“ผมต้องการคุยกับเธอสองคน เดี๋ยวผมจะให้เลขาพาคุณไปที่ห้องรับแขก”
“ค่ะ...”
คริสเตียนบอกขึ้นหลังจากพาสองสาวขึ้นมาจนถึงห้องทำงาน ก่อนที่เลขาของเขาจะเดินนำซอลลาออกไปยังห้องรับรองแขก ส่วนแรกรักนั้นเดินตามเขาเข้าไป
“มาทำไม”
พอเดินเข้ามาด้านใน คริสเตียนก็ถามขึ้นทั้งๆที่เขาเองก็พอจะรู้สาเหตุ แต่ด้วยไม่รู้จะพูดอะไรก่อนดีเลยถามออกมาแบบนั้น
“ฉันมาเรื่องพินัยกรรมของคุณพ่อ...คุณพ่อของคุณ”
“เท่าที่ผมจำได้ผมไม่มีพ่อ”
“เรื่องนั้น...ฉันไม่รู้ ฉันเองก็มารู้หลังจากคุณพ่อเสียแล้ว...”
คริสเตียนมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อว่าเธอคือน้องสาวนอกไส้ของเขาจริงๆ เหมือนโชคชะตาเล่นตลกเมื่อดูท่าเธอจะจำเขาไม่ได้เลยสักนิดทั้งๆที่เขาตามหาเธอแทบพลิกแผ่นดินแท้ๆ
“แล้วคุณต้องการอะไรจากผม”
“ตอนนี้ทุกอย่างกำลังวุ่นวายเพราะพินัยกรรมไม่ได้เปิด เรามาที่เพื่อเปิดพินัยกรรม”
“แล้วถ้าผมไม่ทำ”
“.....................”
แรกรักเงยหน้าขึ้นมองทันทีที่เขาพูดจบ เพราะตั้งแต่แรกเจอเธอก็จำเขาได้ทันที ผู้ชายที่แสนดีอบอุ่นที่ครั้งหนึ่งเคยช่วยเธอเอาไว้ แต่ดูท่าเธอจะคิดผิดเมื่อตอนนี้เขาเหมือนกับซาตานที่มองจ้องเธอและพร้อมจะหาเรื่องตลอดเวลา ทำเอาเธอแทบไม่กล้ามองสบตาเขาตรงๆ
“ฉันขอร้อง”
“หึ! แล้วผมจะได้อะไรตอบแทนในการทำตามที่คุณต้องการ”
“ก็...ฉันไม่รู้...”
คริสเตียนมองจ้องคนตรงหน้าอย่างเริ่มคิดอะไรดีๆออก
“ถ้าผมไม่ยอมเปิดมัน ทุกอย่างก็คงจะยุ่งวุ่นวาย อาจมีการฆ่ากันตายเพราะแย่งมรดกบ้าๆที่พวกคุณมี อย่างนั้นใช่ไหม”
แรกรักได้แต่พยักหน้า เพราะที่เขาพูดมันอาจจะเกิดขึ้น เมื่ออำนาจและเงินทองที่จะได้จากผลประโยชน์นั้นมันมากมายจนเธอเองก็ยังกลัว
“งั้นถ้าผมต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน คุณก็คงจะยอมให้ใช่ไหม”
“ถ้าฉันทำให้ได้...”
“งั้น...คืนนี้หนึ่งทุ่ม ไปเจอผมที่นี่...ไปคนเดียวแล้วพรุ่งนี้ผมจะยอมเปิดพินัยกรรมบ้าๆนั่น”
“แล้วสิ่งที่คุณต้องการ...”
“ไปเจอผมแล้วผมจะบอกเองว่าต้องการอะไร”
“.....................”
แรกรักได้แต่ก้มมองกระดาษแผ่นเล็กๆที่เขายื่นให้ซึ่งในนั้นเป็นสถานที่ๆเขาบอกว่าให้เธอไปเจอ ซึ่งพอดูแล้วมันคือที่เดียวกับที่เธอพักอยู่ หญิงสาวเลยตอบตกลงทั้งๆที่รู้ว่าเขาอาจคิดไม่ดีกับเธอ แต่จะให้ทำยังไงได้เมื่อเธอต้องการจบเรื่องพินัยกรรมนี้สักที
“จริงเหรอหนูรัก! อาต้องฝากความหวังไว้ที่หนูรักแล้ว ถ้าเขาต้องการอะไรก็บอกอานะ อาจะจัดหาให้เขาทุกอย่างเลย”
“ค่ะคุณอา เอาไว้ได้เรื่องยังไงรักจะโทรบอกอีกทีนะคะ”
“ได้ๆๆ อาจะรอนะ”
ทางด้านแรกรัก พอตกลงกับเขาแล้วเธอก็กลับมาพักที่ห้องหลังจากพาซอลลาไปเดินเที่ยวรอบเมืองกันมาโดยไม่ลืมที่จะโทรบอกความคืบหน้าให้กับทนายไกรสรณ์ได้รับรู้ด้วย
“แกแน่ใจนะว่าเขาจะไม่หลอกแกไปทำอะไรบ้าๆ”
“แกคิดมากไปรึเปล่า ยังไงฉันก็เป็นน้องสาวของเขานะ”
“แต่ก็ไม่ใช่น้องจริงๆสักหน่อย”
ซอลลาถามขึ้นอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยกับการนัดพบกันของสองพี่น้อง เพราะเธอเห็นท่าทางที่ไม่น่าไว้ใจของคริสเตียนแล้วเธอไม่คิดว่าแรกรักจะไว้ใจเขาได้
“ฉันไม่มีทางเลือกเท่าไหร่หรอก แกก็เห็นแล้วนี่ว่าพี่ชายฉันหล่อขนาดไหน ถ้าเขาจะให้ฉันนอนด้วยฉันสิที่ต้องดีใจ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ยัยบ้า! คิดอะไรบ้าๆ”
แรกรักที่เห็นว่าซอลลาดูกังวลมากไปอดที่จะพูดแกล้งออกมาไม่ได้ จนถูกมือเล็กของเพื่อนตีลงไปบนต้นแขนอย่างโมโห
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นรีบโทรหาฉันเลยนะ หรือว่าจะให้ฉันไปด้วย ยังไงก็นัดที่นี่”
“ไม่ได้หรอก เกิดเขาจับได้แล้วเปลี่ยนใจ...แกก็รู้นี่ว่านี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะยอมเปิดพินัยกรรมแล้ว”
“เฮ้อ คุณลุงนะคุณลุง ให้แกเปิดเองก็ได้ ทำไมต้องมาให้นายนี่เป็นคนเปิดด้วยก็ไม่รู้ ดูซิยุ่งยากไปหมด”
“นั่นพ่อฉันนะ”
“ก็ฉันอดไม่ได้นี่”
สองสาวได้แต่มองหน้ากันอย่างเข้าใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว
“นายจะลากฉันมาทำไม แค่มาเจอผู้หญิง หรือว่าเสือหมดลาย”
“หมดลายบ้านแกสิ ฉันก็แค่ไม่อยากเสียท่าพวกนั้น เกิดพาพวกมาด้วยแล้วฉันจะทำยังไงวะ”
“โธ่ พ่อคาสโนว่า แน่ใจนะว่าเหตุผลนั้น ไหนว่านัดกันหนึ่งทุ่ม หกโมงแกถ่อมารอแล้วเนี่ยนะ ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ”
“หุบปากแล้วไปนั่งไกลๆโน่น”
“เออ อะไรของมันวะ”
ทางด้านคริสเตียนเขากลับไปอาบน้ำแต่งตัวมารออยู่ที่นัดพบเรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่รู้ว่าความอยากรู้หรือเขาเองที่ตื่นเต้นกับการพบเจอแรกรักก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆตอนนี้เสืออย่างเขากำลังมีท่าทีเหมือนเด็กหนุ่มแรกรักก็ไม่ปาน
“แกแน่ใจนะว่าไม่ให้ฉันไปด้วย ถ้าเกิดเกินหนึ่งชั่วโมงแล้วแกไม่กลับมาฉันจะลงไปหา โอเคนะ”
“จ้า คุณแม่ ตามสบายเลยจ้า แต่ตอนนี้ หลีกทางก่อน เดี๋ยวสายเขาจะกลับไปก่อน”
“อืม...”
แรกรักที่กว่าจะออกจากห้องได้ก็ต้องผ่านด่านเพื่อนสนิทอย่างซอลลาที่เป็นห่วงเธอจนไม่อยากให้ลงไปเจอคริสเตียน แต่สุดท้ายซอลลาก็ต้องยอมเมื่อนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่คริสเตียนจะยอมตกลงด้วย
“แต่งตัวเยอะไปรึเปล่าเนี่ยเรา”
พออยู่ในลิฟต์แรกรักก็อดที่จะมองไปที่กระจกไม่ได้ เมื่อดันตั้งใจแต่งตัวจนอดเขินตัวเองไม่ได้ และไม่นานลิฟต์ก็มาหยุดลงที่ชั้นบนสุดของโรงแรมซึ่งเป็นห้องอาหารสุดหรูที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้เลยก็ว่าได้
“คุณแรกรักใช่ไหมคะ...เชิญทางนี้เลยค่ะ”
พนักงานของห้องอาหารถามขึ้นก่อนจะพาเธอเดินไปยังโต๊ะที่ถูกสั่งจองเอาไว้ซึ่งมันอยู่ลึกเข้าไปอีก พอเดินมาถึงแรกรักถึงกับตกตะลึงกับความสวยตรงหน้า เมื่อมันเป็นห้องที่แยกออกมาและมองเห็นวิวอันสวยงามของเมืองหลวงของอังกฤษยามค่ำคืนจนเธอแทบลืมหายใจ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอเรียนจบที่มีโอกาสได้เจออะไรสวยงามละลานตาแบบนี้เลยอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้