“แน่จริงก็วิ่งให้ทันสิ จ่อย มาเลย... ฮ่าฮ่า มาสิจ่อย ฮ่าฮ่า...”
ก้านแก้วที่กำลังวิ่งหนีจ่อยขึ้นมาชั้นบนของตัวบ้านชะงักเท้ากึก เมื่อเห็นสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองมา และหนึ่งในนั้นก็คือสายตาคมเข้มเย็นชาของผู้ชายในฝัน
หล่อนตัวแข็งทื่อ และก็ยิ้มแห้งๆ ยกมือไหว้ขอโทษ ก่อนที่แม่ของหล่อนจะกวักมือเรียกให้ไปนั่งลงข้างๆ
“นี่แหละค่ะ ก้านแก้ว ลูกสาวของฉัน จบปริญญาตรีแล้วแต่ก็ยังซนเป็นลิงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยค่ะ” มารดาของหล่อนขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
“แม่น่ะ...”
หล่อนปรามมารดา ก่อนจะก้มหน้าลงมองมือที่ประสานกันอยู่บนตัก แต่กระนั้นก็อดที่จะเหลือบตามองชายในฝันไม่ได้
ทำไมเขามานั่งอยู่ตรงนี้นะ?
“น่ารักดีออกค่ะ หนูก้านแก้ว จำฉันได้ไหม ฉันคุณนายสายสมรไง ที่เราเคยเจอกันตอนหนูเด็กๆ น่ะ” คุณนายสมรมองก้านแก้วอย่างเอ็นดู
ก้านแก้วช้อนตามองคุณนายสายสมร ก่อนจะรีบยกมือไหว้ตามมารยาท แม้จะจำไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ก็ตาม
“หนู... จำไม่ค่อยได้หรอกค่ะ”
“ก็ไม่แปลกหรอก ตอนนั้นหนูแค่ห้าขวบหรือหกขวบเอง จริงไหมคุณชะม้อย”
“ใช่ค่ะคุณนาย นี่ก็ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้วด้วย”
มารดาของหล่อนเออออห่อหมกไปกับคุณนายสายสมรเหมือนกับคอหอยกับลูกกระเดือกไม่มีผิด
“งั้นหนูก้านแก้วก็คงจำพี่ภัทรไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมเนี่ย”
คุณนายสายสมรถาม ก่อนจะหันไปมองลูกชายที่นั่งหน้านิ่งอยู่ไม่ไกล
“พ่อภัทร นี่ไงหนูก้านแก้ว คนที่ลูกต้องแต่งงานด้วยน่ะ”
ภัทรดนัยดึงกับเบิกตากว้าง ปากหยักสวยสีแดงระเรื่อเผยอห่างออกจากกันเล็กน้อย ขณะจ้องเขม็งไปยังว่าที่เจ้าสาว
ยัยเด็กกะโปโลที่วิ่งแย่งไก่กับสุนัขคนนี้น่ะหรือที่เขาต้องแต่งงานด้วย
ภัทรดนัยถึงกับเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ด้านหลัง พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าหลายครั้ง
ซึ่งไม่ใช่แค่ภัทรดนัยคนเดียวหรอกที่ตกใจ และประหลาดใจ แต่หล่อนเอง... ก็รู้สึกตกใจไม่ต่างกันเลย
นี่มันเป็นไปได้ยังไง
ผู้ชายในฝันของหล่อนก็คือ...
คือเด็กผู้ชายคนนั้นที่เคยแต่งงานแก้เคล็ดด้วยกันในอดีต
นี่มันไม่ใช่แค่พรหมลิขิตแล้วล่ะมั้ง แต่มันคือการอุ้มสมของพระเจ้าเลยแหละ
หล่อนยินดี...
ยินดีมากจนยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
จู่ๆ พ่อเทพบุตรในฝันก็ร่วงตกลงมาอยู่ในกำมือ นี่ชาติที่แล้วหล่อนทำบุญด้วยทองคำหรือไงกันนะ ถึงได้โชคดีขนาดนี้เนี่ย
แต่...
ทำไมสายตาที่เขามองมาที่หล่อนถึงได้ให้ความรู้สึกตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในหัวใจของหล่อนแบบนี้ล่ะ
เขาตกใจ
ไม่พอใจ
และก็ไม่เต็มใจ....
ใช่...
แววตาคมเข้มเย็นชาที่จ้องมองมาที่หล่อน มันบอกแบบนั้น บอกอย่างชัดเจนเลยทีเดียว
แต่ช่างเถอะ เขาคงจะยังโกรธที่หล่อนวิ่งชนอยู่ เดี๋ยวพอเจอรูปทองของหล่อนเข้าไป เขาจะต้องตะลึงและหลงหัวปักหัวปำแน่นอน
“ยิ้มอะไรขนาดนี้ ไอ้แก้ว สำรวบหน่อยสิ” พ่อของหล่อนเอียงหน้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
ก้านแก้วได้สติก็หุบยิ้ม แต่สิ่งเดียวที่ทำไม่ได้ก็คือการเลิกแบบมองภัทรดนัย
ฉัน... ตกหลุมรักคุณอีกครั้งแล้วล่ะ...
“แล้วเราจะจัดงานกันเมื่อไหร่ดีคะคุณชะม้อย” คุณนายสายสมรถามขึ้น
“แล้วแต่คุณนายสะดวกเลยค่ะ พวกเรายังไงก็ได้ค่ะ”
“ฉันอยากให้เร็วที่สุดน่ะ พรุ่งนี้เลยยิ่งดี แต่งานจะเตรียมไม่ทันน่ะสิ”
“คุณแม่ครับ ผมว่ามันเร็วเกินไป”
“ไม่เร็วหรอกพ่อภัทร อ้อ งั้นเราจัดงานกันเล็กๆ ที่นี่ แล้วค่อยไปเลี้ยงฉลองอีกทีที่กรุงเทพฯ ดีไหมคุณชะม้อย คุณมงคล”
“ว่าไงล่ะแก้ว ลูกจะขัดข้องอะไรไหม” ชะม้อยหันไปถามลูกสาว
“ไม่ขัดข้องค่ะ แก้วเต็มใจมาก” หล่อนยิ้มกว้าง ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อบังเอิญประสานสายตากับภัทรดนัย
“งั้นถ้าหนูแก้วไม่ขัดข้อง พรุ่งนี้เราก็จัดงานแต่งเล็กๆ ที่นี่เลยนะ”
“แล้วคุณแม่จะไม่ถามผมหน่อยหรือครับ”
“แม่ตัดสินใจแทนพ่อภัทรแล้ว แต่งพรุ่งนี้เลย” คุณนายสายสมรฉีกยิ้มกว้าง ในขณะที่ลูกชายถึงกับถอนใจแรงๆ ด้วยความเครียด
“งั้นเดี๋ยวผมกับแม่ชะม้อยจะออกไปบอกข่าวชาวบ้าน พวกเขาจะได้มาช่วยจัดงาน” พ่อของหล่อนพูดอย่างกระตือรือร้น
“ฉันไปด้วยสิ อยากรู้จักชาวบ้านแถวนี้เหมือนกัน”
“ได้ครับคุณนาย งั้นเราไปด้วยกัน” มงคลยิ้มกว้างด้วยความยินดี
“หนูแก้ว งั้นป้าฝากพ่อภัทรเอาไว้ด้วยนะ ฝากดูแลหน่อย รายนี้ค่อนข้างบอบบาง สมบุกสมบั้นไม่ค่อยได้”
คุณนายสายสมรไหว้วานหล่อน ซึ่งแน่นอนว่าก้านแก้วตอบรับด้วยความยินดี
“ได้เลยค่ะ คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ แก้วจะดูแลพี่ภัทรเป็นอย่างดี มดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยล่ะค่ะ”
“ขอบใจมาก” คุณนายสายสมรขอบคุณก้านแก้ว ก่อนจะหันไปพูดกับลูกชายที่นั่งเก๊กหน้าขรึมอยู่ “พ่อภัทรเหนียวตัวไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวให้หนูแก้วพาไปอาบน้ำนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอไปอาบที่โรงแรมได้ครับ”
“ใครว่าเราจะไปโรงแรม” คุณนายสายสมรอมยิ้ม ก่อนจะเฉลย “คืนนี้เราจะค้างที่บ้านของหนูแก้วกันจ้ะลูกชายสุดที่รัก”
“อะ... ไร... นะครับคุณแม่”
“หูตึงขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย แม่บอกว่าคืนนี้เราจะค้างที่นี่ แล้วพรุ่งนี้พ่อภัทรกับหนูแก้วก็จะเข้าพิธีแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน”
ภัทรดนัยได้แต่อ้าปาก แต่ก็พูดอะไรไม่ออก ในขณะที่ก้านแก้วยิ้มอย่างมีความสุข
“เอาล่ะๆ งั้นแม่ไปก่อนนะ หนูแก้วพาพ่อภัทรไปอาบน้ำหน่อยนะลูก”
“ได้ค่ะคุณป้า”
ภัทรดนัยถอนใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งผู้ใหญ่ทยอยลงไปจากเรือนกันหมดทุกคน ตอนนี้จึงเหลือแค่เขากับแม่ว่าที่เจ้าสาวตัวมอมแมม
ก้านแก้วลุกขึ้นยืน และเดินมาหยุดข้างๆ ร่างสูงใหญ่ของภัทรดนัย ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เล็กน้อย ในขณะที่เขาขยับศีรษะออกห่าง
“เธอจะทำอะไรน่ะ”
ก้านแก้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกว่า “คุณว่าเราเคยเจอกันมาก่อนไหมคะ”
“ก็ตอนเด็กๆ ไง”
“ฉันไม่ได้หมายถึงตอนเด็กค่ะ ฉันหมายถึงตอนที่เราโตกันแล้ว”
หล่อนจ้องเข้าไปในดวงตาคมเข้มแต่สุดเย็นชาของภัทรดนัย ภาวนาให้เขาจำตัวเองได้ แต่คำตอบที่ได้ยิน ก็ทำให้ผิดหวังอย่างแรง
“ฉันคิดว่าโลกของเราน่าจะคนละใบกัน”
เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะหรี่ตามองต่ำมามองหน้าหล่อน และถามเสียงเย็นชา
“คุณแม่บอกให้เธอพาฉันไปอาบน้ำไม่ใช่หรือ”
“อ๋อ ใช่ค่ะ”
“ที่ไหนล่ะ”
“เอ่อ... ตามมาค่ะ ทางนี้ค่ะ...”
ก้านแก้วรีบกุลีกุจอจะเดินนำหน้าไปยังห้องนอนของตัวเองที่มีห้องน้ำด้านใน แต่ฝ่าเท้าดันเหยียบลูกแก้วของไอ้จ่อยที่ทิ้งไว้เรี่ยราดบนพื้นบ้านจนล้มจะหงายหลัง
“ว๊ายยย...”
โครรมมมม!
ภัทรดนัยคว้าร่างของหล่อนเอาไว้ได้ทัน แต่ก็เสียหลักล้มลงไปนอนบนพื้นบ้านด้วยกันทั้งคู่ และครั้งนี้เขาอยู่ด้านบน
ปากที่ยังเจ็บอยู่เพราะถูกกระแทกเผยอค้าง ดวงตาเบิกโพลง เมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจลูกรักพระเจ้าของภัทรดนัยโน้มต่ำลงมาอยู่ใกล้มากๆ
หล่อนยิ้มออกมา มองสำรวจเครื่องหน้าฟ้าประทานอย่างลืมตัว ก่อนจะยกมือขึ้นไต่โอบรอบลำคอแข็งแรงของเขาเอาไว้ และหลับตาพริ้ม
บรรยากาศแบบนี้...
จูบหวานๆ ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เลย...
แต่แล้วฉากหวานในนิยายรักที่เคยอ่านก็ถูกทำลายลงด้วยคำพูดเจ็บแสบ
“ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่จูบไม่เลือกหรอกนะ”
แล้วเขาก็ผละออกห่าง พร้อมกับลุกขึ้นยืนกอดอก
ในขณะที่หล่อนหน้าร้อนผ่าว ก่อนจะรีบตั้งสติและลุกขึ้นยืน
“เอ่อ... ทาง... ทางนี้”
หล่อนก้มใบหน้าที่ร้อนผ่าวลงตัวเองลง และรีบวิ่งนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ภัทรดนัยถอนใจแรงๆ และก็เดินตามร่างกะทัดรัดของว่าที่เจ้าสาวไป