ตอนที่ 3

1319 Words
รุ่งเช้าพราวฟ้าเดินขึ้นมาช่วยป้าอ่อน คนรับใช้ทำกับข้าวใส่บาตร เสร็จแล้วก็รีบตักข้าว ตักกับข้าวที่ตนเองอุตส่าห์แสดงฝีมือทำครัวใส่ปิ่นโต ก่อนจะรีบปั่นจักรยานคู่ใจมุ่งหน้าไปยังสวนมะม่วง โดยไม่มีใครรู้ใครเห็น เพราะแพรวดาวก็ยังนอนไม่ตื่น ส่วนพ่อก็ออกไปดูไร่องุ่นที่ใกล้จะตัดขายแต่เช้า จะมีก็แต่ป้าอ่อนเพียงคนเดียว แต่ป้าอ่อนก็รักและสงสารหล่อนเกินกว่าจะเอาความลับนี้ไปบอกกับใคร ๆ หญิงสาวขี่จักรยานเข้ามาในสวนมะม่วง หล่อนจอดรถและถือเถาปิ่นโตเดินมุ่งหน้าเข้าไปในบ้านหลังเล็กแต่น่าอยู่ไม่น้อยของรามิล “พี่ราม... พี่ราม พี่แพรวให้เอาข้าวมาส่ง” พราวฟ้าจำใจต้องโกหกแบบนี้ทุกครั้ง เพราะหากบอกว่าเป็นน้ำใจจากหล่อน รามิลก็คงจะปฏิเสธที่จะรับ เด็กสาวเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดทำงานไร่เดินออกมาจากภายในบ้าน ใบหน้าหล่อเหลาจนน่าอัศจรรย์ใจนั้นบึ้งตึงผิดแผกไปจากทุกวัน โดยเฉพาะดวงตาสีนิลเนื้อดีคมกล้าหวานซึ้งที่มันทอประกายระยับอยู่ใต้คิ้วหนาดกดำนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจจนสาวน้อยสังเกตได้ “พี่ราม... ข้าวจ้ะ...” มือเล็กบอบบางยื่นปิ่นโตส่งให้คนตัวโตที่จ้องหล่อนคล้ายกับเป็นศัตรูตรงหน้าด้วยท่าทางสั่น ๆ “พี่มีข้าวกินไม่จำเป็นต้องง้อใคร... ไม่ต้องมาสมเพช” ริมฝีปากหยักได้รูปสีสวย ที่อยู่ใต้จมูกโด่งเป็นสันงดงามพ่นวาจาโหดร้ายออกมา ขณะที่กรามแข็งแกร่งมีไรเคราสีเขียวครึ้มนูนเป่ง สิ่งที่รู้มาเมื่อคืนเรื่องสร้อยคอ ทำให้รามิลฝืนใจพูดดีกับแม่สาวน้อยตรงหน้าเหมือนทุกวันไม่ได้ พราวฟ้าก็หน้าเสีย “พี่ราม... ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ... เอ่อ แล้วนี่พี่แพรว...เป็นคนทำนะ” สายตาคมกล้าของรามิลเลื่อนต่ำลงจากใบหน้านวลของพราวฟ้าไปมองที่ปิ่นโตนิ่ง “รับไปสิ คนรักพี่ทำให้นะ...” น้ำตาก็พานจะไหล ทำไมหล่อนถึงได้โง่เง่าทำสิ่งที่ตัวเองต้องเจ็บด้วยนะ แล้วแถมยังยิ่งตอกย้ำให้รามิลฝังใจกับพี่สาวของตนเองมากขึ้นไปอีก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าแพรวดาวไม่ได้จริงใจกับผู้ชายตรงหน้าสักนิด มือหนาใหญ่ยืนไปรับปิ่นโตมาจากสาวน้อยตรงหน้า กำลังจะหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน แต่น้ำเสียงที่สั่นเครือของเด็กสาวที่เขาไม่เคยรังเกียจเลย แถมยังรู้สึกเหงาซะอีกยามที่หล่อนไม่มาอยู่ใกล้ ๆ ก็ดังขึ้น และมันก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงัก ค่อย ๆ หันไปมอง “พราวไม่รู้ว่าพี่แพรวพูดอะไรกับพี่ราม แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่า พราวไม่เคยคิดร้ายกับพี่ราม... พี่รามคือพี่...ชายที่พราวเคารพ...” กัดฟันพูดสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจออกไป ทั้ง ๆ ที่หล่อนไม่ได้มองเขาในฐานะพี่ชายสักนิด คนรักต่างหากแต่ก็แสดงออกไปได้ รามิลหลับตา ถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่ช้า ๆ จ้องมองพราวฟ้าด้วยสายตาที่อ่อนโยนปนเอ็นดูดังเดิม “พี่ขอโทษ... พี่มีเรื่องติดใจนิดหน่อย แต่ช่างเถอะ พราวยังเด็ก อาจจะทำอะไรเอาแต่ใจไปบ้าง...” พราวฟ้าส่ายหน้า ยิ้มทั้งน้ำตา “พราวไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ พราวสิบเจ็ดแล้ว ปีหน้าก็จะเข้ามหาลัย...” รามิลระบายยิ้ม “ก็ยังเด็กในสายตาพี่นั่นแหละ มานี่ ขึ้นมาทานข้าวกับเถอะ พี่รู้ว่าพราวก็ยังไม่ได้กินข้าวมาใช่ไหม...” แม้จะไม่ชอบใจที่ในสายตาของเขายังมองหล่อนเป็นลิงทโมนอยู่วันยังค่ำ แต่พราวฟ้าก็โล่งใจไม่น้อยที่รามิลหายเคืองเรื่องสร้อย “พี่รามทานเถอะ พราวยังไม่หิว...” พูดเสียงในลำคอ ขณะเดินตามร่างสูงใหญ่เข้ามาในบ้าน รามิลหันขวับมามอง ใบหน้าเย็นชาอ่านความรู้สึกไม่ออก “ถ้าพราวไม่กิน งั้นก็เอากลับไปเถอะ และฝากบอกแพรวด้วยว่าคราวหน้าไม่ต้องลำบาก...” มือใหญ่ยื่นปิ่นโตตรงหน้า พราวฟ้ารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “กินจ้ะ กิน... หิวขึ้นมาพอดีเลย...” ชายหนุ่มอมยิ้ม “งั้นก็มานั่งตรงนี้...” คนตัวโตชี้ที่พื้นบ้านที่ปูเสื่อน้ำมันไว้อย่างดี แม้เสื่อจะเก่าแต่ก็สะอาดสะอ้านน่านั่งยิ่งนัก “พี่จะตักข้าวให้ ลำบากพราวแย่เลยนะ ต้องเอาข้าวมาให้พี่ทุกวัน ความจริงพี่ก็ทำกินเองได้ไม่ต้องลำบากพราวหรอก...” มือหนาแกะปิ่นโตวางตรงหน้า ก่อนจะจัดแจงตักข้าวในหม้อที่หุงแบบเช็ดน้ำใส่จานยื่นมาให้กับสาวน้อยหน้าแฉล้ม จะว่าไปแล้วพราวฟ้าก็งดงามไม่แพ้แพรวดาวแม้แต่น้อย เพียงแต่หล่อนยังไม่เป็นสาวเต็มตัวเท่านั้นเอง ชายหนุ่มคิดอยู่ภายในใจ ว่าแล้วรามิลก็เผลอไผลไล่สายตาสำรวจใบหน้ารูปไข่ไก่ขาวเนียนราวกับสีของน้ำนมของพราวฟ้าอย่างชื่นชม เส้นผมสีดำขลับถูกมัดรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง มีบางส่วนหลุดออกมาเคลียแก้มใสยิ่งชวนให้มองได้ไม่รู้เบื่อ ขณะที่ดวงตากลมโตหวานซึ้งที่รายล้อมด้วยแพขนตายาวงอนดกดำที่มองมายังเขาเต็มไปด้วยความจริงใจจนเขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้มอง พราวฟ้ารับจานข้าวมือสั่นเมื่อเห็นสายตาคมกล้ามองจ้องมานิ่ง หัวใจสาวเต้นระรัวราวกลองที่ถูกกระหน่ำตี แก้มสาวซับเลือดฝาด ก่อนที่เรียวปากอิ่มเต็มสีแดงสดที่อยู่ภายใต้จมูกโด่งเชิดน้อย ๆ จะเอื้อนเอ่ยออกมาเบา ๆ อย่างขัดเขิน แต่กระนั้นก็ทำให้รามิลได้สติ “ขะ... ขอบคุณค่ะ...” ชายหนุ่มแสร้งตักกับข้าวใส่จาน ก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบดังเดิม “ฝากขอบคุณแพรวด้วยนะ กับข้าวที่ทำมาอร่อยทุกอย่างเลย พี่นึกอยู่แล้วเชียวว่าแพรวต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่เก่ง” เก่งเหรอ... เก่งอะไรล่ะ ป่านนี้ยังไม่ยอมลุกขึ้นจากที่นอนเลย และจะว่าทำกับข้าวเลย แม้แต่หุงข้าวพี่สาวของหล่อนก็ยังไม่เคยทำ พราวฟ้าจำใจต้องพยักหน้ารับ ฝืนยิ้มตอบ “พี่แพรวคงปลื้มน่าดู” ชายหนุ่มระบายยิ้ม จ้องมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสายตาหยอกล้อ “แล้วพราวล่ะ เมื่อไหร่จะเลิกวิ่งเล่นแบบเด็กผู้ชายสักที หันไปเข้าครัวหัดทำกับข้าวแบบแพรวสิ จะได้มีผู้ชายมามองบ้าง” หญิงสาวเม้มปากแน่น ก็ไอ้ที่ตักใส่ปากอยู่นั่นแหละ ฝีมือหล่อนทั้งนั้น คิดอย่างเจ็บปวด ก่อนจะปั้นหน้าตอบกลับไป “พราวก็เป็นของพราวแบบนี้ ไม่เคยต้องการให้ใครมามอง ผู้ชายก็ดีแต่ชอบผู้หญิงสวย ๆ นั่นแหละ หารู้ไหมว่าตัวเองน่ะแค่ตัวเลือก ไม่ใช่ตัวจริงสักหน่อย” ตั้งใจแขวะผู้ชายตรงหน้า และมันก็ได้ผลจริง ๆ เพราะมือใหญ่ที่กำลังจะตักข้าวใส่ปากชะงักค้างอยู่กลางอากาศ “พราวหมายถึงใคร...” เมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป พราวฟ้าจึงรีบเบี่ยงประเด็น “โอ๊ย... พี่รามก็ พราวก็พูดรวม ๆ นั่นแหละ ไม่ได้หมายถึงใครสักหน่อย” รามิลไม่ตอบอะไรกลับมาอีก ก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปากอย่างเดียว ทิ้งให้พราวฟ้าได้แต่นั่งเจ็บใจตัวเองที่เผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD