Cake says:
“น่าเบื่อจริง” ผมนอนบ่นอยู่บนเตียงเพราะไม่มีอะไรจะทำ ชีวิตประจำวันที่เคยเป็นดูจะน่าเบื่อไปซะหมด สู้ไปเล่นบ้านพี่ทราฟก็ไม่ได้ สนุกกว่านี้ตั้งเยอะ
“เฮ้อออออ เมื่อไหร่พี่ทราฟจะมารับสักทีนะ”
พี่ทราฟไม่ได้มารับผมไปเล่นที่บ้านได้สามสี่วันแล้ว เพราะพี่เขาต้องไปทำธุระที่บ้านอะไรสักอย่าง เห็นว่าต้องกลับไปนอนที่บ้านด้วย พี่ครามก็ไม่อยู่พี่ทราฟว่าอย่างนั้น เหลือแค่พี่เจกับพี่สอง แต่ผมยังไม่กล้าพูดคุยเล่นกับพี่สองคนนี้มากนัก ไงล่ะ มันไม่รู้สึกสนิทเท่าพี่ทราฟอ่ะ พี่ครามนี่ยังพอคุยได้บ้างแม้ว่าจะดูนิ่งๆไม่ค่อยจะพูดก็เถอะ
แต่มันน่าเบื่อจริงนะ หาอะไรทำดีกว่า
อา~ เอาอ้วนกลมไปอาบน้ำดีกว่าแหะ ผมลุกขึ้นจากเตียง คลำหากระเป๋าสตางค์บนโต๊ะหัวเตียงก่อนจะยัดใส่กระเป๋ากางเกง เอ๊ะ วันนี้มันวันที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย ผมไม่เคยลืมวันเวลาเลยนะ แต่ตั้งแต่รู้จักกับพี่ทราฟผมมักจะลืมวันแบบนี้เสมอ
ก๊อกๆ
“คุณเค้กคะ ป้าเองค่ะ” เสียงนุ่มๆตามอายุของคนแก่ที่ได้ยินจนคุ้นเคยดังขึ้น ผมถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดีจริงที่อยู่วันนี้พอดี ดีที่ไม่ได้ออกไปไหน ไม่งั้นงานเข้าแน่ไอ้เค้กเอ้ยยย
ผมเดินไปเปิดประตูให้คนที่ผมรักเท่ากับแม่ของผม แรงกอดและกลิ่นหอมอ่อนๆของคนสูงวัยทำให้ผมรู้สึกโล่งขึ้น กอดตอบด้วยความรัก คิดถึงแม่จัง...
“เป็นไงบ้างคะคุณหนู ขอโทษนะคะที่ป้าเพิ่งจะมา เหงาหรือเปล่า ป้าทำของโปรดคุณหนูมาฝากเยอะแยะ มาเข้าห้องก่อนเร็ว”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ป้าก็เหนื่อยมากพอแล้ว”
“กับคนบ้านนั้นอาจจะใช่ แต่กับคุณหนูป้าไม่เคยเหนื่อยเลยนะคะ ถ้าคุณหนูไม่ขอไว้ป้าไม่อยู่หรอกบ้านหลังนั้น” ป้าน้อมบ่นเสียยกใหญ่ และยังเล่าเรื่องราวของคนในบ้านให้ผมฟังด้วย
ป้าน้อมเป็นแม่ครัวของบ้านใหญ่ หรือบ้านพ่อผมเอง ป้าน้อมเป็นเพียงคนเดียวในบ้านนั้นที่รักผมกับแม่ คอยช่วยเหลือดูแลผมด้วยความรัก หลังจากที่ผมและแม่ออกมาจากบ้านหลังใหญ่จนกระทั่งแม่ผมเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ก็มีเพียงป้าน้อมที่ใส่ใจผม คอยมาดูแลแต่ก็ไม่บ่อยนัก เพราะคนที่บ้านใหญ่เขาไม่ค่อยจะชอบใจ ที่จริงพวกเขาคงไม่รู้หรอกว่าป้าน้อมแอบออกมาหาผม ถ้ารู้ป้าน้อมคงเดือดร้อนไม่น้อย ผมถึงได้ไม่อยากให้ป้าน้อมมาหาผมบ่อยนัก แต่มีคนหนึ่งที่รู้....คนนั้นก็คือ พ่อผมเอง
“มานี่ค่ะ วันนี้มีปลาทอดกระเทียมของโปรดคุณหนู ยังมีไข่ยัดไส้ด้วย ทานเยอะๆนะคะ เดี๋ยวป้าขอทำความสะอาดห้องก่อน”
“ครับ ขอบคุณป้ามากนะ เค้กเกรงใจแต่ก็ฝากด้วยนะครับ”
“ฮ่าๆๆ ได้ค่ะคนเก่งของป้า”
ผมฉีกยิ้มกว้างก่อนจะลงมือกินข้าว อร่อยมากๆ เดือนหนึ่งผมถึงจะมีโอกาสได้กินกับข้าวฝีมือป้าน้อมก็ต่อเมื่อป้าน้อมมาหาซึ่งเดือนหนึ่งก็แค่สองสามครั้ง แต่นั้นก็เพียงพอแล้ว ทุกครั้งป้าน้อมก็จะมาทำความสะอาดห้องให้ผมเสียยกใหญ่ ถ้าผมทำเองได้ก็ไม่อยากจะรบกวนป้าหรอกนะ แค่งานที่บ้านใหญ่ก็หนักพอตัวอยู่แล้ว
“ทำไมมีเสื้อผ้าใหม่เต็มตู้เลยล่ะคะ” สงสัยป้าน้อมจะเอาผ้าออกมารีดถึงได้ถาม
“อ่อ พี่ที่รู้จักซื้อให้เค้กนะครับ”
“ป้าเคยเห็นหรือเปล่าคะ ไว้ใจได้หรือเปล่า” เสียงเป็นห่วงเป็นใยของป้าน้อมเป็นเสียงที่ผมได้ยินจนชินแต่ก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ฟัง
“ป้าไม่เคยเห็นหรอกครับ แต่ไว้ใจได้ พี่เขาชื่อทราฟ....” และผมก็เริ่มเล่าเรื่องของพี่ทราฟให้ป้าน้อมฟัง ส่วนป้าน้อมก็คงรีดผ้าไปฟังไป ออกความเห็นบ้าง แต่ดูแล้วป้าน้อมท่าจะปลื้มคนตัวโตอย่างพี่ทราฟเข้าให้แล้ว
“ป้าดีใจนะ ที่มีคนมาคอยดูแลคุณหนูอีกคน ป้าไม่ค่อยมีเวลา เป็นกังวลทุกวันว่าคนดีของป้าจะกินข้าวหรือยัง จะมีใครมาทำร้ายไหม”
“ครับ เค้กโชคดีที่เจอพี่ทราฟ พี่เขาดีกับเค้กมากๆเลย”
“เฮ้ออออ ป้าคงต้องกลับก่อนนะคะ ออกมานานแล้ว เดี๋ยวนางยักษ์จะสงสัยเอา ส่วนนี่เป็นเงินของเดือนนี้ คุณท่านบอกว่าถ้าขาดเหลืออะไรให้บอก ท่านจะช่วยเหลือค่ะ” ป้าน้อมยัดเงินให้ผม เงินที่คนเป็นพ่อจะฝากมาให้ผมทุกเดือน
“ฝากบอกพ่อด้วยนะครับ ว่าเค้กไม่ขาดอะไรหรอก” ผมโกหกคำโตเพราะไม่อยากให้ป้าน้อมไม่สบายใจ
ผมขาดสิ ผมขาด แต่สิ่งที่ผมขาดพ่อให้ผมไม่ได้หรอก...ผมขาดแม่ ผมขาดดวงตาและสุดท้ายผมก็ขาดความรักจาก...พ่อ
ป้าน้อมกลับไปแล้วเหลือแค่ผมและความมืดมิด ห้องสี่เหลี่ยมที่เหมือนเป็นเกาะป้องกันภัยให้ผม แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่พอ มันไม่อบอุ่นมีแต่หนาวเหน็บเท่านั้น ผมคิดถึงอ้อมกอดของแม่ที่กอดผมด้วยความรักทุกวัน อ้อมกอดของป้าน้อมที่มีความรักให้ไม่ต่างจากแม่ และ...อ้อมกอดของพี่ทราฟ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นอ้อมกอดเพราะรักหรือเปล่า แต่มันอบอุ่นมากจนผมรับรู้ได้
ถ้าพี่ทราฟอยู่ตรงนี้ผมคงไม่ลังเลที่จะเอื้อมมือไปกอด...เพราะตอนนี้ผมอ่อนแออีกแล้วสินะ
เป็นเรื่องของพ่อทีไรผมต้องเป็นแบบนี้ทุกที ความรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ ความรู้สึกที่โหยหาความรักความอบอุ่นของใครสักคน
“ลุงยามครับ!” ผมเดินมาหยุดที่หน้าป้อมยาม แต่ไม่รู้ว่าลุงยามอยู่หรือเปล่าเลยต้องตะโกนเรียก เพราะบางทีแกก็ไปทำอย่างอื่นนอกเหนือจากการเฝ้าดูคนเข้าออกหอพักนี้
“ว่าไงครับคุณเค้ก จะไปไหน เดี๋ยวลุงพาไป”
“ไม่เป็นไรครับ เค้กแค่จะบอกว่า ถ้ามีคนมาหาเค้กฝากบอกว่าเค้กไปที่ร้านขายอาหารปลา เดี๋ยวกลับมา”
“อ่อ พ่อหนุ่มคนที่สูงๆหล่อๆน่ะเหรอครับ ได้สิ เดี๋ยวลุงบอกให้”
“ขอบคุณนะครับ” ผมก้มหัวขอบคุณลุงยามที่แสนใจดี ไม่รู้ว่าถูกทิศหรือเปล่า แหะๆ แต่เอาน่า เรื่องเล็กน้อย
ผมกระชับกอดโหลปลาทองเอาไว้ให้มั่นกันหล่น คนแถวๆนี้ส่วนมากรู้จักผมและรู้ว่าผมมองไม่เห็น พวกเขามักเข้ามาช่วยเหลือผมในหลายๆครั้ง
อ่า...เดินได้สี่สิบเอ็ดเก้าแล้วก็ต้องเลี้ยวซ้าย เดินต่ออีกยี่สิบสามเก้าก็ถึงทางม้าลาย เอาล่ะ ที่นี้ก็ง่ายล่ะ งานไม่ช้างเท่าไหร่
“คุณน้าครับ อยู่ไหมครับ” ผมเรียกคุณน้าเจ้าของร้านขายของริมถนนเจ้าประจำที่ผมจะต้องมารบกวนเวลาต้องข้ามถนน มันอันตรายเกินไปที่ผมจะสุ่มสี่สุ่มห้าเดินข้ามด้วยตัวเองได้ ไม่งั้นจะได้ลงไปวัดถนนแทนไปร้านขายอาหารปลาแทน =_=
“ว่าไงเราจะข้ามถนนเหรอ”
“ครับ”
“แปบนึงนะ”
แล้วผมก็เดินข้ามถนนมาได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากคุณน้าที่ใจดี
เอาล่ะ เหลือแค่เดินไปทางขวาสามสิบเจ็ดก้าวหันซ้ายก็จะเจอร้านแล้ว ผมมักจะภูมิใจตัวเองทุกครั้งที่สามารถไปไหนมาไหนได้เองแบบนี้ แม้จะเป็นบริเวณใกล้หอพักก็เถอะ ผมเก่งใช่ไหมล่ะ ^_^
กริ๊ง~
เสียงเหมือนกระดิ่งดังขึ้นตอนที่ผมเปิดประตู สงสัยว่าเจ้าของร้านต้องเอาโมบายมาแขวนไว้แน่ๆ เพราะก่อนหน้านั้นไม่มี
“ว่าไงหนูเค้ก หายหน้าหายตาเลยนะ” เป็นเสียงของพี่เจ้าของร้านขายของสัตว์ที่ผมมาซื้ออาหารปลาให้อ้วนกลมและพามันมาอาบน้ำประจำทุกอาทิตย์ แต่ว่าช่วงก่อนหน้านี้พี่ทราฟล้างให้เลยไม่ได้มาเอง
“มาแล้วนี่ไงครับ อย่าน้อยใจนะ ฝากด้วยนะค้าบบบบ” ผมบอกแล้วยื่นโหลปลาทองไปข้างหน้าเป็นเชิงว่าเอาไปล้างให้ผมที
“ได้เลย ไปนั่งเล่นก่อนไป” พี่เจ้าของร้านเดินจากไป ส่วนผมก็นั่งลงยองๆ ส่งเสียงเรียกเจ้าเพื่อนตัวน้อยทันที
“ฮักกี้ อยู่ไหนน้า ฮักกี้” ผมตบมือกระเทาะลิ้นให้เกิดเสียงเรียกเจ้าหมาแสนรู้ของเจ้าของร้าน เสียงกระดิ่งที่คอมันดังมาแต่ไกล
บ๊อกๆๆๆ บ๊อกๆๆๆ
เสียงเห่าเล็กแหลมของเจ้าฮักกี้ไม่ได้ฟังดูน่ากลัวเลยสักนิด ดูน่ารักมากกว่า ขนนุ่มๆพร้อมกับแรงยุกยินที่ชนมือไปมือจนน่าหมั่นเขี้ยว ผมเลยต้องจับตัวมันเข้ามากอดเต็มอก สัมผัสที่หน้าพร้อมความชื้นของน้ำลายที่เจ้าฮักกี้เลีย ผมไม่ได้รังเกียจกลับก้มหน้าลงไปหอมเจ้าฮักกี้ที่หนึ่ง ตัวหอมแบบนี้คงเพิ่งอาบน้ำแน่นอน ชัวร์
“อ้วนขึ้นวะ หนักนะเนี่ยเจ้าฮักกี้”
“บ๊อกๆๆ”
“อ๊ะๆ จะเถียงเหรอ ไม่ต้องเถียงเลย กินเยอะตัวหนัก แกมันไม่ใช่หมาแต่กลายเป็นหมูแทนแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ”
“บ๊อกๆๆๆๆ บ๊อกกกก”
“นั่นๆ ส่งเสียงๆ ไม่พอใจหรือไง ฉันพูดความจริงทั้งนั้น ไอ้หมูอ้วนฮักกี้ ฮ่าๆๆๆ”
ที่นี้เจ้าฮักกี้เงียบไปไม่เห่าเพราะมันเล่นงับมือผมแทน ฮ่าๆๆๆ สงสัยจะไม่พอใจที่ผมไปว่ามันว่าอ้วน ฮักกี้มันเป็นหมาพันธุ์เล็ก มันไม่หนักเลยสักนิดแค่แกล้งมันเท่านั้นแหละ (น้องเค้กแกล้งหมาแล้วมันเข้าใจเหรอนั่น =_=?)
“หิวหรือไงฮักกี้ แทะจังนะมือฉันน่ะ อิอิ” ผมหัวเราะเพราะรู้สึกจักจี้
“อะแฮ่ม คุยกันอย่างกับรู้เรื่องอย่างไงอย่างงั้น”
“อ๊ะ พี่ทราฟ”
“ครับพี่เอง ว่าไงเรา มาทำอะไรที่นี้ครับ”
เหมือนพี่ทราฟจะนั่งลงข้างๆผม ผมเลยยื่นเจ้าฮักกี้แบ่งให้พี่ทราฟเล่นบ้าง พี่ ทราฟขยี้ผมของผมจนมันอาจจะกลายเป็นรังนกไปแล้วก็ได้ ก่อนจะรับเจ้าฮักกี้ไปอุ้ม
“เอาโหลปลามาล้างและก็มาซื้ออาหารปลาด้วยครับ”
“ที่จริงรอพี่ก็ได้นะ พี่ทำให้ดีกว่าเราเดินออกมาข้างนอกเองแบบนี้ มันอันตรายรู้ไหมเค้ก” พี่ทราฟเอ็ดผมนิดหน่อยด้วยความเป็นห่วง
“รู้ครับ” ผมรับคำ เข้าใจว่าพี่ทราฟเป็นห่วง
“แล้วมาได้ยังไงครับเนี่ย มาเองหรือใครพามา”
“มาเองครับ ก็เดินจากหอมาทางซ้ายสี่สิบเอ็ดเก้าแล้วก็เลี้ยวซ้าย เดินต่ออีกยี่สิบสามเก้าก็จะถึงทางม้าลาย ที่นี้ก็วานให้คุณหน้าที่เปิดร้านขายของแถวๆนั้นเดินพาข้านถนน จากนั้นเดินไปทางขวาสามสิบเจ็ดก้าวหันซ้ายก็จะเจอร้านแล้วแหละครับ เป็นไง เค้กเจ๋งไหม” ผมเอียงคอถามพี่ทราฟอย่างตื่นเต้น แบบว่าอยากได้คำชมอ่ะ
“เจ๋งครับ เก่งมากด้วย” คำชมของพี่ทราฟเรียกรอยยิ้มของผมได้ดีที่เดียว
“ใช่ม้า” มีความสุขจัง
“แต่จะดีกว่านี้ถ้าคราวหน้าเค้กไม่ออกมาเองแบบนี้ พี่เป็นห่วงมาก เข้าใจหรือเปล่าครับ”
“เข้าใจครับ งั้นคราวหน้าเค้กออกมากับพี่ทราฟแล้วกันเนอะ”
“ครับ”
ผมยื่นมือไปหวังจะจับที่ตัวเจ้าฮักกี้ แต่กลับโดนที่ตัวของพี่ทราฟซะนี่ ผมเลยต้องหดมือกลับ ไม่รู้ว่าแตะไม่โดนตรงไหนเข้า
“หืม เดี๋ยวนี้มีแต๊ะอั๋งพี่นะเรา” เสียงพี่ทราฟแซวขึ้นผมก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่
“บ้า เค้กไม่ได้ตั้งใจสักหน่อยเหอะ”
“จริงอ่ะ”
“จริง!”
“ฮ่าๆๆ เด็กน้อยจริงๆ”
ชิ คนขี้แกล้ง เดี๋ยวนี้พี่ทราฟแกล้งผมให้ได้อายบ่อยมากๆ และดูจะชอบใจทุกครั้งที่ทำให้ผมเขินอายได้ รู้ว่าพี่ทราฟแกล้งแต่ผมก็ยังหลงกล อ่อนหัดจริงๆเลยผม ฮึ่ย!
อยากจะบอกว่าอย่าให้ถึงทีผมบ้างนะ แต่พูดไม่ได้หรอก มันคงไม่มีวันนั้น ผมรู้ตัวดีอย่าตอกย้ำผมนะ T_T
“ชอบเหรอเรา”
“อะไรครับ”
“หมานี่ไง ชอบเหรอ”
“ครับชอบมาก เค้กอยากเลี้ยงไว้สักตัว แต่ไม่เคยมีเป็นของตัวเองเลย ชอบขนนุ่มๆ ท่าทางซุกซน ยิ่งตาโตๆที่เวลามันเอียงคอมองเหมือนสงสัยนะ ยิ่งน่ารักน่าฟัดเข้าไปใหญ่ แค่คิดก็หมั่นเขี้ยวแล้ว” ผมพูดอย่างมีความสุข จริงๆ หมาเป็นสัตว์แสนรู้จะตาย ฝึกดีๆมันจะทำตามทุกอย่างเลย
“เอาไหมล่ะ” พี่ทราฟถาม ผมเงยหน้ามองอย่างสงสัย เอาอะไรกัน?
“อะไรเหรอครับ”
“ลูกหมานะ อยากได้ไหม พี่ซื้อให้”
“ไม่เอาหรอก เค้กเกรงใจ อีกอย่างที่หอเขาไม่ให้เลี้ยงด้วย” ผมบอกหน้ายู่ ที่บ้านใหญ่เขาไม่ชอบสัตว์ เลยไม่เคยได้เลี้ยง แถมแม่ผมยังเป็นภูมิแพ้ด้วย พออยู่หอก็เลี้ยงไม่ได้เพราะที่หอไม่ให้เลี้ยงและผมคงไม่มีปัญญาดูแลมันหรอก แค่เลี้ยงอ้วนกลมนี่ก็พอแล้ว
“เลี้ยงได้สิ เลี้ยงที่บ้านพี่ไง เวลาเค้กไปบ้านพี่จะได้ไปเล่นกับลูกหมา ว่าไงครับ เอาไหม”
“...” ผมเริ่มคิดตามอย่างลังเล ถ้าเลี้ยงที่บ้านพี่ทราฟก็คงไม่เป็นไรเนอะ แต่...
“ตัวเล็กๆ ขนนุ่มๆ ตาโตๆ น่ารักๆ แหม่ สุดยอดจริง”
“...”โอ๊ยยยย แค่คิดตามผมก็คลั่งแล้ววววว เอาไงดีล่ะ
“ยิ่งเวลาวิ่งเล่นไปมาบนสนามหญ้านะ สุดๆเลย”
“พี่ทราฟ!”
“ครับ”
“เค้กอยากได้” ผมพูดเสียงเบา ก้มหน้าเกือบชิดหน้าอก ได้ยินเสียงพี่ทราฟขำเบาๆ นี่ไงล่ะ พี่ทราฟชอบแกล้งผมอ่ะ
“อยากได้อะไรครับ เงยหน้าพูดดังๆสิ ไม่เห็นจะได้ยินเลย”
“เค้กอยากได้ลูกหมา”
“^_^”
“ลูกหมาน่ารักๆ”
“ได้เลยครับ เด็กน้อยที่น่ารักของพี่”
“เรากำลังจะไปซื้อน้องหมาที่ไหนกันเหรอครับ” ผมถามหลังจากที่นั่งรถพี่ทราฟออกมาจากหอพัก พี่ทราฟบอกว่าจะพาไปซื้อน้องหมา ผมดีใจมากกก ^o^
“สวนจตุจัตรครับ กินอะไรหรือยัง หิวไหม พี่ก็ลืมถามไปเลย”
“ไม่ครับ เค้กกินข้าวแล้ว พี่ทราฟล่ะ”
“พี่ก็กินแล้ว ฟังเพลงไหม เดี๋ยวพี่เปิดให้”
“ฟังครับ”
แล้วเสียงเพลงจากเครื่องเสียงในรถยนต์ก็ดังขึ้น ปกติพี่ทราฟจะฟังเพลงสากลแบบร็อคหนักๆ แต่ผมชอบฟังเพลงสบายๆมากกว่า พี่ทราฟเลยต้องไรท์เพลงที่ผมชอบฟังลงแผ่นมาไว้เปิดบ้างสลับกันไป
กว่าจะขับรถมาถึงสวนจตุจักรก็เล่นเอาผมเมื่อยก้นไปหมด รถติดแบบไม่เขยื่อน เป็นปัญหาที่ประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขได้ หรืออาจจะได้ นั่นหมายถึงต้องออกกฎหมายห้ามซื้อรถเท่านั้นล่ะ แต่เป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้ที่สุด เหอะๆ
“ถึงแล้วครับ มาพี่ช่วย” พี่ทราฟค่อยๆอุ้มผมลงจากรถและวางลงบนพื้น เสียงจอแจของผู้คนทำให้ผมตื่นเต้น ตั้งแต่ตาบอดก็ไม่ได้อยู่ในที่ๆผู้คนเยอะแบบนี้นานแล้ว
“จับมือพี่ไว้อย่าปล่อย ไม่งั้นหลงไม่รู้ด้วย”
“ครับ” ผมกระชับมือที่ทราฟแน่นก่อนจะเดินตามพี่ทราฟ ช่วงที่คนเยอะๆจนเบียดเสียดพี่ทราฟก็จะโอบผมให้ชิดตัวพี่ทราฟ ไม่ก็ให้ผมเดินอยู่ข้างหน้าแล้วพี่ทราฟ กอดคอผมไว้หลวมๆจากด้านหลัง ไม่ปล่อยให้ผมเผชิญกับฝูงชนอันเนืองแน่น เพราะทีแรกผมดันโดนเหยียบเท้า พี่ทราฟเลยระวังความปลอดภัยให้ผมมากขึ้น
แต่ดูท่าคนเหยียบจะตัวหนักไปหน่อย เหยียบลงมาที่เท้าผมแบบเต็มแรงไม่มียั้ง เจ็บกันเลยทีเดียว แต่ผมจะไม่โวยวายออกไปหรอก แค่นี้ก็ลำบากพี่ทราฟจะแย่แล้ว
“เค้กอยากได้หมาพันธุ์อะไร”
“เค้ก...ยังคิดไม่ออกอ่ะ ขอคิดก่อนนะ”
พันธุ์ไหนก็น่ารักทั้งนั้นสำหรับผม เลือกไม่ถูกเลย ชิสุก็น่ารัก บีเกิลก็แสนรู้ หรือจะพุดเดิ้ล เอ๋...ชิวาวา หรือว่าเจ้าปั๊กหมาหน้าเครียดดีหว่า เวสต์ไฮด์แลนด์ไวท์เทอเรียร์ก็เจ๋ง เป็นหมาที่เหมือนตุ๊กตาเอามากๆ เอาแล้วไงล่ะทีนี้ โอยยยย คิดหนักๆ
“ถึงร้านแล้ว อื้อหือออ เครียดขนาดนั้นเลยเหรอเรา คิ้วนี่จะชนกันอยู่แล้ว” เสียงพี่ทราฟแล้วก็เสียงหมาดึงผมออกจากความคิดที่ยุ่งเหยิงเพราะตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะเอาน้องหมาพันธุ์อะไร
“เค้กไม่รู้ว่าจะเลี้ยงพันธุ์ไหนอ่ะ น่ารักไปหมด เลือกไม่ถูกเลย”
“เลือกยากขนาดนั้นเชียวหรือครับ”
“แน่นอน เค้กเกิดอาการรักพี่เสียดายน้องอ่ะ นั่นก็ดี นี่ก็น่ารัก เลือกไม่ถูกเลย” ผมเลือกไม่ได้จริงๆนะเนี่ย แค่จินตนาการ น้องหมาก็น่ารักน่าฟัดแล้ว
“งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยเลือก จะเอาแบบไหนล่ะ” พี่ทราฟลูบหัวผมเบาๆ
“ก็ ตัวเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก อืม แล้วก็ขนนุ่มปุกปุยจับแล้วนุ่มมือ ซนนิดๆก็ดีนะพี่ ทราฟ น่ารักดีเค้กชอบ อ่ะ หูตั้งๆด้วยนะ น่ารักอย่าบอกใครเลยล่ะ ปากแหลมๆด้วยนะ เค้กชอบ” ผมบอกอย่างมีความสุข แต่น้องหมาที่ผมอยากได้มันจะมีเหรอ
“ฮ่าๆๆ เป็นการเลือกหมาที่สุดยอดมาก งั้นนั่งเล่นตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปถามเจ้าของร้านให้” พี่ทราฟเอาเก้าอี้มาให้ผมนั่งก่อนจะหายไป เสียงสุนัขที่เห่าแข่งกันไปมา ทั้งเสียงเล็กๆที่ฟังดูน่ารัก กับเสียงดุๆใหญ่ๆดังเซ็งแซ่เหมือนกำลังเถียงกันมันทำให้ผมเพลินดี
“อ๊ะ!” ผมตกใจเพราะอยู่ดีๆก็เหมือนมีอะไรมาเลียหน้า กลิ่นแบบนี้ เปียกแบบนี้ต้องเป็นน้องหมาแน่ๆ
“ได้แล้ว อะ อุ้มเร็ว” พี่ทราฟวางน้องหมาตัวเล็กบนตักผม ผมรีบจับทันที
ขนฟูจัง นุ่มด้วย พอเอามือคลำแตะที่หน้ามัน สำรวจใบหน้าน้องหมาอย่างเบามือ เดี๋ยวเผลอเอานิ้วไปจิ้มตาน้องหมาตาบอดผมจะซวยเอา เหอะๆ
“นี่ครับ หูตั้งๆ และนี้ก็ปากแหลม ตัวเล็ก ขนฟู ตาโตด้วยนะ ชอบไหม” พี่ทราฟจับมือผมแตะตรงนั้นตรงนี้ของน้องหมา
“ชอบครับ พันธุ์อะไรอ่ะพี่ทราฟ” ผมถาม ไม่คิดว่าจะตรงกับที่ผมต้องการขนาดนี้ น่ารักกกกกกก
“พี่ๆ ตัวนี้พันธุ์อะไรเหรอ”
“ปอมเมอเรเนียนครับ ตัวนี้อายุสองเดือนพอดี” คงเป็นเจ้าของร้านที่ตอบ
“อ่า เค้กรู้จักๆ ลืมไปเลยนะเนี่ยยยยยย” ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กในมือเข้ามากอดก่อนจะซุกหน้าที่ขนของมัน อิอิ ผมชอบหมาพันธุ์นี้
“พี่ทราฟว่าน้องหมาน่ารักไหม” ผมถามพี่ทราฟและก็เล่นกับน้องหมาไปด้วย มันกัดนิ้วผมด้วยอ่ะ ดีที่ไม่เจ็บ
“น่ารักสิ น่ารักทั้งคู่เลย”
“หืม? อะไรคือทั้งคู่”
“ก็เค้กกับน้องหมาไง น่ารักเหมือนกันเลย”
อ้าว ไหงมาว่าผมว่าน่ารักเหมือนน้องหมาล่ะ เหมือนกันที่ไหนผมคนนะ มันจะไปเหมือนกันได้ไง
“พี่ทราฟขี้แกล้ง นิสัยไม่ได้” อยู่ดีๆมาว่าผมว่าน่ารักเหมือนน้องหมา ตลกไหมเนี่ย
“ก็จริงนิ เนี่ย ตาโต ปากแหลมนิดๆ จมูกเล็กๆ ดีที่หูไม่ตั้งนะ ไม่งั้นเหมือนยิ่งกว่านี้อีก โอ๊ยยยยยย” ผมตีมือที่ทราฟที่จิ้มหน้าจิ้มตาผมด้วยความหมั่นไส้ อย่าให้ผมรู้นะว่าพี่ทราฟน่าตาแบบไหน ผมจะเอามาล้อบ้าง!
“โอ๋ๆ อย่างอนเลยนะ พี่ล้อเล่นนิดเดียวเอง” พี่ทราฟจับตัวผมโยกไปมา
“ล้อเล่นตลอดแหละ” ผมบ่นแต่ก็ยิ้มออกมา
“ก็น่ารักทำไมล่ะ” ผมทราฟบีบจมูกผมทำเสียงจิ๊จ๊ะและเราสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ทราฟ”
ผมและพี่ทราฟหยุดหัวเราะทันทีที่ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อพี่ทราฟ ก่อนที่ผมจะนิ่งเข้าไปอีกเมื่อได้ยินชื่อคนที่พี่ทราฟเรียก
“เฟ มาได้ไง”