การตามหาพิมพลอยเสียเวลาเป็นอย่างมาก เพราะต้องคอยดูซากศพที่เผาในเชิงตะกอนให้ไหม้หมดเสียก่อน เพราะกลัวไฟจะลามจนเกิดไฟป่าได้ ทั้งห้าคนเดินมาได้อีกไม่เท่าไรก็ใกล้ค่ำเสียแล้ว อูเลบอกให้พักตั้งแคมป์กันก่อน เดินทางกลางคืนอันตรายมากในป่าแถบนี้ คะฉิ่น อูเล และอาเชแยกย้ายกันหาฟืนหุงหาอาหารอย่างคล่องแคล่วสมกับเป็นลูกไพร นรินทร์คว้าปืนประจำกายชวนปกรณ์ออกลาดตระเวนใกล้ๆหาร่องรอยของหญิงสาวและเจ้าผีร้าย
แดดสีส้มแกมแดงในยามเย็นลมหนาวเริ่มพัดผ่านทั้งที่เมื่อเช้าอากาศร้อนอบอ้าวทั้งหมด ปกรณ์ปลดกระดุมเสื้อทหารออกสองเม็ดระบายความร้อนในร่างกายก่อนรีบสาวเท้าเดินตามหลังผู้หมวดหนุ่มไป นรินทร์ก้มมองตามพื้นหารอยเท้า แต่ไม่พบวี่แว่ว ชายหนุ่มเริ่มท้อใจ ขอให้เขาคิดผิดขอให้ตอนนี้พิมพลอยรอเขาอยู่ที่บ้าน แต่ก็ทำได้แค่เพียงคิดชายหนุ่มถอนหายใจลึก
"พี่นะได้ยินเสียงอะไรไหม"ปกรณ์เดินมาชิดหลังชายหนุ่มการอยู่ด้วยกันแค่สองคนทำให้เรียกแบบสนิทไม่ต้องลำดับยศได้
"ไม่เห็นได้ยินเลย เอ็งหูฟาดไปไหมไอ้กรณ์"
"ไม่พี่ผมได้ยินจริงๆเสียงผู้หญิงหัวเราะ"
"ใครจะมาหัวเราะกลางป่า ไอ้บ้า"นรินทร์พลักปกรณ์ออกห่างแต่คนโดนพลักไม่ยอมไป กระโดดมาเกาะแขนเขาเหมือนเดิม
"ไอ้กรณ์ กลัวอะไรว่ะเป็นทหารนะเว้ย"
"เป็นทหารเขาไม่ได้ให้สู้รบกับผีนิพี่"
"ผีที่ไหนมี ไม่มีไม่เห็นไม่ได้ยินเลย"นรินทร์เองก็ได้ยินเช่นกันแต่จำต้องโกหกเพื่อไม่ให้ทหารรุ่นน้องประสาทเสียหนีเตลิดไป
"พี่นะ กลับเถอะไปหาพวกชาวบ้านกัน"ปกรณ์ดึงแขนนรินทร์ไม่ให้เดินต่อเมื่อชายหนุ่มส่องไฟฉายไปยังที่มาของเสียง
"ไป กลับก็กลับ ไอ้ตาขาว"นรินทร์หันหลังเดินกลับ ปกรณ์รีบวิ่งตามเสียงหัวเราะยังลอยตามลงไล่หลังมา
นรินทร์นั่งลงที่ข้างกองไฟ คะฉิ่นหุงข้าวใส่หม้อสนามน้ำเดือดพอดีจึงยกหม้อรินน้ำข้าวส่งให้นรินทร์
"เจออะไรบ้างไหมนายทหาร"อูเลถามขึ้น
"เจอสิเสียงผู้หญิงหัวเราะน่ากลัวมาก"ปกรณ์พูดแทรกขึ้น
"เพ้อเจ้อน่ะไอ้กรณ์"นรินทร์ปราม แต่คะฉิ่นอยากรู้อยากเห็นขยับมาใกล้ปกรณ์ซุบซิบไต่ถามเหตุการณ์กันสองคน
"อูเลผมมีเรื่องปรึกษาครับ"ทั้งสองเดินออกมาปรึกษากัน
"ผมไม่รู้ว่าควรหาพิมพลอยต่อยังไงดี มันตันไปหมด ไม่มีร่องรอยอะไรเลย"นรินทร์เอ่ยหน้าเครียดเป็นกังวล
"ไม่ต้องห่วงนายทหาร อูเลว่าจะมาขออนุญาติพอดีเห็นนายทหารคนโน้นบอกได้ยินเสียงหัวเราะมันดังอยู่ใกล้ๆว่าจะปลุกมันมาถามหาหมอสักหน่อย"
"ปลุกอะไรอูเล"
"ปลุกผีไงนายทหาร ผีโพลงผีพรายแถวนี้แหละเรียกมันมาถามให้หมด"
"ทำได้หรออูเล"
"ฮะฮ่า คอยดูคืนนี้แล้วกันนายทหารอูเลจอมขลังเวทย์มาเอง"อูเลบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ
กลางดึกหลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ ทุกคนล้อมวงมาดูพิธีปลุกผีของอูเล ตาเฒ่าเอาขี้เถาสีขาวโรยรอบๆเป็นวงกลมใหญ่ให้ทุกคนนั่งในวง สวดบริกรรมคาถาพึมพำอยู่ในลำคอ ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาดู อูเลยกมีดพร้าขึ้นลงดินเสียงกรี๊ดร้องแหลมแสบแก้วหูดังขึ้น
ร่างของหญิงสาวนางหนึ่งเดินออกมาจากแนวป่าทึบ หน้านวลขาวปากแดงจิ้มลิ้มดูอายุประมาณ16-17ปี ผมยาวสยายถึงก้นมีเพียงใบไม้หลายใบปิดบังกันอุจาดตา หน้างามงอง่ำด้วยความโกรธ
"พวกพี่ทำหนูทำไมจ้ะ หนูเจ็บ"หญิงสาวทำหน้าเจ็บปวดแอ่นอกใหญ่เกินตัวให้ดูรอยแผลมีดบาด จนคะฉิ่นกับปกรณ์ตาโต
"อย่ามาทำอ่อยกูอีผีพราย มึงไปทำงานให้กูเดี๋ยวนี้ก่อนที่จะเจ็บหนัก"เสียงตาเฒ่าเอ็ดขึ้น
"โอ๊ย รู้ทันอีกหนูไม่เล่นด้วยแล้ว"นางผีพรายกระทืบเท้าเหมือนเด็กที่ไม่พอใจ แผลอกค่อยๆสมานหายไป
"จะให้หนูทำอะไรก็ว่ามาสิ เร็วๆด้วยหนูหิว"นางพรายเร่ง ยืนเท้าสะเอวจ้องมอง
"เอาคนนั้นนะท่าทางจะอร่อย"นางผีพรายชี้นิ้วไปทางปกรณ์ หน้าขาวๆของปกรณ์ซีดจัด ส่ายหัวปฎิเสธ
"อย่าลีลามึงไปดูสิมีผู้หญิงสาวสวยๆหลงอยู่ในป่าไหม"อูเลสั่งเสียงเข้ม นางผีพรายหายวับไปกับตา นรินทร์นั่งเงียบสิ่งที่เห็นเมื่อกี้คืออะไร ผีมีจริงๆหรือ
พิมพลอยนอนสลบไปนานเท่าไรไม่ทราบ แต่รู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงหัวเราะคิกคักของผู้หญิงดังอยู่ข้างหู
"แม่คนนี้หรือเปล่าน๊า คิคิ "ดวงหน้าขาวยื่นมาใกล้พิมพลอย แววตาภายในไร้แสงสะท้อนทำให้พิมพลอยต้องผงะหนี
"จะกลัวอะไรยะ เดี๋ยวหนูมานะ"ร่างเกือบเปลือยของสาวน้อยตรงหน้าหายไป พิมพลอยขยี้ตา สงสัยเธอจะเหนื่อยจนเพ้อ
"หน้าตาแบบนี้หรือเปล่าจ้ะ"เสียงพรายสาวดังขึ้น หน้าของผีพรายสาวกลับกลายเป็นใบหน้าของพิมพลอย
"อย่ามองนะ"นรินทร์ตะโกนลั่นทุกคนในวงสะดุ้งตกใจ เพราะไม่ใช่นางผีพรายจะเปลี่ยนหน้าเป็นพิมพลอยเท่านั้นยังเปลี่ยนร่างเหมือนเธอด้วยแถมยังเกือบเปลือยเปล่า นรินทร์จำได้ทุกสัดส่วนร้องสั่งให้ทุกคนห้ามมอง
"ใช่ๆคนนี้แหละ กลับเป็นร่างเดิมได้แล้ว เห็นอยู่ที่ไหนรีบบอกมา"อูเลตวาด ผีพรายสาวยังหัวเราะชอบใจจ้องมองไปในวงอยู่เหมือนเดิม
"หนูอยากได้คนนั้นนิ หนูชอบ ออกมาหาหนูก่อนสิแล้วจะบอก"ผีพรายสาวยังชี้เร่งเร้าจะเอาปกรณ์ออกจากวงให้ได้
"ว่ะอีนี้ หรือมึงอยากเจ็บตัวใช่ไหม เขาเป็นคนมึงเป็นผีจะเอากับคนได้ไงอีอัปรีย์จัญไร"
"ขอนิดขอหน่อยไม่ได้คอยดูเถอะหนูจะเอาทำผัวให้ได้"นางผีพรายหัวเราะเสียงแหลม
"รีบๆบอกมาสักทีเถอะ"
"โอ๊ย อยู่ทางเหนือห่างจากนี้ไปไม่ไกลหรอก"ผีสาวบ่นก่อนหายวับไปอีก
"ว่ะ อีนี้ยังถามไม่หมดเลย"อูเลโมโห นรินทร์ถลันจะลุกออกจากวงไปตามที่ผีพรายสาวบอกแต่อูเลห้ามไว้
"รอก่อนนายทหารอีนี้มันร้าย"อูเลบอกเสียงเข้ม
สายลมพัดกระโชกหนักเสียงหัวเราะแหลมดังลั่น ก้องไปทั่วจากทุกทิศทาง
"ใครเหยียบขี้เถ้า"อูเลตวาดลั่นเริ่มบริกรรมคาถาแต่ไม่เป็นผล
"ไอ้แก่มึงคิดลองดีกับกูใช่ไหม กูขอดีๆไม่ให้พวกมึงคอยดู"เสียงนางผีพรายดังกึกก้องลมยังโหมกระหน่ำอยู่ ทุกคนต่างวิ่งหนีจากวงกลมเอาตัวรอด อูเลคว้าแขนลูกชายได้ ส่วนนรินทร์วิ่งไปคว้าปืนมุ่งหน้าขึ้นเหนือ ปกรณ์ยังยื่นตกตะลึงอยู่กลางวงลมพัดแรงเข้าปะทะร่างปกรณ์จนล้มลง คะฉิ่นเห็นปกรณ์ล้มลงจะเข้าไปช่วยแต่ถูกอูเลดึงไว้
"อย่าไปไอ้คะฉิ่น ตอนนี้พิธีแตกแล้ว ข้าปลุกมันขึ้นมาทำให้ฤทธิ์มันแข็งกล้าขึ้น ตอนนี้หนีก่อนเร็ว"อูเลกระชากคอลูกชายวิ่งหลบเข้าป่า คณะเดินทางแตกกระจายกันออก จากการปะทะของนางผีพราย
นรินทร์รีบวิ่งขึ้นทางเหนือเขาคว้ามาได้เพียงปืนเท่านั้น สัญชาตญานทหารพรานบวกกับความเป็นห่วงคนรักทำให้เขามุ่งหน้าไปตามที่นางผีพรายบอก ในความมืดมิดของป่าใหญ่นรินทร์ก้าวย่างไปอย่างรีบร้อนแต่ภูมิประเทศไม่อำนวยทำให้เคลื่อนที่ได้ช้า เขาล้วงหาไฟแช็กที่มีติดกระเป๋าอยู่เสมอจุดขึ้นให้แสงสว่าง คว้ากิ่งสนเขาที่อยู่แถวนั้นจ่อไฟจุดกับยางของไม้ใช้เป็นคบเพลิงชั่วคราวก่อนรีบก้าวต่อไป
ปกรณ์นายทหารขาวตี๋สลบอยู่กลางลานเพียงลำพัง ผีนางพรายสาวหัวเราะชอบใจคว้าร่างชายหนุ่มขึ้นมากอดแนบอกโต
"ก็บอกไปแล้วไงว่าชอบคนนี้ หนูขอดีๆก็ไม่ให้"นางผีพรายหัวเราะเสียงใสลูบใบหน้าชายหนุ่มอย่างหลงใหล ก้มลงประกบริมฝีปากกับชายหนุ่มล้วงลิ้นลึกเข้าในโพรงปากร้อน
ปกรณ์รู้สึกตัวขึ้นลืมตาโพลงพยายามดิ้นรนแต่แรงเขาสู้ผีพรายสาวไม่ได้เลย นี่เขากำลังโดนผีผู้หญิงข่มขืนหรือนี้ ทุกคนหายไปไหนหมดช่วยกรณ์ด้วย ปกรณ์ทำได้แค่คิดในใจเพราะปากถูกนางพรายประกบอยู่
"มีไม่ใครมาช่วยหรอก เป็นของหนูเถอะนะผัวจ้า"นางผีพรายเหมือนรับรู้สิ่งที่เขาคิด เสียงหัวเราะแหลมใช้มือกระชากเสื้อชายหนุ่มออก
"ไม่!อีผีชะนีฉันไม่ยอม จะมาเสียความบริสุทธิ์ให้แกได้ยังไงฉันอุตส่าห์ตามพี่นะมา พรมจรรย์ของฉันต้องเป็นของพี่นะคนเดียว"ปกรณ์ตวาดลั่นจนนางพรายตกใจผงะออกปล่อยตัวชายหนุ่ม
"หนูบอกให้ยอมหนูดีๆไง จะเป็นอะไรยังไงก็ช่างยังไงหนูก็จะเอาเป็นผัวให้ได้"นางพรายประกาศก้องอีกพร้อมกระโจนใส่ชายหนุ่มเป่ามนต์สวาทปลุกอารมณ์หื่นกระหายภายใต้จิตใจ
"ยอมง่ายๆแบบนี้ก็ดี อิอิ" นางผีพรายมองร่างเปลือยของปกรณ์แล้วอดใจไม่ไหวคว้าแท่งความเป็นชายรูดขึ้นรูดลง แลบลิ้นยาวพันทั่วร่างชายหนุ่ม ปลายลิ้นวนแท่งแข็งเลยไปจนถึงทวารหนัก
"อ่าห์...ซี๊ด"ปกรณ์ครางออกมาทั้งที่ยังต้องมนต์ ยี้!ไอ้มนุษย์ผิดเพศคอยดูเถอะหนูจะเอาเป็นผัวจนลืมรสนิยมเก่าๆไปเลย ผีพรายสาวคิดลากลิ้นเลื้อยไปทั่วตัว ก่อนป้อนเต้านมขนาดใหญ่เข้าปากชายหนุ่ม
"ดูดสิ บอกให้ดูดไง"นางพรายตวาดจิกหัวปกรณ์เข้าหาอกอิ่ม ปกรณ์ผู้ไม่ประสาเรื่องสตรีเพศกัดยอดถันฑ์เข้าเต็มแรง แต่ผีสาวกลับหัวเราะชอบใจใช้มือตีสะโพกชายหนุ่มอย่างรุนแรงจนขึ้นรอยแดง
"ทำอีกสิทำแรงๆ"ผีพรายสาวตะโกนลั่นจับแท่งแข็งแทงเข้ารูคับก่อนขึ้นขย่มอย่างแรง
"ซี๊ด...อ่าห์ดีเหลือเกิน เด้งรับหน่อยสิผัวขา"ร่างผีพรายครางลั่นป่า ร่างปกรณ์ผู้ไม่เคยถูกกระทำและไม่เคยได้รับการปลดปล่อยเกร็งกระตุก น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมามากมายผีพรายสาวเลียกินอย่างตะกละตะกลาม เมื่อนางพรายเสร็จสมอารมณ์หมายจึงคลายมนต์ออก
"ฮือๆ อีผีชะนีบ้า อีผีโจรปล้นความบริสุทธิ์ฉัน"ปกรณ์ตวาดแวดขึ้นหน้างอ
"โอ๋ๆผัวจ้า อย่าร้องเลยนะเมียผีตนนี้สัญญาว่าจะดูแลปรนิบัติรับใช้ผัวไปทุกที่ ถ้าผัวชอบข้างหลังเมียก็ทำได้นะ"ผีพรายสาวแลบลิ้นยาวเลียเข้าด้านหลังชายหนุ่มจนเขาเผลอสูดปากตาม
"ชอบใช่ไหมล่ะ"ผีสาวหัวเราะคิกคักกอดชายหนุ่มแนบอกใหญ่
"ออกไป!ก็บอกแล้วไงไม่ชอบชะนี"ปกรณ์ดันผีพรายสาวออกแต่ไม่ขยับต้องยอมจำนน ผีพรายสาวได้แต่หัวเราะเสียงใสชอบอกชอบใจ
นรินทร์ส่องไฟหาพิมพลอยไปเรื่อยจนชายหนุ่มนึกท้อ หรือเขาจะโดนผีหลอกของจริงชายหนุ่มได้แต่คิด ยกมือขึ้นพนมบนบานสานกล่าวเจ้าป่าเจ้าเขา
"ขอให้ลูกได้เจอพิมพลอยด้วยเถอะ ถ้าลูกเจอ ลูกจะขอไม่มีสัมพันธ์สวาทกับเธอเจ็ดวัน"ชายหนุ่มยกมือท่วมหัว อาจเป็นเรื่องน่าขันที่เขาบนบานแบบนี้ แต่พรมจรรย์หญิงสาวเป็นของสำคัญเขาต้องอดตั้งเจ็ดวันมันหนักหนากว่าเลิกเหล้าอีกนะเจ้าป่า ชายหนุ่มคิดในใจแล้วมองไปรอบๆก็สะดุดตากับร่างบางที่นอนคดอยู่
"พิมพลอย!"นายทหารหนุ่มรีบถลาเข้าหาร่างบางกอดแนบอก เจ้าป่าเจ้าเขาศักสิทธิ์จริงๆ พรมจรรย์ของหญิงสาวมีค่ามากหรือเขาต้องอดไปเจ็ดวันจริงๆเนี่ย
ดวงตาสีแดงจ้องยังยังร่างของชายหนุ่มและหญิงสาวอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วเงาดำก็ค่อยๆหายเข้าพุ่มไม้ใหญ่ไป