ตอนที่ 4

1158 Words
“ที่นี่ร่มรื่นดีเนอะพ่อภัทร” “ครับ” “แถมคนที่นี่ก็น้ำใจกับพวกเรามากด้วยนะ” ภัทรดนัยมองมารดา ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความสุข “ครับ” “งั้นเราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ ไปพ่อภัทร” มารดาเอ่ยปากชวน แต่ลูกชายปฏิเสธ “คุณแม่ขึ้นไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมขอเดินดูรอบๆ สักหน่อย” “อืม ก็ได้ แล้วตามขึ้นมานะ จะได้คุยเรื่องกำหนดวันแต่งงานกัน” “ครับ” เขาไม่ได้เต็มใจ แต่ก็ยอมทำตามเพราะต้องการให้มารดาสบายใจ “งั้นแม่ขึ้นไปก่อนนะ” มารดาบอกเขา ก่อนจะเดินตรงไปที่บันไดไม้ และก้าวขึ้นไป ภัทรดนัยผ่อนลมหายใจออกมาจากปากเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินสำรวจไปรอบๆ อาณาเขตของบ้านไม้สองชั้นหลังกะทัดรัด เขาเดินไปเรื่อยๆ มองไปรอบๆ ตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ เขาต้องทำงานหนัก เพราะต้องรับช่วงบริหารงานบริษัทต่อจากบิดาที่เสียชีวิตลงกะทันหันตั้งแต่อายุสิบหก ทำให้ช่วงวัยรุ่นของเขาหายไป ชีวิตของเขาเริ่มต้นจากทารก วัยเด็ก และก็ก้าวข้ามมายังวัยทำงานเลย ในขณะที่ภัทรดนัยกำลังยืนกอดอกทอดสายตามองไปยังทุ่งนาข้าวสีรวงทองอยู่นั้น เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นด้านหลัง พร้อมกับฝีเท้ากระแทกกับพื้นดินดังเข้าใกล้มาอย่างรวดเร็ว เขาหมุนตัวกลับไปมอง แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก หมาตัวหนึ่งที่ถ้ามองไม่ผิดในปากคาบไก่เอาไว้ วิ่งกระโจนเฉียดร่างของเขาไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “เอาไก่กระต๊ากของฉันคืนมานะ ไอ้หมาบ้า!” ในขณะที่ภัทรดนัยเป่าปากโล่งอกที่ไม่ถูกสุนัขวิ่งชน แต่วินาทีต่อมา ร่างของเขาก็ถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้าเต็มแรง เขาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวล้มหงายหลังไปนอนกับพื้น โดยมีร่างกายของใครบางคนหล่นตุบลงมาทับเอาไว้ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ก่อนจะที่จะทันได้อ้าปากร้องออกไป ปากของผู้หญิงคนที่หล่นลงมาทับร่างของเขาก็กระแทกลงมาบนปากของเขาเต็มแรง ปากของเขากับหล่อนแนบประกบกัน แต่มันไม่ได้ให้ความรู้สึกโรแมนติกอะไรเลย นอกจากความรู้สึกเจ็บเพราะปากกระแทกกันจนแตกเลือดสาด เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่รู้หรอก รู้เพียงแต่ว่าเมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนมา เขาก็รีบผลักร่างของผู้หญิงแปลกหน้าให้ออกไปจากตัวทันที พร้อมกับลุกขึ้นยืน ปัดเนื้อปัดตัว และมองเจ้าหล่อนด้วยสายตาไม่พอใจ “ทำบ้าอะไรของเธอ” คนที่ถูกผลักด้วยความรังเกียจ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำถามดุดัน ก่อนจะเบิกตากว้าง ความโกรธที่เสียจูบแรกไปจางหายไปในทันที เมื่อความทรงจำร้องบอกว่าผู้ชายในฝันอยู่ตรงหน้า ก้านแก้วยิ้มออกมาอย่างดีใจ หล่อนขยับตัวลุกขึ้นยืน ลืมความเจ็บเพราะปากแตกไปอย่างน่าอัศจรรย์ “คุณ...” หล่อนยิ้มสดใส ยิ้มทั้งดวงตาและริมฝีปาก มองคนหน้าบึ้งตรงหน้าด้วยความยินดีเป็นที่สุด “คุณนั่นเอง...” คำว่า ‘คุณนั่นเอง’ ทำให้ภัทรดนัยต้องหรี่ตาแคบมองคู่กรณีที่ตอนนี้เนื้อตัวมอมแมมเหมือนเด็กกะโปโลซ้ำอีกครั้ง “เราเคยรู้จักกันหรือ” “ใช่ค่ะ เราเคยรู้จักกัน” เพราะดีใจมากทำให้ก้านแก้วลืมตัวจับแขนขาวสะอาดของผู้ชายตรงหน้าเอาไว้แน่น หล่อนตามหาเขาทั่วกรุงเทพฯ แต่กลับไม่เคยเจอ แต่จู่ๆ ก็มาเจอเขาในบริเวณบ้านของตัวเองแบบนี้ มันต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ เลย “แต่ฉันมั่นใจว่า ตัวเองไม่เคยรู้จักกับเด็กกะโปโล” ก้านแก้วถูกผู้ชายในฝันที่ตัวเองฝันถึงมาตลอดปัดมือออกอย่างรังเกียจ จากนั้นก็เขายกมือขึ้นขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ “เธอคงเหงามาก ไม่มีเพื่อนเล่น แต่ฉันไม่มีเวลาว่างมาเล่นกับเด็กแบบเธอหรอก” “...” ก้านแก้วอ้าปากค้าง ขณะมองตามร่างสูงใหญ่ของผู้ชายในฝันที่เดินจากไปด้วยสายตาเหลือเชื่อ เขา... เขาต้องไม่ใช่ผู้ชายปากร้าย เย็นชา และขี้เก๊กแบบนี้สิ ก้านแก้วยกมือขึ้นลูบหน้าและขยี้ตาตัวเองหลายครั้ง ภาวนาให้เรื่องเมื่อกี้มันคือความฝัน แต่พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ยังคงเห็นแผ่นหลังของเขาในสายตาอยู่ดี “เราไม่ได้ฝันไปจริงๆ ด้วย... ผู้ชายในฝัน แต่นิสัยไม่ใช่อย่างที่ฝันถึงเลย... เฮ้ออออ...” ก้านแก้วมัวแต่ตกตะลึงกับการเผชิญหน้ากับภัทรดนัย จึงลืมไปเลยว่าลูกไก่ของตัวเองถูกหมาจรจัดคาบหาย “โธ่เอ๊ย... ไก่กระต๊ากของฉัน ป่านนี้คงไปเกิดบนดาวลูกไก่แล้วล่ะ” หญิงสาวหน้าเศร้าลง เพราะสงสารลูกไก่จับใจ หลังจากไปนั่งไว้อาลัยให้ลูกไก่อยู่นานสองนาน ก้านแก้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมีเสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลัง “พี่แก้ว ป้าให้ฉันมาตามพี่กลับบ้านน่ะ” ก้านแก้วผงกศีรษะหงึกๆ เมื่อเห็นว่าเป็นจ่อยที่มาตามตัวเอง “บอกแม่ให้หน่อย อีกเดี๋ยวจะกลับ” จ่อยรีบเดินมาหยุดข้างๆ และพูดขึ้นเสียงดัง “ป้าบอกให้พี่กลับบ้านด่วน ด่วนน่ะพี่แก้ว ได้ยินไหมว่า ด่วน!” ก้านแก้วถอนใจออกมาแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากกองดิน “รู้แล้วล่ะน่ะ ไม่เห็นต้องตะโกนใส่หูพี่เสียงดังขนาดนี้เลย” “ก็หนูได้ยินว่าพี่แก้วบอกว่าอีกเดี๋ยวจะกลับน่ะสิ เลยต้องย้ำว่า ‘ด่วน’ ด่วนครับด่วน” “โอเค ไปกลับแล้ว กลับเดี๋ยวนี้เลย เลิกย้ำคำว่าด่วนเสียที รำคาญว่ะไอ้จ่อย” “โอ๊ย!” จ่อยร้องออกมา เมื่อถูกก้านแก้วตบหัว “เอ็งนี่โตขึ้นไปเป็นนักแสดงนะ โอเว่อร์แอ็คติ้งชัดๆ ตบเบาๆ ร้องเหมือนถูกค้อนทุบ” จ่อยยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองและวิ่งตามก้านแก้วกลับบ้าน “หนูก็ฝันอยากเป็นดาราเหมือนกัน โตขึ้นหนูจะต้องดังแบบพี่ณเดชให้ได้” “โอ๊ย ถ้าเอ็งอยากจะดังแบบณเดชนะ เอ็งคงต้องเก็บเงินเอาไว้ให้ได้สักล้านหนึ่งก่อน แล้วไปเกาหลี” “ทำไม หนูต้องไปเกาหลีล่ะพี่แก้ว ไปทำไม หนูไม่ได้อยากเป็นดาราเกาหลีนะ พูดภาษาไม่เป็นหรอก” ก้านแก้วหยุดเดิน และก็โน้มตัวลงมาจ้องหน้าจ่อยที่ตัวเตี้ยกว่า “ไปศัลกรรมไง เอ็งนะต้องศัลยกรรมทั้งหน้าแหละถึงจะหล่อแบบณเดช” “พี่แก้วน่ะ บูลลี่หนูเหรอ นี่แน่ะ นี่แน่ะ” จ่อยวิ่งไล่ก้านแก้ว และเงื้อมือทุบแขน “แน่จริงก็ไล่ให้ทันสิ จ่อย... มาเลย” ก้านแก้วหัวเราะชอบใจ วิ่งหนีไป หัวเราะไปอย่างสนุกสนาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD