ตอนที่7 ญ่าหลิน คุณหนูแห่งตระกูลจ่งซิ่น
เกาะฮ่องกง…
รถลีมูซีนสีดำเคลื่อนตัวไปตามถนน Hollywood Road หนึ่งในย่านเก่าแก่ที่สุดของฮ่องกง สองข้างทางเต็มไปด้วยไฟแสงสีสวยงาม หญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ดวงตาคู่สวยที่ควรจะสดใสตามวัยสาวแรกรุ่นฉายแวววิตกกังวล ใบหน้าหวานหม่นเศร้าเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายชวนให้แก้ไม่ตก
“ว่ายังไงล่ะหนูญ่าหลิน ตัดสินใจได้หรือยัง”
เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากเครื่องมือสื่อสารทันสมัยบ่งบอกว่าคู่สนทนามีอายุมากกว่าเธอหลายรอบ เสียงทุ้มห้าวฟังดูทรงอำนาจทว่าแฝงไว้ด้วยแววเจ้าเล่ห์ สมฉายาหมาจิ้งจอกเฒ่าแห่งเกาะฮ่องกง
“หนูขอเวลาอีกสักหน่อยได้ไหมคะคุณลุงเฉิง ช่วงนี้มีปัญหาให้หนูแก้ไม่ตกหลายอย่าง หนูอยากจะขอความเมตตาคุณลุงให้เวลาหนูคิดอีกสักหน่อย”
ญ่าหลินขมวดคิ้วมุ่น
“อารายกาน ลุงก็บอกแล้วไงว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหนูจะแบกภาระอันใหญ่หลวงเอาไว้บนบ่าเพียงคนเดียวคงไม่ไหวหรอก กิจการของจ่งซิ่นในฮ่องกงมีตั้งแยะแยะ ภัตตาคารคิงดอมนั่นก็ขายให้ลุงบริหารจะดีกว่าหนูจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากไง”
ภัตตาคารคิงดอมที่เฉิง จื้อเหว่ย์ ชายผู้มีอิทธิพลมากคนหนึ่งในฮ่องกงเอ่ยถึงคือเรือสำราญลำใหญ่ที่สุดเกาะฮ่องกงซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งกาสิโน โรงแรม และร้านอาหารที่ครอบครัวของญ่าหลินเป็นเจ้าของมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ของเธอ และบัดนี้ภัตตาคารคิงดอมก็อยู่ในการควรคุมดูแลของญ่าหลิน โดยเธอมีอำนาจสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียว หลังจากบิดาผู้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติเอาไว้ให้
บรรดานักธุรกิจรวมไปถึงมาเฟียทั่วทั้งเกาะฮ่องกงล้วนทราบดี ว่าภัตตาคารดิงดอมสร้างรายได้ให้กับตระกูลจ่งซิ่นเป็นกอบเป็นกำ สถานที่แห่งนี้จึงเสมือนขุมทองที่ใครก็อยากให้ตระกูลจ่งซิ่นเปลี่ยนมือเพื่อต้องการเป็นของตนซะเอง
“หนูลำบากใจจริงๆ ค่ะ คุณลุงเฉิง ภัตตาคารคิงดอมเหมือนเป็นตัวแทนของคุณพ่อที่ท่านทิ้งเอาไว้ให้ หนูขอเวลาอีกนิดเถอะนะคะ” เด็กสาวพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปรกติ
“หนึ่งเดือนเท่านั้นนะ ฉันให้เวลาหนูอีกแค่หนึ่งเดือนลองเก็บไปคิดดูแล้วกันว่าหนูจะทนดูภัตตาคารเก่าแก่ซึ่งมีชื่อเสียงของครอบครัวค่อยๆ ปิดตัวลงช้าๆ หรือจะรีบปล่อยมือขายต่อให้ฉันซะก่อน ฉันรู้ว่าหนูเป็นคนฉลาดคงมีทางออกสำหรับเรื่องนี้เอาไว้อยู่แล้ว ใช่ไหม”
มือเรียวกำเครื่องมือสื่อสารจนแน่น ระยะหลังมามีปัญหามากมายเกิดขึ้นกับภัตตาคารดิงดอม ทั้งนักท่องเที่ยวในกาสิโนทะเลาะวิวาทจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต ข่าวรู้ถึงทางการจนต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล ทั้งพ่อครัวคนเก่าแก่ที่ขอลาออกอย่างไร้เหตุผล
ญ่าหลินรู้ดีว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนเกิดจากที่มีผู้ไม่หวังดีบางคนกำลังบ่อนทำลายชื่อเสียงภัตตาคารของเธอ และเฉิง จื้อเหว่ย์ ก็คือผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง
“ค่ะ หนูรู้ว่าควรจะทำยังไง”
“ดีดี ฮา ฮา ฮา หนูเป็นเด็กดี”
ญ่าหลินกดตัดสายแล้วพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ เธอกระพริบตาถี่ๆ เม้มปากแน่น เธอก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ควรมีช่วงวัยรุ่นเหมือนเพื่อนคนอื่นในวัยเดียวกัน ไม่ใช่ญ่าหลินคุณหนูแห่งตระกูลจ่งซิ่นที่ต้องแบกภาระเอาไว้มากมายเกินตัว จนหลายต่อหลายครั้งความรู้สึกอัดอั้นเหนื่อยล้ามันก็แปรเปลี่ยนออกมาเป็นหยาดน้ำตา… เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้
“เหยา ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน”
“แล้วคุณหนูจะไปไหนครับ”
“โรงพยาบาล ฉันอยากไปหาคุณแม่”
ญ่าหลินใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาออก