ม่านมุก วิ่งฝ่าความมืด ไปยังทะเลทรายเบื้องหน้า ที่ตอนนี้ เธอไม่รู้ทิศรู้ทางเลยด้วยซ้ำ และถือว่าเป็นโชคดีของเธอ ที่ชุดที่เธอสวมนั้น เป็นชุดคลุมสีดำทั้งตัว ทำให้ ง่ายต่อการพลางตัว และ ไม่สะดุดตา เพราะตอนนี้ บริเวณรอบข้าง มีเพียงความมือปกคลุม
“หวังว่า ท่านจะ หนีพ้นนะคะ ท่านหญิง “ม่านมุกได้แต่นึกในใจ ในขณะที่เท้าก็วิ่งไม่หยุด เลย และเมื่อเธอวิ่งมาได้ไกลพอสมควร เธอมองเห็นเงาดำ และเมื่อเข้ามาใกล้ ก็เห็นเป็นเนินทราย ขนาดใหญ่ เธอจึงรีบวิ่งไปหลบ เพราะตอนนี้เท้าของเธอเริ่มจะก้าวไม่ออกแล้ว ม่านมุก หลบอยู่ที่เนินทราย เธอทำตามวิธีที่คนทะเลทรายเคยสอน เพื่อเอาตัวรอดม่านมุกได้แต่ ใช้ชุดที่คลุมพลางตัว เอาไว้ และด้วยความอ่อนเพลีย และเหนื่อย จนไม่รู้ว่าเธอนั้นเผลอหลับไป ตั้งแต่ตอนไหน ไม่รู้
สายตา หวานจ้องมองใบหน้าสวยที่กำลังหลับพริ้ม ผ่านเปลวไฟ ที่กำลังลุกโชนเขาได้แต่พิจารณาใบหน้างดงามนี้ และคิดในใจว่า เธอคงไม่ใช่หญิงสาวชาวบ้านทั่วไปแน่ ๆ จากผิวพรรณ และการแต่งกาย แต่ ทำไมเธอถึงถูกคนพวกนั้นจับตัวได้ วาฮิม นิ่งคิด และจ้องมองใบหน้าสวยไม่วางตา
“เธอเป็นใครนะคนสวย”วาฮิม เอ่ยพึมพำ
“นายท่านครับ กระโจมเรียบร้อยแล้วครับ “อัสเอ่ยบอกนายหนุ่ม
“อือ ดีมากอัส แล้วคนพวกนั้น มันเป็นใคร”
“พวกโจรทะเลทรายครับ แต่ว่า เป็นแค่ พวกปลายแถวเท่านั้น ครับ “
“เหรอ ว่าแต่ วาคิม ส่งข่าวมาหรือยัง “วาฮิมเอ่ยถามอีกครั้ง
“กำลังเดินทางมาสมทบครับนายท่าน” อัสตอบเสียงเข้ม
“แต่มันน่าจะถึงได้แล้วนี่ ทำไมคราวนี้ ถึงได้ได้ล่าช้ากว่าปกติ นะ ว่าแต่ อัส เจ้าไปสืบข่าวในเมืองแล้วเป็นไงบ้าง ตกลง ท่านหญิงซาฟา เลือกว่าที่สามีในอนาคตหรือยัง เพราะเราเห็นว่ามีกลุ่มคนมากมาย มุ่งหน้าสู่จามา ใช่ไหม อัส “
“ครับนายท่าน แต่ เท่าที่ให้ลูกน้องไปสืบมา ยังไม่มี การเคลื่อนไหวเรื่องนี่ครับนายท่าน “
“อือ ไม่แปลกใจ เพราะ ในเวลานี้ รัฐจามา ถือว่าถือไพ่เหนือกว่า เรียกว่า กำลังเป็นที่ต้องการ ของ บรรดารัฐน้อยใหญ่ ทั้งหลาย “
“ครับนายท่าน ว่าแต่นายท่านละครับ จะเข้าร่วมงานในครั้งนี้ไหมครับ “อัสเอ่ยถามนายหนุ่ม
“แล้วเจ้าคิดว่าไงอัส ไม่อย่างนั้นเราจะมาที่นี่เพื่อ อะไร “
“แล้วนายท่าน เคยคิดไหมครับว่า ท่านหญิงซาฟา จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง ถ้าเกิดว่า เธอเอ่อ ไม่สวย หมายถึงอาจจะไม่เป็นที่พึงใจ นายท่านก็ยังจะคงเข้าร่วม งานคัดตัวในครั้งนี้เหมือนเดิมไหมครับ นายท่าน “อัสถามอีกครั้ง เพราะ เขาก็พอจะรู้ว่า จุดประสงค์ของ นายเหนือหัวของเขามาที่นี้เพราะ ต้องการ ที่จะสานสัมพันธ์ กับ รัฐจามา โดยการ เข้าร่วมงานเลี้ยง เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ ท่านหญิงซาฟา ได้ พิจารณานายของเขานั้นเอง
“ก็แค่เข้าร่วมงานนะอัส เราไม่จำเป็นต้องใช้เงื่อนไขนี้ ในการ ที่จะสานสัมพันธ์กับ จามาก็ได้เรามีวิธีอื่น เยอะแยะไป “วาฮิม เอ่ยตอบ ก่อนจะปลายตามองใบหน้าสวยของหญิงสาวที่หลับตาพริ้มอยู่ตอนนี้ พร้อมกับคิดในใจว่า แต่ถ้า ท่านหญิงซาฟา จะมีรูปร่างหน้าตาแบบเธอ คนนี้ เขาอาจจะเลือกวิธีแรกที่อัสถามก็ได้
“แล้ว เธอคนนี้ละครับ นายท่าน จะทำอย่างไรดี “
“ถ้าเธอรู้สึกตัวค่อยว่ากันอีกทีว่าจะ เอายังไง ตอนนี้ ก็แยกย้ายพักผ่อนเถอะ “วาฮิม สั่งเสียงเรียบ และเอนหลัง พิงโขดหินใกล้ ๆ เธอ
“ม่าน หนีไป ม่าน”เสียงหวานเอ่ยพร้อม ลืมตาตื่นด้วยความตกใจ และหอบใจหนัก
“เป็นอย่างไรบ้าง ฝันร้ายเหรอ “เสียงทุ้มเอ่ยถามใกล้ ๆ ทำให้ ซาฟาต้องหันไปมอง อย่างรวดเร็ว และก็ทำให้ดวงตาสวย สบเข้ากับดวงตาเข้มที่กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน
“เจ้าเป็นใคร “
ซาฟาถามด้วยน้ำเสียงไม่วางใจ และหันไปมอง รอบ ๆ ที่ตอนนี้ มีเพียงความมืดมิด เท่านั้น ก่อนจะหันมามองชายตรงหน้าอีกครั้ง และเมื่อพิจารณา ดี ๆ แล้ว เขา ดูไม่เหมือน คนธรรมดาทั่วไปเลย ไหนจะการแต่งกายของเขา ถึงแม้ว่าเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าทั่วไป แต่ ถ้ามองดี ๆ ละก็ มันแตกต่าง โดยสิ้นเชิง
“แล้ว เจ้าละ เป็นใคร ทำไมมาอยู่ที่นี่ และทำไมคนพวกนั้นถึงได้ ตามจับตัวเจ้า หรือว่า เจ้าเป็น สินค้าของพวกมันแล้วหนีออกมางั้นเหรอ “
วาฮิมเอ่ยถามในความสงสัยของเขา เพราะ ดูจาการแต่งตัวของเธอแล้ว มันก็ไม่เหมือน หญิงสาวชาวบ้านทั่วไป และที่สำคัญถ้าเกี่ยวกับคนพวกนั้นก็มีเพียงว่า เธอคือหญิงสาวที่มีหน้าที่ ให้ความสำราญ กับบรรดาผู้ชายพวกนั้นหรือเปล่า
“เปล่านะ เราไม่ใช่ อย่างนั้นนะ เจ้าไม่ใช่คนจามาใช่ไหม “
“เปล่า เราเป็น พ่อค้า ที่ผ่านมาทางนี้และมาพบกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เท่านั้น “
เมื่อได้ฟังคำตอบของเขา ทำให้ซาฟา เข้าใจแล้วเพราะ ถ้าเขาเป็นคนจามาจะต้องรู้ว่าเธอเป็นใคร
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น อัสก็ตรงเข้ามาหาชายหนุ่ม และกระซิบอะไรบางอย่าง ทำให้ดวงตาคมเข้ม วาววับขึ้นทันที และไม่ทันที่จะ ได้คุยอะไรต่อ ก็มีเสียงตะโกนดังมาแต่ไกล
“ท่านหญิง ซาฟา ครับ ท่านหญิง อยู่แถวนี้หรือเปล่าครับ “
เสียงตะโกน ดังมาแต่ไกล และคำพูดนั้นทำให้ สายตาของชายหนุ่ม ปลายตามองมาที่เธอ ทันที และ ซาฟาได้แต่ ทำท่างไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะค่อย พยุงตัวเองให้ลุกขึ้น อย่าง ระวัง และก้าวถอยหลังออกห่างชายหนุ่ม
“ท่านหญิง ครับ ท่านหญิงซาฟา ครับ “
“เราอยู่ทางนี้ “
ซาฟาตัดสินใจตะโกนตอบกลับไป แต่สายตาไม่ละจากสายคมเข้มที่มองเธออยู่ในตอนนี้เช่นกัน และไม่นาน เสียงม้าที่ควบทะยานก็มาถึงบริเวณที่เธออยู่
“ท่านหญิงครับ นายท่านให้มาตามครับ เพราะตอนนี่ งานกำลังจะเริ่มแล้วครับ “
“อือ รู้แล้ว แต่ว่า ทิ้งม้าไว้ให้เราตัวหนึ่ง เราจะขี้กลับ แต่พวกเจ้า ออกไป ตาม ม่านให้เราด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะ ถูกพวกนั้นจับตัวได้หรือยัง เราเป็นห่วงม่าน มาก ไปได้แล้ว “
ซาฟาเอ่ยสั่ง ลูกน้องของท่านพ่อ ของเธอ ทันทีก่อนที่ เธอ จะเดินไปที่ม้า แล้วก็โหนตัวขึ้นนั่งบนหลังม้า และกำลังจะ ควบทะยานออกไป ก็ต้องหันมาตามเสียงเข้มที่เรียกเธอไว้ ซะก่อน
“เดี๋ยวสิ จะไปแบบนี้เลยเหรอ ท่านหญิง “
“เราขอบใจท่านที่ช่วยเราเอาไว้ แต่ตอนนี้เราคงจะต้องไปแล้ว ถ้ามีโอกาสเราจะต้องตอบแทน ท่าน แน่นอน เราต้องไปแล้ว “
ท่านหญิงซาฟาเอ่ยตอบชายหนุ่ม ก่อนจะกระตุกม้าควบทะยานออกไปทันที โดยมีสายตาของ วาฮิมที่มองตามไปจนสุดสายตาและยิ้มทีมุมปาก อย่างพอใจ
“อัส เราคิดว่าเราจะใช้แผนแรกในการเชื่อมความสัมพันธ์กับจามาแล้วละ”
“ครับชีค “อัสเดินเข้ามากระซิบตอบรับใกล้ ๆ ทันที
“เราเข้าเมืองกันเถอะ อัส เราอยากไป ร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้แล้ว ไปกันเถอะ “
“เอ่อ แล้วชีคไม่รอชีควาคิมเหรอครับ “
“คงไม่ต้องก็ได้มั้ง เพราะ เราคิดว่าน้องชายของเราคงจะไม่ค่อยจะสนใจที่เข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้หรอก เราล่วงหน้าไปก่อนก็แล้วกัน “
เมื่อพูดจบ ชีควาฮิมก็เหวี่ยงตัวขึ้นหลังม้าคู่ใจ ควบทะยาน ตรงไปที่จามาทันที อย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้ ใจเขามันได้ตาม ท่านหญิงซาฟาไปแล้ว
ม่านมุก ได้แต่ขดตัวอยู่ภายใต้เสื้อคลุม ของเธอ หลังเนินทราย เพื่อหลบ ซ่อนตัว แต่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว และตอนนี้ เธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงลม ที่ดังหวีดหวิว พร้อมกับอากาศที่กำลังหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือ เธอไม่รู้ว่าตัวเอง นั้น วิ่งมาใกล้แค่ไหน เรียกง่าย ๆ คือ ตอนนี้เธอหลงทางแล้ว สิ เพราะที่สำคัญ เธอไม่ใช่คนทะเลทราย เธอคือ สาวกรุงเทพ เธอจะรู้ได้ไงว่าจะไปทางไหน แต่ก็ยังดีที่เธอ ยังจำคำ สอนที่ คนที่จามาเคยบอกถึงวิธีเอาตัวรอดเบื้องต้น
แต่ว่า เธอจะรอดไปได้ ถึงเมื่อไหร่กันละ เพราะตอนนี้เธอรู้สึกหนาว เข้ากระดูกแล้ว
“นี่ฉันจะต้องเอาชีวิตมาทิ้ง ในที่ที่ไม่มีอยู่จริง ในโลกของความเป็นจริงอย่างนี้เหรอนี่ ยัยม่าน นะยัยม่าน เธอต้องมาตายที่นี่จริงเหรอ ถ้าเป็นความฝัน เมื่อไหร่เธอจะตื่นซะที มันสมควรที่เธอจะตื่นจากฝันได้แล้วมั้ง ถึงฉันจะไม่มีพ่อแม่ ให้ คิดถึง แต่ฉันก็ไม่อยากมาตายในโลกของนิยายแบบนี้นะ ไม่ นะ “
ม่านมุกได้แต่พึมพำ ด้วยเสียงที่ค่อยเบาลงเรื่อย ๆ อย่างหมดแรง แล้ว “เราต้องตายแบบนี้สินะช่างน่าสมเพชตัวเองจริง ๆ ยัยม่านเอ้ย “พึมพำได้แค่นั้น เธอก็หมดสติไป
“เป็นไงบ้าง มาคิส ฟื้นหรือยัง “
เสียงดังกังวานเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในกระโจม ด้วยท่าท่าง ทะมัดทะแมง
“ยังครับชีค อาการเธอหนักพอสมควรครับ อาจจะเพราะต้องเผชิญกับอาการหนาวสุดขั้วและร้อนสุดขีดหลายวันก็เป็นได้ ครับชีคทำให้ร่างการเธอรับไม่ไหวครับ แต่ก็แปลกนะครับ ถ้าเป็นชาวทะเลทรายแค่นี้ก็ไม่น่าจะหนักหนามากขนาดนี้ครับ “มาคิสตอบชีคหนุ่ม
“อาจจะเป็นเพราะเป็นผู้หญิงก็ได้ แต่แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรผิดปกตินะ มาคิส”
“ครับชีค แค่สาวชาวบ้านทั่วไปครับ ดูจากการแต่งกาย ดูแล้วน่าจะเป็นสาวใช้ ในคารวานไหนสักกลุ่มนะครับ “
“ อือ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ดี ถ้าฟื้นแล้ว ก็ส่งตัว กลับบ้านที่ที่จากมา “
“ครับชีค คิดว่าน่าจะเป็น ชาวจามานะครับ แต่ ก็ไม่แน่ใจครับ เพราะถ้าเป็นชาวจามาจะ ออกมาไกลจากรัฐขนาดนี้ได้ยังไง”
“ช่างเถอะ เมื่อนางฟื้นก็ส่งกลับตามที่นางต้องการก็แล้วกัน ว่าแต่ ท่านพี่ของเรา ถึงจามาหรือยัง และส่งข่าวบอกท่านพี่ด้วยว่าเราเปลี่ยนใจจะไปที่อื่นก่อนไม่ไปที่รัฐจามาแล้วและไม่ต้องบอกเรื่องปัญหาที่บาเรณห์ดานะ เดี๋ยวท่านพี่จะเป็นกังวล ”
“ครับชีค ว่าแต่ชีคไม่ไปดูนางหน่อยเหรอครับ “
“ไม่ละ เราต้องการนอนพักผ่อนก่อน เจ้าไปจัดการตามที่บอกเลยก็แล้วกัน”
เมื่อ คุยธุระกับมือขวาคนสนิทเสร็จแล้ว ชีควาคิมก็เดินไปถอดชุดคลุมที่สวมออกทันที ก่อนจะเดินไปหย่อนตัวลงที่อ่าง เพื่อนอนแช่น้ำในอ่างเพื่อ ความผ่อนคลาย จากความเหนื่อยล้า จากการขี่ม้ามาเป็นเวลานานเพราะเขานั้นชอบออกไปขี่ม้าดูบริเวณรอบ ๆ แบบนี้เสมอ
และครั้งนี้เขานัดกับ ชีควาฮิมผู้เป็นพี่ว่าจะ เข้าไปในรัฐจามา เพื่อจัดการเรื่องความสัมพันธ์ในอนาคต ของ รัฐจามากับรัฐบาเรนห์ดา ของพวกเขา ซึ่งอันที่จริงแล้ว ถ้าเทียบกันระหว่างสองรัฐ นั้น จามานั้นถือว่า เป็นรัฐที่เล็กมาก แต่ว่า จามา กลับมีสิ่งที่ทุกคนต้องการ คือสายแร่ทองคำบริสุทธ์มากมายมหาศาลนั่นเองและจามายังเป็น ศูนย์กลาง ของ การค้าขายและ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของหลาย ๆ อย่าง ทำให้ ไม่ว่าใครก็อยากมีส่วนหรือได้ครอบครองดินแดนแห่งนี้ทั้งนั้นเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ได้ รับจากจามา
แต่คราวนี้เขาได้เปลี่ยนใจ จะกลับไปที่บาเรนห์ดาก่อนเพราะ เขาได้ข่าวว่า มีปัญหาเกิดขึ้นนิดหน่อย และที่สำคัญเขาก็ไม่ถนัดที่จะ ไปอยู่ในงานรื่นเริงเท่าไหร่เพราะเขาก็ไม่ค่อยชอบ ด้วยแต่สิ่งที่เขาชอบคือ อยู่กับ ทหาร และการฝึกอาวุธ ซะมากกว่า ไม่เหมือน ชีควาฮิมพี่ชายที่ เหมาะกับการบริหารบ้านเมือง และการเจรจามากกว่าเขา
ใช่สองพี่น้องนี้มีความต่างกัน ชีควาฮิมผู้เป็นพี่ชาย นั้น มีความอ่อนโยนและอบอุ่น สุขุม ส่วนชีควาคิมนั้น นิสัยเย็นชา แข็งกร้าว อย่างชายชาติทหารของแท้ ยิ่งนัยต์ตาคมดุนั้นถ้าได้ตวัดมองไปที่ผู้ใด คงจะกลัวแทบจะสิ้นสติแต่ ทั้งคู่ก็สามารถ ช่วยกันปกครอง รัฐบาเรณห์ดาให้เจริญมาได้ อย่างแข็งแกร่ง
********************************************