ตอนที่ 1
แสงจันทร์นวลผ่องของคืนเดือนเพ็ญสาดส่องร่องทางที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้แห้งให้ชัดเจนมากขึ้น เท้าแกร่งขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในรองเท้าแตะหูหนีบรีบก้าวไว ๆ ด้วยความรีบเร่ง หัวใจหนุ่มร้อนรุ่มยิ่งนัก และเมื่อมาถึงสถานที่นัดหมาย ร่างของสตรีสาวที่ใฝ่รักก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
“แพรว... พี่นึกว่าแพรวจะไม่มาซะแล้ว...”
รามิล อิสรเกษม ชายหนุ่มวัยสามสิบปีเศษที่พื้นเพนั้นไม่มีใครรู้จัก ระบายยิ้มกว้าง รีบก้าวยาว ๆ เข้าไปหาร่างอรชรที่นั่งยิ้มรออยู่
“พี่ราม... แพรวคิดถึงพี่จังเลย”
หญิงสาวโผเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสิ้นความละอาย รามิลมีสีหน้าตกใจแวบหนึ่ง ก่อนจะระบายยิ้มออกมา คิดว่าสาวน้อยในอ้อมแขนคงจะมีใจสิเน่หาจึงได้ทำตัวสนิทสนมเกินงามแบบนี้กับตนเอง
แพรวดาว อมรติกุล หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปี หล่อนเป็นสาวงามประจำหมู่บ้านเลยทีเดียวก็ว่าได้ ความงามพร้อม ๆ กับจริตจะก้านของหล่อนนั่นทำให้หนุ่มน้อยใหญ่หลงเสน่ห์กันไปทั่ว
หญิงสาวเป็นบุตรสาวคนโตของกำนันพลกิจ เจ้าของไร่องุ่นร้อยกว่าไร่ และก็เป็นพี่สาวของพราวฟ้า เด็กสาวแก่นแก้วที่พึ่งจะแตกเนื้อสาวด้วยวัยเพียงสิบเจ็ดปี
“ทุกลมหายใจเข้าออกของพี่ก็มีแต่แพรวคนเดียว...”
ชายหนุ่มประคองร่างอรชรลงนั่งที่โต๊ะไม้เก่า ๆ ริมท่าน้ำ แพรวดาวโอนอ่อนตามอย่างว่าง่าย ดวงตาคู่หวานจับจ้องใบหน้าหล่อกระชากลมหายใจของรามิลไม่วางตา ก่อนจะระบายยิ้มออกมาคล้ายขวยเขิน
“ปากหวานจริงนะพี่ราม... แพรวไม่อยากคุยกับพี่แล้ว...” ทำท่าแสนงอนพองาม พร้อม ๆ กับทิ้งหางตายั่วยวนไม่หยุด
“แพรวก็เคยลองมาแล้วนี่ว่าปากพี่หวานแค่ไหน อยากลองอีกไหมล่ะ...”
ชายหนุ่มทำท่าจะก้มลงมาหา แต่ก็ถูกมือบางยกขึ้นแตะริมฝีปากหยักสวยสีเข้มของตัวเองเอาไว้เสียก่อน รามิลทำหน้าตาเสียดาย ผิดกับแพรวดาวที่หัวเราะคิกคักด้วยความพึงพอใจที่สามารถทำให้รามิลหลงใหลจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้นได้
“แน๊ะ... พูดอย่างนี้ได้ยังไง ยายพราวมาด้วย เดี๋ยวได้ยินเข้าจะเอาไปฟ้องพ่อ พราวยิ่งอิจฉาแพรวอยู่ เรื่องที่แพรวสวยกว่า...”
ใบหน้าหล่อคมสันเครียดเขม็งคล้ายสับสน
“พี่น้องกันน่าจะคุยกันได้... แต่เท่าที่พี่รู้จักพราวมา นิสัยของพราวไม่ใช่คนขี้อิจฉานี่...”
แพรวดาวเบะปาก ก่อนจะพูดออกมาทำซุ่มเสียงน่าสงสาร
“ก็ยายพราวหลงรักพี่รามนี่ พี่ไม่รู้ตัวเลยหรือไง... ยายพราวก็เลยทำทุกวิถีทางที่จะให้ฉันเลิกกับพี่ หล่อนจะได้เสียบแทนไง...”
รามิลเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มองสตรีสาวที่ตนหลงรักและเจ้าหล่อนก็รักตอบด้วยสายตาสับสน
“พี่ว่าแพรวเข้าใจผิดหรือเปล่า... พราวยังเด็กอยู่เลย และอีกอย่างพราวก็รู้ว่าพี่รักแพรว พราวคงไม่กล้าคิดอย่างนั้นหรอก พี่ว่าแพรวคิดมากไปหรือเปล่า...”
หญิงสาวตวัดสายตามองรามิลอย่างไม่พอใจ “นี่พี่รามคิดว่าแพรวใส่ร้ายน้องตัวเองหรือไง”
ร่างอรชรทำเป็นลุกขึ้นจากเก้าอี้ แสร้งทำเป็นจะเดินหนี แต่เมื่อถูกมือใหญ่อบอุ่นของรามิลดึงไว้ก็ต้องลอบยิ้มออกมา
“พี่รามคิดว่าแพรวเป็นคนไม่ดีก็อย่ามายุ่งกับแพรวเลย” ใส่จริตทำเป็นสะบัดมือคล้ายกำลังแง่งอน
รามิลถอนหายใจออกมาหนักหน่วง ลุกขึ้นยืนและดึงร่างอรชรเข้ามากอด ก่อนจะก้มลงปิดปากอิ่มสีสวยนั้นเนิ่นนาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและพูดเสียงนุ่มนวล
“พี่ไม่เคยคิดว่าแพรวเป็นคนไม่ดี พี่แค่คิดว่าแพรวเข้าใจผิดเท่านั้น พราวยังเป็นทโมนวิ่งเล่นตามไร่ตามสวนอยู่เลยในหัวของแกคงยังไม่มีเรื่องพวกนี้หรอก... แต่หากมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เพราะถึงยังไงพี่ก็รักแพรวคนเดียว...”
ก้มลงจุมพิตหน้าผากมนอีกครั้ง แพรวดาวทำเป็นเอียงอาย ไร้เดียงสาทั้ง ๆ ที่หล่อนนอนกับบุญเชิด ลูกชายเถ้าแก่หงาเจ้าของโรงสีข้าวเพื่อแลกกับสร้อยแหวนเงินทองมาตั้งนานแล้ว
“พี่รามพูดจริงนะ...”
รามิลยิ้มและให้คำสัญญา “พี่ไม่เคยโกหก เพราะพี่เกลียดมันที่สุด...”
ทั้งคู่กอดกันกลมจนร่างแทบจะเป็นร่างเดียวกันโดยไม่คิดจะอายคนดูต้นทางอย่างหล่อนสักนิด พราวฟ้าต้องเบือนหน้าหนีทั้งน้ำตาเมื่อเห็นผู้ชายที่ตนหลงรักกำลังพลอดรักกับพี่สาวตนเอง
เขาว่าหล่อนเป็นเด็ก เป็นทโมน และเขาก็ไม่คิดจะรักหล่อน เพราะในหัวใจของเขามีแต่พี่แพรวดาวคนเดียว แต่เขาจะรู้ไหมน่าว่าแพรวดาวไม่ได้ซื่อสัตย์และจริงใจกับเขาแม้แต่นิดเดียว เขาก็แค่ของเล่นที่น่ามองและน่าจับต้องเท่านั้น เพราะตัวจริงของแพรวดาวพ่อได้หาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และอีกไม่นานก็คงจะแต่งงานกัน
ยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง ขณะขยับหมวกแก๊ปที่ใส่คลุมผมอยู่ให้แน่นหนา รู้สึกสงสารตัวเองนักที่ต้องมาหลงรักผู้ชายที่หัวใจยกให้หญิงอื่นไปแล้ว แต่กระนั้นก็อดสงสารรามิลไม่ได้ที่ต้องกลายมาเป็นของเล่นของแพรวดาวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
พราวฟ้ายกมือบางขึ้นแตะสร้อยทองเส้นเล็กที่แพรวดาวโยนใส่หน้าให้หล่อนเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว สร้อยเส้นนี้สำหรับครอบครัวของหล่อนนั้นถือว่าไม่แพงนัก แต่หากสำหรับรามิลแล้วมันคงเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตเลยทีเดียว แพรวดาวไม่ต้องการของกระจอกแบบนี้ แต่ที่แพรวดาวไม่ตัดความสัมพันธ์กับผู้ชายจน ๆ อย่างรามิลก็คงเป็นเพราะความหล่อเหลาของเขานั้นเอง
“แล้วสร้อยที่พี่ให้ไปไหนแล้วล่ะจ๊ะแพรว หรือว่าถอดเก็บไว้ที่บ้าน...”