Traf says:
“เค้กอยู่ไหนไอ้เจ!” เมื่อก้าวขาเข้าบ้านผมก็ถามไอ้เจที่ยืนคอยผมอยู่ตรงหน้าประตูบ้านทันที หน้ามันซีดมากจนผมใจเสียกลัวว่าเค้กจะเป็นหนัก
“อยู่ในห้องนั่งเล่นนั่นแหละ กูขอโทษนะมึง เป็นความผิดกูเอง” มันพูดเสียงอ่อย
“เดี๋ยวกูค่อยมาเคลียร์กับมึง”
ผมรีบสาวท้าวเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เห็นไอ้ครามกำลังถือแก้วน้ำแล้วก็เม็ดยาอยู่ ส่วนไอ้สองก็กำลังปลอบเค้กให้หยุดร้องไห้ แต่หน้ามันเหมือนอยากจะร้องไห้เองซะมากกว่า ส่วนเค้กนี่ไม่ต้องพูดถึง ร้องไห้สะอึกสะอื้น ตา หู จมูกแดงไปหมด ผมรีบเข้าไปใกล้เค้กทันที ไอ้สองเมื่อเห็นผมก็รีบหลบทางให้
“เค้กครับ”
“พี่ทราฟ ฮืออออออ” แค่ผมเรียกเค้กเท่านั้น เค้กก็เอื้อมมือมาคว้าตัวผม ผมเลยอุ้มน้องมานั่งใกล้
“เป็นอะไรไหนให้พี่ดูสิ มีดบาดตรงไหน ตรงนี้หรือครับ เจ็บไหม” มือข้างซ้ายตรงนิ้วชี้ถูกพันด้วยผ้าก๊อตอย่างดี แต่ยังมีรอยเลือดซึมออกมาให้เห็น
“อึก เจ็บครับ ฮือ เค้กไม่ชอบ ฮึก อึก ไม่ชอบเจ็บ” เค้กร้องไห้เอามือข้างที่ไม่เจ็บขยี้ตาตัวเองจนผมกลัวว่าตาจะช้ำ ต้องจับมือเค้กออกและค่อยๆเช็ดน้ำตาที่นองหน้าให้อย่างเบามือ
“ครับๆ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ หยุดร้องก่อนเร็ว เดี๋ยวไม่สบายอีกนะคนเก่ง”
เค้กพยายามหยุดร้องแต่ดูเหมือนทำได้ยากเพราะคอยแต่จะสะอื้นออกมา ผมเลยได้แต่ดึงมากอดแล้วก็ลูบหลังปลอบ
“ที่จริงแผลควรจะต้องไปให้หมอเย็บสักสองสามเข็ม แต่เค้กไม่ยอม บอกยังไงก็ไม่ยอมไป” ไอ้ครามขมวดคิ้วพูด ผมคิดแล้วก็รู้สึกเจ็บแทน
“แผลใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมถาม มันสามคนพยักหน้า ผมเพิ่งเห็นว่าไอ้เจเข้ามาในห้องนี้ด้วย หน้ามันเจื่อนจนรู้จะเจื่อนยังไง
“อ่ะนี่ยาแก้อักเสบ ให้น้องมันกินซะ” ไอ้ครามยื่นแก้วน้ำและยามาให้ผม
“เค้กกินยาหน่อยนะ จะได้หายเจ็บ” กินแล้วมันไม่หายเจ็บหรอก แต่หลอกเด็กมันไปก่อน
เค้กกินยาที่ผมป้อนให้อย่างว่าง่าย ก่อนจะกลับมาสะอื้นเบาๆ ผมละสงสารเหลือเกิน
“พี่ทราฟ ฮึก นิ้ว นิ้วเค้กไม่ขาดใช่ อึก ไหม” ผมยิ้มให้กับคำถามของเค้ก สงสัยที่ร้องไห้นี่คงกลัวนิ้วจะขาด
“ไม่ขาดครับ นิ้วเค้กยังอยู่ครบดี”
“แต่เค้กเจ็บ อึก” เค้กเสียงสั่น ผมก้มลงเป่านิ้วให้น้องเหมือนที่แม่ผมเคยทำให้ตอนเด็กๆ ก่อนจะเลื่อนหน้าไปหอมที่หน้าผากน้องอย่างปลอบประโลม ผมไม่ชอบเวลาที่เค้กร้องไห้เลยสักนิด ให้ตายเถอะ คนอื่นร้องไห้ยังไม่สะเทือนใจผมเท่ากับเค้กร้องไห้
ผมโยกตัวเค้กไปหวังจะให้หยุดร้องไห้ ที่จริงก็ไม่ได้ร้องหนักเหมือนตอนแรกเพียงแต่ยังสะอื้นไม่หยุด จนในที่สุดเค้กก็หยุดร้องแต่ดันหลับไปซะงั้น ไอ้เจกับไอ้สองนี่ถึงกลับถอนหายใจพรืด
ผมอุ้มเค้กขึ้นไปนอนบนห้อง แต่เปิดประตูเอาไว้เผื่อเค้กตื่นขึ้นมา ผมจะได้ได้ยินเสียงถ้าหากเค้กเรียก ด้านล่างไอ้เจนั่งก้มหน้านิ่ง ไอ้สองก็นั่งอยู่ข้างๆไอ้เจ ส่วนไอ้ครามนอนหลับตาอยู่ที่โซฟา ผมเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าพวกมัน ไอ้เจเงยหน้ามาสบตาผม
“เล่ามาสิ ดูน้องกันยังไงวะ ถึงได้ปล่อยให้น้องเจ็บตัวแบบนี้” ผมถามเสียงนิ่งเป็นอันเข้าใจกันว่าผมอารมณ์ไม่ดี
“กูจะทำกล้วยบวชชีอ่ะ แล้วเห็นเค้กนั่งเฉยไม่มีอะไรทำกูก็กลัวว่าน้องเบื่อ ไอ้ครามอยู่บนห้อง ส่วนไอ้สองออกไปดูเด็กข้างนอก กูเลยชวนน้องทำ กูสอนน้องเขาใช้มีดอ่ะ ที่แรกกูมองแล้วว่าน้องทำได้ไม่มีปัญหาและน้องดูสนุกก็เลยปล่อย หันไปหยิบกระทะอีกทิ้งน้องก็ร้องแล้ว เลือดไหลเต็มมือ กูโครตช็อคเลยอ่ะ” ไอ้เจอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง ใจหนึ่งก็อยากจะโกรธ แต่ก็รู้แหละว่ามันไม่ได้อยากจะให้เป็นแบบนี้
แต่มันคิดได้ไง ให้เค้กที่มองไม่เห็นเล่นมีด!
“มึงปล่อยให้น้องใช้มีดทั้งที่น้องมองไม่เห็น ถ้าเขาลึกกว่านี้จะทำไงวะ มึงคิดบ้างไหมเนี่ย!” ว่าจะไม่ด่าแต่ก็อดไม่ได้ แค่นี้ก็หนักแล้วถ้าไอ้ครามบอกว่าต้องเย็บ ถ้าเกิดว่าน้องไม่ได้เป็นแค่นี้ล่ะ พวกมันจะทำยังไง
“กูขอโทษ”
“กูไม่ได้อยากจะว่ามึงหรอกนะ แต่มึงเข้าใจอารมณ์กูไหม” ผมบอก พยายามไม่ให้ตัวเองหงุดหงิดไปกว่านี้
“กูขอโทษ กูผิด กูมันไม่ดีเองอะ” ไอ้เจพูดเสียงเศร้า ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปกระแทกตัวนั่งที่โซฟาทับขาไอ้คราม มันสะดุ้งแล้วก็ถีบผมอย่างแรงก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งมองผมตาขวาง แต่ผมก็ไม่สนใจ
“ช่างเถอะ คราวหน้ามึงก็ช่วยดูน้องดีๆหน่อยล่ะกัน เพราะยังไงกูก็ต้องพาน้องมาที่นี่บ่อยๆ”
“เอ่อ กูกับไอ้สองออกไปข้างนอกแปบก่อนนะ ฝากถามเค้กด้วยว่าเย็นนี้อยากกินอะไร เดี๋ยวกูทำสุดฝีมือเลย” มันบอกแล้วก็ลากไอ้สองเดินออกไป
“แล้วเฟไปไหนล่ะ มึงออกไปด้วยกันไม่ใช่เหรอ” ไอ้ครามถามผม มือมันก็กดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ ไม่เลือกดูสักช่องวะ ตาลาย!
“เฮ้ออออ กูดันรีบ ทิ้งเฟไว้ที่โรงหนัง ตอนกูขับรถกลับมาเฟก็โทรมาวีน กูเลยนึกขึ้นได้”
“ไอ้สัด กูเชื่อมึงเลย ทิ้งแฟนกลับมาเนี่ยนะ” ไอ้ครามหันมาถามเสียงตกใจแต่หน้านิ่ง
“เออดิ ก็กูเป็นห่วงเค้กนี่หว่า รู้ตัวอีกทีก็ขับรถออกมาแล้ว ให้ทำไงวะ” ผมเครียดนะไม่ใช่ไม่เครียด แต่กลับมาแล้วให้ทำไงล่ะ
“มึงนี่เป็นเอามาก” ไอ้ครามกระตุกยิ้มมุมปาก
“อะไรของมึง”
“ถ้าให้เลือก มึงจะเลือกจะอยู่กับเฟ หรือกลับมาดูเค้ก” ผมมองหน้าไอ้ครามแบบงงสุดขีด ไม่รู้ว่ามันถามผมแบบนี้ทำไม แต่ผมก็คิดตามมันนะ ถ้าตอนนั้นผมมีสติมากพอ ผมจะเลือกอะไร...
“กูควรทำไงดีวะ” ผมถามมัน ไม่สนใจว่ามันจะเข้าใจในคำถามที่ผมถามมันหรือเปล่า เพราะผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“หึ ใจมึง คิดเอาเอง แต่กูบอกให้อย่างนะ ถ้าจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ” ไอ้ครามพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินขึ้นบนบ้าน
ผมจะดูโง่ไหมถ้าจะบอกว่า ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่ไอ้ครามพูด คือมึงแอ็บสแตรกต์ไปนะบางที ใครผิดใครไม่ผิดอะไรยังไง มันคิดไหมว่าผมจะงง แม่งเอ้ยยยย ผมข้องใจว่ะ
ผมเดินขึ้นห้องไปเพื่ออาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นสักหน่อย อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็โทรหาเฟ แต่ติดต่อไม่ได้เพราะว่าเฟปิดเครื่อง พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริงๆเลยกู เฟคงจะโกรธผมมาก แต่ตอนนั้นผมเป็นห่วงเค้กจนลืมทุกอย่างรอบตัวไปหมด เฮ้อออ ไว้ค่อยอธิบายทีหลังเพราะเฟไม่ใช่คนงี่เง่าเท่าไหร่ เฟคงเข้าใจ
ก๊อกๆๆ
ก๊อกๆๆ
“แปบ” ผมตะโกนบอกคนข้างนอก สะบัดหัวไล่ความง่วง มองคนตัวเล็กที่นอนหลับอยูข้างๆก่อนจะจับมือเค้กขึ้นมาดูว่าเลือดซึมหรือเปล่า แต่ดูแล้วเลือกคงแห้งสนิท
ผมมองนาฬิกาข้างฝาห้อง หกโมงกว่า นี่ผมหลับไปนานเหมือนกัน
เมื่อได้สติก็เดินไปเปิดปะตูห้อง เจอเฟยืนอยู่ที่หน้าห้องกับใบหน้านิ่งๆที่ผมเดาไม่ออกว่าเฟรู้สึกยังไง
“มานานหรือยัง โทษทีนะ พอดีทราฟเผลอหลับ” ผมถามและเบี่ยงตัวให้เฟเข้ามาในห้อง เฟมองไปที่เค้กที่นอนหลับอยู่ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม
“เพิ่งมา เจให้ขึ้นมาตามไปกินข้าวข้างล่าง” เฟพูดจบก็หมุนตัวจะเดินออกจากห้อง ผมคว้ามือเฟไว้ก่อน รู้ว่าเฟโกธมาก ผมเลยอยากจะอธิบาย
“เฟ ทราฟขอโทษนะที่ทิ้งเฟมากระทันหัน แต่มันจำเป็นจริงๆ เฟเข้าใจใช่ไหม น้องน่าสงสาร น้องไม่มีใคร นี่ก็ร้องไห้จนหลับไป” ผมพยายามจะอธิบาย แต่รู้ตัวว่ามันแย่ เหตุผลฟังไม่ค่อยจะขึ้นเท่าไหร่ ได้แต่หวังว่าเฟจะเข้าใจและไม่โกรธผม
“อืม เฟเข้าใจ” เฟบอกก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ที่ดูก็รู้ว่าฝืน ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมอธิบายความจริงแล้ว ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกันครับ
เฟลงไปข้างล่างแล้ว ผมจัดการเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่อก่อนจะปลุกเค้กที่ยังหลับสนิท ตัวก็ร้อนนิดๆ
“เค้กครับ ตื่นเร็ว เย็นแล้วนะ”
“อืมมม” เค้กครางเบาๆ ขยับตัวนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“เค้กครับ เค้ก ตื่นได้แล้ว” ผมเรียกให้เสียงดังขึ้น
“หืม” เค้กอือออรับคำ เหมือนจะยังไม่ได้สติดี แต่ก็ขยับเปลือกตาลืมขึ้น
“ตื่นนะเค้ก ลงไปกินข้าวกัน เย็นมากแล้ว มาลุกขึ้น” ผมช่วยพยุงเค้กให้ลุกขึ้น พาเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา และพาเดินลงไปในห้องครัวที่ทุกคนนั่งรออยู่แล้วที่โต๊ะอาหาร
ระหว่างที่กินข้าวก็ไม่มีใครพูดอะไรสักนิด นั่งก้มหน้าก้มตาต่างคนต่างกิน เป็นบรรยากาศที่อึดอัดที่สุด แม้ไอ้สองจะขยันปล่อยมุขแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น จะมีก็แต่เค้กที่หัวเราะบ้าง และกินข้าวได้เยอะกว่าคนอื่น ที่จริงมีไอ้ครามอีกคนที่กินโดยไม่สนใจใคร กินเสร็จมันก็เดินออกไปทันที
“เอาข้าวอีกไหมเค้ก” ผมถาม ข้าวในจากเค้กหมดลงพอดี
“ไม่เอาแล้วครับ เค้กอิ่มแล้ว” เค้กลูบท้องให้ดูว่าอิ่มจริงๆ ผมเอาแก้วน้ำใส่มือน้องให้ดื่ม ก่อนจะพาน้องออกไปนั่งเล่นกับไอ้ครามที่ด้านนอก ส่วนตัวผมเองก็กลับมานั่งกินข้าวเหมือนเดิม
“เฟยังโกรธทราฟอยู่เหรอ” ผมถามออกไปเพราะทนกับความอึดอัดไม่ได้
“เปล่าหรอก แค่เซ็งๆอ่ะ” เฟบอกแต่ไม่มองหน้าผม
ไอ้เจกับไอ้สองเห็นว่าสถาณการณ์เริ่มไม่ดี มันก็รีบกินแล้วก็รีบออกไปข้างนอก เหลือผมและเฟอยู่ในห้องครัวเพียงแค่สองคน
“ทราฟขอโทษ คราวหน้าจะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว”
“ทราฟจะไม่ทิ้งเฟไว้แบบนั้นอีกใช่ไหม”
“อืม ทราฟจะไม่ทิ้งเฟไว้แบบนั้นอีกแล้ว อย่าโกรธเลยนะ” ผมบอก เฟมีสีหน้าดีขึ้นนิดหนึ่ง
หลังจากนั้นผมกับเฟก็นั่งกินข้าวกันไปเรื่อยๆ พูดคุยกันหลายเรื่องหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องของเค้กด้วย ดูเฟจะเข้าใจมากขึ้นตอนนี้เลยไม่ได้โกรธผมแล้ว ทีแรกผมจะไปส่งเฟที่บ้าน แต่พอดีไอ้สองต้องออกไปทำธุระข้างนอก เฟเลยกลับไปกับไอ้สองแทน ตอนนี้ก็มี ผม เค้ก ไอ้คราม และไอ้เจ ที่นั่งดูละครหลังข่าวกันอยู่ ผมไม่ค่อยได้ดูหรอก ส่วนมากจะคุยเล่นกับเค้กมากกว่า ไอ้ครามก็ดูหนังสือรถ มีแต่ไอ้เจคนเดียวที่ดู
“พี่ทราฟไปดูหนังมาเป็นไงบ้าง สนุกไหม” เค้กถามผม มือก็หยิบแอบเปิ้ลเข้าปาก แต่ไม่แตะสับปะรดสักชิ้น
“สนุกดีครับ”
ถึงจะดูไม่จบแต่ผมก็รู้ว่ามันสนุก อย่างน้อยครึ่งเรื่องแรกๆผมก็ตั้งใจดู
“มันเป็นหนังแนวไหนเหรอครับ” เค้กเอนหลังพิงกับโซฟา ในมือบิดรูบิคเล่น ส่วนหูก็ฟังเสียงจากโทรทัศน์ไปด้วย บางทีถึงตอนที่นักแสดงพูดตลกๆเค้กก็หัวเราะออกมา ทำให้ผมรู้ว่าเวลาเค้กหัวเราะมันดีกว่าตอนเค้กร้องไห้เป็นไหนๆ
“แอคชั่น เค้กชอบดูหนังแบบไหนครับ” ผมเพิ่งรู้ตัวว่าถามอะไรไปโดยไม่คิด แต่เค้กตอบกลับมาเหมือนไม่ได้คิดมากกับคำถามของผม
“เค้กดูได้หมดนะครับ แต่ตอนนี้ดูไม่ได้แล้ว”
ผมมองหน้าเค้ก ในใจนึกอยากถามเรื่องที่เค้กตาบอดว่าเป็นตั้งแต่เกิด หรือว่าเพิ่งตาบอดตอนโต แต่ผมก็ไม่กล้าถามออกไป อยากรอเวลาให้เค้กเปิดใจเล่าให้ผมฟังเองมากกว่า ถึงเค้กกับผมจะดูสนิทกัน แต่หลายครั้งผมก็รู้สึกว่ามีกำแพงบางๆกั้นระหว่างเราเอาไว้ จนผมไม่กล้าบุ่มบ่ามถามอะไรออกไป
“พี่ทราฟครับ พรุ่งนี้เค้กต้องกลับห้องแต่เช้านะ เค้กยังไม่ได้ซักผ้าเลย ฮ้าวววว” เค้กหาวออกมา นัยน์ตามีน้ำใสๆเอ่อคลอ ดูท่าจะง่วงแล้วแน่ๆ
“ได้ครับเดี๋ยวพี่ไปส่ง ง่วงหรือยัง อยากขึ้นไปนอนเลยไหม” ผมถาม เค้กพยักหน้าตอบส่วนมือก็ขยี้ตาตัวเองเบาๆ
ผมยกจานผลไม้ไปเก็บในห้องครัวก่อนจะพาเค้กขึ้นนอน ผมหยิบจับทำโน่นนี่อีกนิดหน่อยก็ล้มตัวนอนตาม โดยไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ตอนเจ็ดโมงเช้า
Cake says:
“พี่ทราฟ ตื่นได้แล้วครับ เช้าแล้ว” ผมจับแขนพี่ทราฟที่พาดอยู่บนตัวผมเขย่านิดๆให้พี่ทราฟตื่น ผมไม่รู้ว่ากี่โมง แต่รู้ว่ามันเช้าแล้ว เพราะผมมักจะตื่นเองประจำ แม้ว่าเวลาก็คลาดเคลื่อนกันไปบ้าง แต่ยังไงก็เช้าแน่นอน
“อื้ออออ” อื้อ แต่ไม่ยอมตื่นแหะ สงสัยจะไม่ได้ยิน เมื่อกี้คงละเมอ
“พี่ทราฟ ตื่น!” ผมพูดเสียงให้ดังขึ้น ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เอามือคลำไปตามตัวพี่ ทราฟและเขย่าแรงขึ้นกว่าเดิมอีกนิด
“ครับๆ กี่โมงแล้วเค้ก” พี่ทราฟถามเสียงงัวเงีย
“เค้กจะไปรู้ได้ไงเล่า แต่เช้าแล้วนะ ไม่เชื่อพี่ทราฟก็ดูนาฬิกาสิ” ผมท้า เพราะมั่นใจว่ายังไงก็เช้า ความรู้สึกมันบอกได้
“ถ้าไม่เช้าพี่จะทำโทษเรานะ”
“ง่ะ ได้ไงอ่ะ”
“ได้สิครับ หึหึ”
เสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ชะมัด ถึงผมจะมั่นใจว่าเช้าแล้ว แต่ก็อดหวั่นๆไม่ได้ แล้วลงโทษอะไรกัน คงไม่จับผมทุ่มหรอกนะ เมื่อเช้าพี่สองเล่าให้ฟังว่าเวลาเด็กที่มาเรียนทำอะไรไม่ถูกพี่ทราฟก็จับทุ่มลูกเดียว ถ้าเป็นแบบนั้นผมต้องหลังหักแน่ๆ ไม่นะ ผมไม่อยากเจ็บตัว
“หืม ดูทำหน้าเข้าสิ กลัวโดนลงโทษหรือไงเรา แต่ว่า เช้าแล้วจริงๆด้วย หกโมงห้าสิบ รู้ได้ไงครับว่าเช้าแล้ว” เสียงผ้าห่มและแรงยุบของเตียงผมก็พอเดาได้ว่าพี่ทราฟลุกขึ้นแล้ว
“เค้กตั้งนาฬิกาปลุกตัวเองหรอก อิอิ” ผมหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ ปกติตื่นเช้าทุกๆวันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เช้านี้กับดีใจที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้วปลุกพี่ทราฟ
“เก่งที่สุด ป่ะ ไปอาบน้ำ จะได้ลงไปกินข้าวแล้วกลับห้องกัน”
ผมเข้ามาจัดการตัวเองในห้องน้ำ พี่ทราฟอาบน้ำต่อจากผมก่อนจะพาลงไปกินข้าวข้างล่าง พี่เจเอาแต่พูดขอโทษผมใหญ่ ผมบอกว่าไม่เป็นไร คือมันเป็นความผิดของผมเองที่ไม่ระวัง แต่ที่ร้องไห้เพราะผมไม่ชอบเจ็บตัว อะไรที่ทำแล้วเจ็บตัวผมไม่ชอบ พอเจ็บแล้วมันก็ร้องเองทุกที ก็มันเจ็บอ่ะ เจ็บก็คือเจ็บ และผมไม่ชอบเลยสักนิด
“ปกติเค้กซักผ้ายังไงอ่ะ”พี่ทราฟถามผมหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องของผม ระหว่างทางผมก็ได้ขนมติดไม้ติดมือกลับมาที่ห้อง พี่ทราฟเป็นคนซื้อให้
“ก็ยกตะกร้าลงไปที่ร้านข้างล่าง หรือบางทีบิ๊กจะเอาลงไปซักให้”
“บิ๊ก? ใครเหรอ”
“เป็นลูกเจ้าของหอพักที่นี่อ่ะครับ น้องเขาเรียนโรงเรียนประจำ แต่ทุกอาทิตย์จะกลับมาบ้านและมาช่วยผมทำนู่นนี่นั่น” ผมเล่าแล้วยกตะกร้าเตรียมจะออกจากห้อง แต่พี่ทราฟแย่งไปถือให้ ผมเลยได้แต่เดินตามลงไป
“พี่เค้กกกก! ไปไหนมาอ่ะ เมื่อวานบิ๊กไปหาที่ห้องไม่เจอ กินข้าวหรือยัง แล้วนี่ลงมาทำอะไร” บิ๊กจับตัวผมได้ก็ถามเสียยกใหญ่จนผมขำออกมา เพราะเลือกตอบไม่ถูกว่าจะตอบคำถามไหนก่อนดี
“ค่อยๆถามก็ได้ พี่ไม่หนีไปไหนสักหน่อย เมื่อวานพี่ไปค้างที่บ้านพี่ทราฟมา เอ่อ บ้านพี่ที่รู้จักอ่ะ กินข้าวช้าวแล้ว และก็ลงมาซักผ้า พี่ทราฟเอาผ้าไปซักให้อยู่” ผมบอก พร้อมกับเดินตามบิ๊กไปนั่งที่ม้าหินที่อยู่ใกล้ๆ
“งั้นเหรอ ผมไม่เห็นจะเคยรู้จักพี่ทราฟอะไรนั่นเลย เอ๊ะ! มือพี่ไปโดนอะไรมา!” บิ๊กบ่นเบาๆ ก่อนจะร้องเสียงหลงพลางจับมือผมพลิกไปมาอย่างเบามือ
“อุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่มีอะไรมากหรอก”
“เค้กครับ มานั่งนี่เอง” เสียงพี่ทราฟดังขึ้นผมเลยหันไปตามเสียง ไม่รู้หันถูกหรือเปล่า แหะๆ
“พี่ทราฟ นี่บิ๊กครับที่เค้กเล่าให้ฟัง บิ๊ก นี่พี่ทราฟ” ผมแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันไว้
“สวัสดีครับพี่ทราฟ”
“อืม สวัสดี”
ทั้งสองคนทักทายกันแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ผมเลยไม่รู้จะพูดอะไร ทำไมผมรู้สึกว่า บรรยากาศรอบตัวผมมันถึงได้อึดอัดแบบแปลกๆนะ
“ซักผ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวไปซื้อของกันนะเค้ก และค่อยไปบ้านพี่” ผมสะดุ้งเล็กน้อยที่อยู่ๆที่ทราฟก็พูดขึ้นมา ตกใจหมดเลย ฟู่~
“อ้าว พี่เค้กไม่นอนห้องเหรอ วันนี้บิ๊กมีเรื่องมาเล่าให้พี่เค้กฟังเยอะแยะเลยนะ” บิ๊กทักท้วงเสียงสูง
“แต่เค้กต้องไปเรียนกีตาร์กับพี่ต่อนะ เว้นไว้นานๆเดี๋ยวลืม” พี่ทราฟพูดเสียงนิ่ง
“แต่กว่าผมจะมีเวลาอีกก็อาทิตย์หน้านะ พี่เค้กจะไม่อยู่กับผมจริงๆเหรอ” คราวนี้บิ๊กพูดเสียงหงอยๆ
“เอ่อ..คือ” ผมพูดอะไรไม่ออก ผมอยากไปเรียนกีตาร์กับพี่ทราฟต่อ แต่ผมก็สงสารบิ๊กเหมือนกัน เอาไงดีอ่ะ
“เค้กครับ” เสียงพี่ทราฟ
“พี่เค้ก” เสียงบิ๊ก
“เอ่อ เค้กว่าเอางี้ล่ะกัน คืนนี้เค้กนอนที่ห้องก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าเค้กค่อยไปกับพี่ทราฟดีไหมครับ” ผมบอกเพราะคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด บิ๊กดีกับผมมากจนไม่อยากจะให้เขาเสียน้ำใจ ที่ผ่านมาบิ๊กอุตส่าห์กลับมามาอยู่เล่นเป็นเพื่อนผมตลอด พอผมมีเพื่อนใหม่แล้วทิ้งบิ๊กก็คงจะน่าเกลียดเกินไป
“แต่...” พี่ทราฟจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หยุดไปไม่พูดต่อ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้กไปนอนบ้านพี่ทราฟด้วยก็ได้ นะครับพี่ทราฟ” ผมบอกเสียงอ้อนๆ ผมว่าผมรู้อะไรบางอย่าง ถ้าผมอ้อน พี่ทราฟจะตามใจผมแบบไม่ขัดทุกที ถ้าผมคิดไม่ผิดนะ
“เอางั้นเหรอครับ” ความสำเร็จผมเริ่มมองเห็นมาแต่ไกลแล้วครับ
“ครับ วันนี้ผมอยู่คุยเล่นกับบิ๊ก แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปเล่นกับพี่ทราฟไง”
“หึหึ พี่ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะเรา เอาไงก็เอาครับ อยู่ได้นะ แผลที่มือต้องทำแผลใหม่ด้วยนะครับ รู้ไหม” ผมจับน้ำเสียงได้ว่าพี่ทราฟเป็นห่วงผม แต่ผมอยู่ที่นี้มาก็นาน ทำไมจะอยู่ไม่ได้ล่ะ
“มีผมดูแลทั้งคน พี่อย่าห่วงเลย” บิ๊กพูดขึ้น คาดว่าน่าจะพูดกับพี่ทราฟ
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะพี่ทราฟ เค้กอยู่ได้” ผมยิ้มกว้างเหมือนเป็นการยืนยันว่าผมไม่เป็นอะไรหรอก แค่นี้สบายมากกกกก
“งั้นก็ตามใจครับ”
ผมบอกแล้วว่าพี่ทราฟต้องตามใจผม อิอิ ^O^