองก็ตกใจเพราะเมื่อคืนเขาไม่ทันสังเกตุ
"ให้ผมดูแผลให้นะครับ"นายทหารหนุ่มดึงผ้าเปื้อนเลือดออกอย่างเบามือ แผลบาดกว้างเป็นทางยาวเกือบถึงง่ามขาด้านใน รอยเลือดเกรอะกรังติดอยู่ หญิงสาวกัดฟันแน่นเพราะความเจ็บ
"ทนหน่อยนะครับ"ชายหนุ่มวิ่งออกไปด้านนอกสักครู่วิ่งกลับมาพร้อมใบสาบเสือสี่ห้าใบ
"อะไรค่ะ"หญิงสาวรีบถามเมื่อเห็นชายหนุ่มใช้ก้อนหินบดใบไม้แล้วยกขาหญิงสาวขึ้น
"ใบสาบเสือครับใช้ห้ามเลือดได้ แก้ขัดไปก่อน"ชายหนุ่มกำลังจะโปะยาลงไปแต่ติดกางเกงในของหญิงสาว
"เออ...ถอดได้ไหมครับ"นรินทร์ถามเชิงขออนุญาต พิมพลอยหน้าแดงพยักหน้าน้อยๆยื่นมีดที่เธอเหน็บไว้ให้เขา
"ตัดเลยค่ะ ฉันยกสะโพกถอดไม่ไหว" หญิงสาวบอกเสียงเบา ชายหนุ่มลังเลรับมีดมาถือไม่รู้จะตัดตรงไหนดีเพราะขอบกางในอยู่ติดกับบาดแผล
"ตรงนี้ตัดได้ค่ะ"หญิงสาวชี้ไปที่เนินสงวนเพราะบริเวณนั้นไม่มีแผล ชายหนุ่มมองมือไม้สั่นค่อยล้วงมือใหญ่เข้าใต้ขากางเกงในของหญิงสาวดึงรั้งขึ้นเพื่อไม่ให้มีดโดนเนื้อเธอ
"อุ๊ย!"
"เจ็บหรือครับ"ชายหนุ่มรีบถามกลัวเจ้าหล่อนจะเจ็บ พิมพลอยพยักหน้าแต่ไม่ใช่เพราะความเจ็บหรอกแต่เป็นความเสียวที่มือร้อนโดนเนื้อนิ่มภายใน นรินทร์รีบจัดการตัดแล้วดึงกางเกงในออกเผยให้เห็นโหนกนูนมีขนเพียงเล็กน้อยแคบทั้งสองปิดสนิทขาวอมชมพูอย่างเต็มตา
"แผลใหญ่มากเลยหรอคะ"พิมพลอยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งไป
"ครับ ใหญ่ ใหญ่มาก"ชายหนุ่มรีบตอบแต่ที่ตอบไม่ได้หมายถึงแผล
"ถึง..เออ...ขาหนีบไหมคะ"หญิงสาวถามด้วยความเขินอาย เพราะบริเวณนั้นมีเส้นเลือดใหญ่อยู่
"ไม่ครับไม่ถึงแต่อีกนิดใกล้ล่ะ"ชายหนุ่มตอบแตน่าจะหมายถึงตัวเขาเอง แต่พิมพลอยพยักหน้าเข้าใจนึกว่าตอบเรื่องแผล
"เสร็จแล้วครับ" ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์โปะยาอย่างเบามือพยายามโดยไม่มองไปอีกแล้วรีบลุกไปด้านนอก พิมพลอยได้แต่มองเขาอย่างงงๆ
"โธ่ เว้ย "ชายหนุ่มหัวเสียเดินออกมา เขาเป็นอะไรไปแค่มองเฉยๆก็จะเสร็จงันหรอ ลูกผู้ชายอย่างเขาเป็นแบบนี้ได้ยังไงนกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำเลย
แสงแดดเริ่มส่องลงมาปกรณ์ขยี้ตาตื่น หลังจากที่โดนนางผีพรายบังคับข่มขืนรีดกินน้ำไปหลายรอบ ร่างกายขาวเปลือยเปล่าของเขาไร้ซึ่งอาภรณ์ ปกรณ์ค่อยๆคลานไปหยิบเศษเสื้อขาดของตนมาปิดบังกาย มองไปรอบๆไม่เห็นใครรวมถึงนางผีพราย
"ใครก็ได้ช่วยกรณ์ด้วย"ชายหนุ่มตะโกนลั่นป่า มีแต่ฝูงลิงเท่านั้นที่ร้องรับ มันคงนึกว่าเป็นพวกเดียวกัน
นรินทร์ขอพิมพลอยออกมาหาอาหารยามใกล้เที่ยงเพราะทั้งสองยังไม่อะไรตกถึงท้องเลย หญิงสาวไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้เพราะบาดแผลที่สะโพกเริ่มอักเสบ นายทหารหนุ่มเดินออกมาได้ไม่ไกลนักเพราะเป็นห่วงหญิงสาว ใกล้ๆมีต้นกล้วยป่าที่กำลังเหลืองสุกบางผลมีรอยกระรอก กระแตกัดแทะแต่ยังเหลือพอให้ทานได้ นรินทร์ติดเครือกล้วยแบกใส่บ่าเดินกลับไปยังโพรงหิน
"กลับมาแล้วหรอคะ"พิมพลอยยันกายท่อนบนลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเดิน
"ครับ ได้กล้วยป่ามาด้วย"ชายหนุ่มนั่งลงใกล้บิดกล้วยยื่นให้พิมพลอย
"อะไรแข็งๆด้านในคะ"พิมพลอยกัดกล้วยไปคำหนึ่งแต่ต้องคายออก
"อ่อผมลืมบอกไปกล้วยป่ามันมีเม็ดด้วยครับ"นรินทร์หักกล้วยออกให้พิมพลอยดูด้านในเม็ดดำๆขนาดเท่าลูกปัดปนอยู่กับเนื้อกล้วย 'กล้วยฝังมุก' นายทหารหนุ่มที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยคิดอุตริ
"คุณเป็นไข้หรือเปล่า ดูหน้าแดงๆ"มือบางยื่นมาแตะอย่างเป็นห่วง นายทหารหนุ่มสะดุ้งเมื่อถูกสัมผัสจับหลังมือหญิงสาวขึ้นมาจูบ
"ไม่เป็นไรครับผมแค่..."ชายหนุ่มโน้มหน้าลงมาใกล้แต่ต้องชะงักเมื่อนึกขึ้นได้แล้วรีบดีดตัวออก
"ฉันว่าช่วงนี้คุณดูแปลกๆนะ"พิมพลอยมองเมื่อชายหนุ่มดูผิดสังเกต
"ผมปกติดีไม่มีอะไร"นรินทร์ตอบเสียงสูง พิมพลอยมองอย่างคลางแคลงใจใช้มือแตะหน้าอกแข็งเต็มไปด้วยกล้ามของชายหนุ่ม
"คุณโกหก หัวใจคุณเต้นแรง"
"เปล่าผมเปล่า"ชายหนุ่มรีบปฏิเสธเสียงแข็ง จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าเขาคิดลามกกับเธอตลอดเวลาแต่ไม่สามารถทำได้
"คุณช่วยดูแผลให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ ฉันมองไม่เห็น แต่รู้สึกว่ามันเจ็บๆ"พิมพลอยเลิกผ้าถุงขึ้นสูง นรินทร์ตาโตเมื่อเห็นภายใน
"บวมแดงมากไหมคะ"
"ขาวอมชมพูดีครับ"พิมพลอยเริ่มรู้ตัวว่าชายหนุ่มไม่ได้มองที่แผลแต่มองส่วนอื่นแทนรีบดึงผ้าถุงลงปิด
"ผมยังไม่ได้ดูแผลเลย"
"ก็ใช่น่ะสิคะ มองแต่ที่อื่น"ชายหนุ่มโดนจับได้ก้มหน้างุดยิ้มอายๆ
"ผมขอโทษ คราวนี้ไม่มองแล้วให้ผมดูแผลนะ"นรินทร์พูดอย่างหนักแน่นจนหญิงสาวยอมเปิดแผลให้ดู นายทหารหนุ่มต้องสู้กับธรรมชาติของบุรุษเพศเป็นอย่างมาก เขากัดฟันบังคับใจไม่ให้มองแล้วเปลี่ยนใบสาบเสือที่ใส่แผลให้หญิงสาวใหม่อีกรอบ
"แผลเป็นยังไงบ้างคะ"
"บวมแดงนิดหน่อยครับแต่เลือดหยุดไหลแล้วครับ"พิมพลอยพยักหน้าเข้าใจแล้วล้มตัวลงนอนเธอไม่สามารถรักษาตนเองได้เลยเมื่ออยู่ในป่าแบบนี้
อูเลและคะฉิ่นสองพ่อลูกเดินโซซัดโซเซอยู่ในป่า จอมขมังเวทย์อูเลถึงกลับสิ้นลายเมื่อเจอฤทธิ์นางพรายอาละวาด
"พ่อ เรากลับไปช่วยพวกนายทหารกันเถอะพ่อ ฉันเป็นห่วง"
"เออ ข้าก็เป็นห่วงแต่วันนี้เราต้องออกจากป่าให้ได้ก่อนค่ำ เรื่องพวกนายทหารพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่"
"แต่นายทหารจะอยู่รอดกันถึงวันพรุ่งนี้หรอพ่อ"
"อันนั้นก็แล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วกัน"สองพ่อลูกปลงตกแต่ต้องเอาชีวิตตนเองรอดไว้ก่อน เพราะหนีมาได้แต่ตัวอาวุธปืนสักกระบอกก็ไม่มี
"ไป รีบไปตัดพงรกนี้ไปก็ถึงหมู่บ้านเราแล้ว ก่อนที่จะค่ำเสียก่อน"อูเลเร่งลูกชายให้เดินต่อ ตาเฒ่าทราบถึงความเป็นห่วงของคะฉิ่นดีเพราะเมื่อหนุ่มเขาก็ห่วงพวกพ้องและมุทะลุเช่นกัน
ปกรณ์เก็บกระเป๋าของตนที่ตกอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นได้ ด้านในมีเสื้อผ้าสำรองและอาหารกระป๋องอยู่ ชายหนุ่มใส่เสื้อผ้าและกินอาหารประทังชีวิต นายทหารหนุ่มผู้ได้รับการฝึกวิชาการทหารมาเป็นอย่างดีสามารถดำรงชีวิตในป่าได้แต่ไม่ใช่ในป่าอาถรรพ์เช่นนี้
"โอ๊ย เวรกรรมอะไรของเราเนี่ย"ชายหนุ่มเดินไปในป่าอย่างไร้จุดหมายเพราะไร้ร่องรอยของคนอื่นๆ เรี่ยวแรงของเขาแทบจะไม่มีจากการโดนนางผีพรายจัดการเผด็จศึกเมื่อคืน เขาหมดแรงล้มตัวลงนั่งพักข้างลำธารใส วักน้ำขึ้นมากินดับกระหายพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าสิ่งที่เขากลัวที่สุดคือนางผีพรายจะกลับมาอีกในคืนนี้ แต่ชายหนุ่มหมดแรงที่จะเดินต่อแล้วจึงเผลอหลับไป
เสือโคร่งตัวใหญ่ลายริ้วสลับดำเหลืองเดินลงกินน้ำที่ข้างลำธาร จมูกของสัตว์ร้ายกระสากลิ่นมนุษย์ที่นอนนิ่งอยู่ข้างโขดหิน อุ้งเท้าใหญ่ย่างกรายเข้าใกล้อย่างเงียบกริบแล้วหมอบซุ่มจะกระโจนเข้าใส่
"หยุด!"นางผีพรายปรากฎกายขึ้นขวาง ใบหน้าบูดบึงเขียวคล่ำจ้องมองนัยน์ตาเสือ พยัคฆ์ร้ายหมอบตัวลงต่ำตื่นกลัวเชื่องจนเหมือนแมวรีบกระโจนเพ่นเข้าป่าหนีไป นางพรายกลับกลายร่างเป็นหญิงงามเดินเข้าใกล้ปกรณ์จุมพิศที่หน้าผากเบาๆอย่างรักใคร่ก่อนจะหายตัวไป
ปกรณ์ลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง หมู่ดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้า เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องรับขับขาน ลมพัดยอดไม้ปลิวเอนอ่อนลู่ตามลม ชายหนุ่มไม่รู้สึกหนาวแต่กลับอบอุ่นเหมือนนอนในผ้าห่มหนา
"ว่าไงคะผัวขา ตื่นแล้วหรอ"นางผีพรายนั่งอยู่บนก้อนหินใกล้ๆ ร่างกายขาวผ่องมีน้ำมีนวลจ้องมองอย่างยั่วยวนมาที่ชายหนุ่ม
"อีผีชะนี"ปกรณ์ตกใจตาลุกโพลง
"ผีชะนีที่ไหน ผีพรายต่างหาก"พรายสาวลอยจากบนก้อนหินมาใกล้
"ผีชะนีสิ ร้องเรียกผัวขาๆอยู่ได้น่ารำคาญ"ปกรณ์ลุกขึ้นเดินผ่านร่างโปร่งใสของพรายสาวไป ชายหนุ่มพอจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างกับการได้นอนหลับเต็มอิ่มแสนสบาย
"หยุดนะ หนูบอกให้หยุด"พรายสาวตะโกนขึ้นแต่ปกรณ์ทำหูทวนลมไม่ได้ยินแล้วเดินต่อไป ผมยาวสยายของนางพรายยาวขึ้นเรื่อยๆมันเลื้อยไปที่พื้นราวกับงูเกี่ยวรัดข้อเท้าปกรณ์ไว้จนล้มลงแล้วลากกลับมา
"หนูพูดไม่ได้ยินหรือไง"พรายสาวตวาดนึกโมโหมนุษย์ตัวโตที่แสนจะเย่อหยิ่ง
"ถอดเสื้อผ้าออก ถอดออกเดี๋ยวนี้"เสียงสั่งบ่งการดังขึ้นแต่นายทหารหนุ่มลุกขึ้นยืนเฉยเมินหน้าหนีไม่ใส่ใจ
"หรือจะให้กระชากออก"นางพรายหายตัวมาด้านหลังกระซิบที่ข้างหูชายหนุ่ม ปกรณ์จำใจถอดเสื้อผ้าตนออกเพราะกลัวต้องได้นุ่งลมห่มฟ้าอีก
"ลงน้ำไปเดี๋ยวนี้"นางพรายชี้นิ้วสั่ง ก่อนหายวับกลับไปนั่งที่กัอนหินก้อนเดิม
"หนาว"ปกรณ์พูดสั้นๆแต่ก็ยอมเดินลงน้ำไป ร่างผีพรายเปลี่ยนเป็นกายหยาบสะโพกทรวงอกเต่งตึงเคร่งครัดไปทุกส่วนเดินลุยน้ำตามลงมา ต้นโมกป่าขึ้นริมน้ำดอกสีขาวบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอม หล่นลอยมาตามน้ำด้วยมนต์ของนางพราย ผีสาวกวักน้ำขึ้นราดหลังชายหนุ่มเลื่อนมือถูไถคราบไคลอย่างเบามือ
กลิ่นหอมของมวลหมู่พฤกษชาติ กับแสงดาวบนฟ้าไกลทำให้ชายหนุ่มถึงกับเผลอไผลไปทำความอ่อนโยนของนางพรายสาวที่ได้รับ ร่างใหญ่หันกลับมาประจันหน้า จ้องมองทรวดทรงองค์เอวอะร้าอร่าม สองเต้ากระเพื่อมตามแรงน้ำไหล มือหนาเก็บดอกโมกที่ลอยตามน้ำขึ้นทัดผมยาวที่คลอเคลียใบหน้าเผยให้เห็นใบหน้าใสแล้วก้มลงฉกฉวยริมฝีปากแดงมาครอบครอง ร่างผีสาวแอ่นกายเข้ากอด เริ่มรสสวาทรักท่ามกลางสายน้ำและแสงดาว มีเพียงหมู่ค่างบ่างชะนีบนยอดไม้เท่านั้นที่ได้ยลฉากรักแสนสวยงาม