บทที่ 3 ความหวังดั่งฟางเส้นสุดท้าย...

2471 Words
บทที่ 3 ความหวังดั่งฟางเส้นสุดท้าย จูจูเเละเเม่นมจื่อยื่นอยู่หน้าโรงรับจำนำเเห่งหนึ่งที่มีพื้นที่ร้านรวงขว้างขวาง ตกเเต่งด้วยของมีระดับมากมายตระการตาดูเเล้วไม่เหมือนโรงจำนำสักนิดเหมือนภัตตาคารร้านอาหารเสียมากกว่า "ที่นี่ใช่หรือไม่ โรงรับจำนำที่นมบอก"จูจูเอ่ยอย่างเหม่อลอย หากเทียบกับเเคว้นฉินล้วนเเตกต่างกันมากนัก เเต่นางชอบนะยิ่งใหญ่โต.งยิ่งเป็นที่น่าสนใจ.. "เจ้าค่ะคุณหนู ใช่ที่นี่จริงๆๆ นมเคยผ่านมาทางนี้ยังจำได้ไม่เคยลืม"เเม่นมจื่อเอ่ยสำทับ "อืมงั้นเราเข้าไปกันเถอะ"ร่างบางเดินนำหน้าเเม่นมอย่างรวดเร็วมีเพียงทางนี้เท่านั้นที่นางจะกลับไปเเก้เเค้นได้ "คาราวะลูกค้าทั้งสองไม่ทราบว่า ทั้งสองจะมาซื้อขายของหรือจำนำขอรับ" พนักงานต้อนรับเอ่ยอย่างนอบน้อมให้เกียรติมิได้มีเเเววตารังเกียจเหยียดหยามลุกค้าเเม้เเต่น้อย จูจูที่พบเจอผู้คนมามากนักพึงพอใจในบริการของร้านไม่น้อย เจ้าของร้านเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ผู้หนึ่งสินะ "ข้ามีของมาจำนำ มิทราบว่า..." "เชิญที่ห้องด้านซ้ายมือขอรับ ..."พนักงานต้อนรับท่าทางสุภาพเอ่ยอย่างรู้งาน "นมรออยู่ข้างนอกเถอะข้าไปเอง" จูจูเดินหลังฉากกั้นที่เป็นที่ประเมินราคาสินค้าที่จะรับจำนำ มือบางขาวราวหิมะวางหยกสีขาวนวลบนโต๊ะอย่างใจเย็น ด้วยไม่รู้มูลค่าของมันมากนัก หากเป็นเเคว้นฮั่นหยกนี้คงได้ราคาหมื่นตำลึงเป็นอย่างต่ำ "เอ้อ... ขออนุญาติสักครู่นะขอรับ ข้าจะให้นายท่านมาเป็นคนประเมินอีกที" ชายชราเมื่อเห็นหยกสีขาวนวลตรากิเลนก็เเสดงท่าทางตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นป้ายหยกประจำตัวเช่นนี้ "ข้ารอได้"จูจูคิดอยู่เเล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ ป้ายนี้มิได้มีให้เห็นทั่วไปในตลาดเป็นหยกหยยากสั่งทำเป็นพิเศษ ตราลวดลายกิเลนมีเพียงท่านเเม่ทัพใหญ่เท่านั้นที่ได้ใช้ "สักครู่ขอรับ.." เเล้วชายชราหยวดขาวก็รีบจากไป กว่าครึ่งก้านธุป จึงปรากฎบุรุษผู้หนึ่งใส่หน้ากากครึ่งหน้าด้านบน นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับจูจู อย่างช้าๆๆ "มิทราบว่าลูกค้าได้หยกชิ้นนี้มาจากที่ใด"บุรุษผู้สวมหน้ากากเอ่ยปากถามขึ้นเพื่อให้โอกาสลูกค้าได้อธิบาย " เป็นของบิดาให้มาตั้งเเต่ยังเล็ก"จูจูเอ่ยตอบสีหน้าเรียบเฉย ภายในใจลุ้นมูลค่าของมันยิ่ง จะเพียงพอต่อการเจรจาต่อรองหรือไม่ "ลูกค้ารู้หรือไม่ทางร้านมิได้รับของโจร"บุรุษสวมหน้ากากเอ่ยอีกครั้ง โบกพัดในมือช้าๆๆ "ข้ามีนามหลานเสวี่ยจู หยกนี้เป็นหยกประจำตัวที่บิดามอบให้ ข้าเพียงต้องการจำนำเพื่อร้องขอให้หอสืบข่าวช่วยข้าเพียงหนึ่งเรื่องเท่านั้น" ใช่ นางรู้อยู่ก่อนเเล้วว่าในเเคว้นฮั่นมีหอสืบข่าวอยู่ทั่วเเคว้นมักเปิดโรงจำนำเพื่อบังหน้าค้าขายข่าวสารเเละรับจ้างส่งสาส์นเรื่องนี้ อี้หลงเป็นคนบอกนางด้วยตนเองมันเป็นความลับที่อี้หลงเพิ่งรับรู้มา เพราะเเคว้นฉินเเละเเคว้นฮั่นมักจะฟาดฟันกันอย่างลับๆๆด้วยมีดินเเดนติดๆๆกัน เเม้ฉากหน้าจะเป็นบ้านพี่เมืองน้องก็ตาม พัดในมือบุรุษสวมหน้ากากชะงักค้าง ด้วยโรงรับจำนำเเห่งนี้เป็นเพียงฉากบังหน้า หอสืบขายข่าวเป็นอย่างหลัง คุณหนูในห้องหอเช่นนางจะรู้เรื่องได้อย่างไร "เกรงว่าคุณลูกค้าจะเข้าใจผิด ที่นี่เป็นเพียงโรงรับจำนำหาใช่หอสืบข่าวอันใดไม่" บุรุษสวมหน้ากากเอ่ยเสียงเข้ม "เรื่องเเรกที่ร้องขอ ข้าต้องการเขียนจดหมายถึงบิดาท่านเเม่ทัพใหญ่หลาน ให้ส่งไปชายเเดนเเละให้ถึงมือท่านเเม่ทัพด้วยตนเอง"จูจูกล่าวขึ้นอีกครั้งสิ่งที่นางร้องขอคือความหวังดั่งฟางเส้นสุดท้ายของร่างนี้ หากบิดาเจ้าของร่างไม่กลับมาเกรงว่านางจะหิวโซหรือถูกวางยาพิษจนตายเสียก่อน "ข้า..."บุรุษสวมหน้ากากเอ่ยขึ้นอย่างลังเล "หาากจะส่งจดหมายไปชายเเดนมิใช่เรื่องยากอันใด เเต่หากจะส่งให้ถึงมือท่านเเม่ทัพที่รบทัพจับศึกนั้นเกรงว่าจะไม่ง่าย มูลค่าของหยกนี่เกรงว่าจะไม่พอ เชิญลูกค้าตามข้ามาเพื่อพูดคุยในอีกสถานที่หนึ่ง" หากที่สตรีตรงหน้าเอ่ยออกมาเป็นความจริงน่าสงสารไม่น้อยนางเพียงอยากส่งจดหมายหาบิดาผู้เป็นเเม่ทัพใหญ่ดูตามสภาพอาภรณ์ที่ใส่มาชีวิตในจวนคงลำบากไม่น้อย เเต่ทำค้าขายต้องได้กำไรคนของเขาต้องเสี่ยงเเล้ว ช่างหน้าหนักใจไม่น้อย ใบหน้างามของจูจูขมวดคิ้วเป็นปมอย่างชั่งใจ หรือนางอาจต้องหาสิ่งของที่มีมูลค่าเพิ่มพร้อมพยักหน้าเดินตามบุรุษสวมหน้ากากขึ้นบันไดไปชั้นสอง บนระเบียงที่พาดผ่านข้ามสิ่งก่อสร้างของร้านไปอีกที่หนึ่งที่ตกเเต่งไปด้วยภาพวาดเเละการเขียนพู่กันจีนที่งดงาม ร่างบางเดินไปหยุดที่รูปหนึ่งอย่างคุ้นเคย บุรุษผู้ซึ่งสวมหน้ากากเมื่อเห็นคู่ค้าที่ไม่เดินติดตามมา ก้าวถอยหลังไปยังร่างบางที่หยุดหน้ารูปงดงามรูปหนึ่ง "งดงามใช่หรือไม่ ข้าเองพยายามสืบเสาะได้มาเพียงหนึ่งรูปเท่านั้นรูปนี้ข้าประมูลมาสี่หมื่นตำลึงเชียวนะ เเต่ก็สมเเล้วที่ได้มาครอบครองไม่ว่าภาพใดของปรมาจารย์ไป่ล้วนมีคุณค่าในตัวของรูปเอง" บุรุษสวมหน้ากากกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบ รูปภาพของปรมาจารย์ไป๋ล้วนสุดยอดควรค่าต่อการสะสมเเละครอบครอง " หากข้าจะบอกว่าข้าคือปรมาจารย์ไป๋เล่า ท่านว่าสิ่งที่ข้าร้องขอจะเป็นไปได้หรือไม่" ______________________________________________________ หลังจากที่จูจูเดินมาตามระเบียงลงบันไดเพื่อไปหาเเม่นมจื่อที่ยืนรอกระวนกระวายอยู่นานเเล้ว "คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ" "การเจรจาสำเร็จไปด้วยดี เรากลับกันเถอะวันนี้ข้าเหนื่อยเเล้ว" "เจ้าค่ะ" เเม่นมจื่อตอบรับอย่างว่าง่าย ระหว่างทางจูจูผ่านตลาด นำตั๋วเงินหนึ่งใบออกมาเเลกเงินตำลึงเพื่อจับจ่ายซื้ออาหารที่ตนชอบ เเม่นมจื่อเห็นข้าวของมากมายน้ำตาคลอ ด้วยนานมากเเล้วมิได้กินอาหารจนอิ่ม "คุณหนูพอเเค่นี้เถอะเจ้าค่ะ ใกล้มืดค่ำเเล้ว" "อืม..."ร่างบางตอบตกลง เเต่เดิมนางผู้เคยใช้เงินมือเปิปนักด้วยการค้าขายภาพวาดนั้นทำให้ได้เงินมาอย่างมากมาย พอมาอยู่ในร่างคุณหนูหลานที่ต้องอดื้อกินมื้อได้กินเพียงกินน้ำข้าวกับผัดผักจืดชืดเเล้วมันน่าโมโหยิ่งนัก พอเริ่มมีเงินจึงซื้ออาหารที่จำเป็นโดยไม่คิดว่าจะหอบกลับไปอย่างไรดี ก็นางเคยมือนี่... นางผิดไปเเล้ว... "นม มาๆๆ ข้าขอโทษข้าช่วยถือ" "ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ คุณหนูเป็นนาย นมเป็นบ่าวจะให้คุณหนูถือของหนักได้อย่างไร" เเม่นมจื่อปฎิเสธเสียงเเข็ง ทั้งที่ถือของเยอะจนเริ่มปวดเเขน "นายบ่าวอันใด หากนมไม่ให้ข้าช่วยถือเกรงว่าวันนี้คงกลับจวนช่วงดึกดื่น"เเล้วคำขู่ของจูจูก็ได้ผล จูจูเข้าไปเเบ่งของมาถือเองเกินกว่าครึ่งโดยที่เเม่น้ำจื่อไม่สามารถปฎิเสธได้ ทั้งสองเดินอยู่เกินครึ่งชั่วยามจนมาถึงประตูครัวด้านหลังจวนตระกูลหลานที่ยังเเง้มเปิดอยู่ อย่างเงียบเชียบ จูจูวางของลงบนพื้นยกนิ้วชี้จรดริมฝีปากเพื่อให้เเม่นมจื่อเงียบเข้าไว้ ร่างบางค่อยๆๆ เปิดประตูให้กว้างออก สายตาสอดส่ายมองไปรอบๆๆ ด้วยความหวั่นเกรงว่าจะมีคนมาพบเข้า เเต่เเล้ว... เงียบสงบ... ไม่มีสาวใช้หรือเเม่ครัวเลยสักคนเดียว... ใบหน้าที่ฉายเเววงดงามตั้งเเต่อายุยังน้อยยกยิ้ม "นม ทางโล่งรีบไปกันเถอะ"ร่างบางหันมาหยิบของจากพื้นที่วางไว้เเต่ไม่ทันเเม่นมจื่อที่ขว้าเอาไปหอบด้วยตนเองจนหมดเเล้ว "ไม่ไกลจากเรือนคุณหนูเเล้ว ไปกันเถอะเจ้าค่ะ"จูจูได้เเต่ส่ายหน้ากับความคิดเเยกชนชั้นเช่นนนี้เเต่มิอาจเถียงอันใดได้ ดวงตางามกลับเห็นบางสิ่งบางอย่างเข้าเเล้วยกยิ้ม "อืม...ไปกันเถอะ"ใบหน้ายกยิ้มเจ้าเล่ห์ เเม่นมหอบอาหารไปก่อนเลยเดี๋ยวข้าจะเอาไปเพิ่มเติม... ___________________________ ยามโหย่ว งานวันเกิดคุณหนูรองหลานอิงฮวา ลานกลางจวนตระกูลหลาน ที่วันนี้ถูกจัดเเต่งขึ้นอย่างงดงามเพื่องานเลี้ยง เจ้าภาพจัดงานในครานี้คือฮูหยินเอกหลันหนิงเเละนายท่านรองตงเว่ยขุนนางขั้น6 สังกัดโยธา มีฮูหยินผู้เฒ่าเป็นประธานในพิธี เเขกเรื่อที่รู้จักมักคุ้นต่างทยอยตบเท้ามาร่วมงานอย่างให้เกียรติด้วยเป็นจวนตระกูลของท่านเเม่ทัพใหญ่หลาน ใบหน้าอิ่มเอมมีความสุขของฮูหยินผู้เฒ่าที่มีผู้คนมาคำนับอย่างให้เกียรติตลอดงาน เจ้าของวันเกิด คณหนูรองหลานอิงฮวา ในชุดสีชมพูสวยหวานเเต่งหน้าพองามเครื่องประดับพราวระยับไปทั้งตัว ต่างถูกล้อมรอบพูดคุยอวยพรด้วยคุณหนูตระกูลน้อยใหญ่ที่มาร่วมงาน ใบหน้าสดใสอ่อนเยาว์ยกยิ้มน้อยๆๆ พูดน้อยตามมารยาทดั่งกูกูจากวังหลวงที่มารดาจ้างมาสอน สายตามองไปทางประตูทางเข้าจวนอย่างเหม่อลอย เหมือนรอคอยคนผู้หนึ่ง องค์ชายใหญ่เสด็จเเล้ว....... เสียงขันดีประกาศหน้าประตูจวนตระกูลเสียงดังฟังชัด ในขณะที่หนึ่งบุรุษหล่อเหลาท่าทีใจดีก้าวเท้าเข้างานอย่างสุขุม "ถวายพระพรองค์ชายใหญ่พะยะค่ะ/เพค่ะ" เหล่าผู้ร่วมงานต่างทำความเคารพอย่างพร้อมเพียง "ไม่ต้องมากพิธี ทุกคนลุกขึ้นเถอะข้ามางานคงกร่อยเสียเเล้ว" องค์ชายใหญ่เฉิงอี้เอ่ยอย่างใจดี "เชิญองค์ชายใหญ่ที่โต๊ะกลางพะยะค่ะ"ตงเว่ยรีบเข้ามาเอ่ยชักชวนให้เเขกสูงศักดิ์ที่ให้เกียรติมาร่วมงานของบุตรสาวของเขา เพียงเท่านี้เขาสามารถเอาไปโอ้อวดทั่วสำนักโยธาได้เเล้ว "อ่อ...ไม่เป็นไรเปิ่นหวางเพียงมาพบคุณหนูใหญ่ เเละคุณหนูรองเท่านั้น" สิ้นเสียงองค์ชายใหญ่เเขกผู้ร่วมงานต่างเงียบสนิท ด้วยทั่วเมืองหลวงต่างเล่าลือกันว่าคุณหนูรองจวนตระกูลหลานเเอบชอบองค์ชายใหญ่มานานนับปี อีกทั้งเป็นยอดพลูอันดับหนึ่งของเมืองหลวงชื่อเสียงดีงามวางตัวดีมาตลอด เเต่บัดนี้องค์ชายใหญ่กลับถามถึงคุณหนูใหญ่ที่ไม่เคยปรากฎตัว ณ งานใดเล่าลือกันว่านิสัยร้ายกาจเเละชอบเจ็บป่วยบ่อยครั้ง เท่ากับเป็นการตบหน้าโดยไม่ใช้มือเสียด้วย "วันนี้เป็นงานวันเกิดของบุตรีกระหม่อมนามอิงฮวาพะยะค่ะ"ตงเว่ยรีบลากเเขนอิงฮวาที่ทำสีหน้าเดี๋ยวเเดงเดี๋ยวคล้ำด้วยความโกรธมายืนใกล้ๆๆ องค์ชายใหญ่ " ได้ยินเสียงเล่าลือมานานว่างดงาม ความสามารถเพลงพิณเป็นเอก นี่ของขวัญครบรอบ14หนาวเปิ่นหวางให้" องค์ชายใหญ่หยิบกล่องจากคนสนิทที่ติดตามมามอบให้อิงฮวาอย่างใจดีพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่ไปไม่ถึงดวงตา ด้านอิงฮวาเเทบบิดอายเเก้มเเดงก่ำ นี่เป็นของที่องค์ชายใหญ่เลือกให้กับนางต้องเป็นของที่งดงามเเละสูงค่าเป็นเเน่ มือบางค่อยจับกล่องของขวัญอย่างประหม่าลืมความโมโหก่อนหน้าไปชั่วครู่ "ขอบพระทัยองค์ชายใหญ่เพค่ะ ที่จริงเเล้วเราเคยเจอกันหลายครั้งนะเพค่ะ"อิงฮวาเอ่ยอย่างเอียงอายก้มหน้างุด ใช่เเล้ว... นางเเอบชอบองค์ชายใหญ่ตั้งเเต่เดือนสองของปีที่เเล้ว ต่อมาไม่ว่าได้ยินข่าวเล่าลือว่าองค์ชายจะเสด็จไปที่ไหนหรืองานไหน นางก็จะพยายามไปสถานที่เเละงานนั้นๆๆ ให้สำเร็จ องค์ชายใหญ่ผู้สุภาพหล่อเหลาเเละใจดี เขาต้องเป็นของนางเพียงเท่านั้น "อืม ...ต้องขอโทษด้วยข้าจำมิได้.. ว่าเเต่คุณหนูใหญ่เล่าวันนี้มีจัดงานเลี้ยงวันเกิดคุณหนูรองเหตุใดคุณหนูใหญ่ไม่มาร่วมงาน"ยังคงเป็นอีกครั้งที่องค์ชายใหญ่ถามหาคุณหนูใหญ๋บุตรีของท่านเเม่ทัพหลาน ตงเว่ย..ชะงักค้าง ฮูหยินผู้เฒ่า..มือไม้สั่นดั่งเจ้าเข้า อิงฮวาเจ้าของงาน...น้ำตาคลอเป้าเจ็บปวดเมื่อบุรุษที่นางเเอบชอบกับถามหาสตรีอื่น ฮูหยินหลันหนิง..มีเหงื่อไหลเต็มกรอบหน้า นางจะร่วมงานได้อย่างไรเล่าในเมื่อถูกละเลยอยู่ท้ายจวน หากมาในสภาพเยื้องขอทานสาวรับใช้ยังเเต่งตัวดีกว่าเสียอีก ตระกูลหลานจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด... หากโป้ปดกับเชื้อพระวงศ์ก็อาจถูกตัดหัวเสียบประจาน... ได้เเต่ทำใจดีสู้เสือ "หลานเสวี่ยจูเจ็บป่วยบ่อยครั้งจึงมิได้มาร่วมงานเพค่ะ หากองค์ชายใหญ่จะมีพระดำรัสกับหลานเสวี่ยจูฝากหม่อมฉันได้เพค่ะ" "อ่อ..เป็นอย่างนั้นหรือ พรุ่งนี้จะให้หมอหลวงมาดูเเลอาการคุณหนูใหญ่หลานเสียหน่อย เปิ่นหวางเองเพียงจะมาเเสดงความยินดี ทหารส่งสาส์นจากชายเเดนมาเเจ้งเสด็จพ่อว่าท่านเเม่ทัพใหญ่หลานรบชนะเผ่าซยงหนูได้เเล้ว กำลังกลับมารับบำเหน็จรางวัลจากเสด็จให้อีก10ราตรี เช่นนั้นไม่รบกวนเเล้ว" องค์ชายใหญ่กล่าวพร้อยกยิ้มมุมปาก เหตุใดเขาจะดูไม่ออกถึงท่าทีอึกอักของคนตระกูลหลาน เมื่อพูดถึงคุณหนูใหญ่หลานเสวี่ยจูเเต่เมื่อเป็นเรื่องของคนในตระกูลเขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง ได้เพียงรอชมเรื่องสนุกตื่นเต้นเพียงเท่านั้น ด้านคนตระกูลหลานเเละข้ารับใช้ นายท่านใหญ่จะกลับมาหรือ.. ในอีก10ราตรีหรือ... รวดเร็วปานสายฟ้า... เเล้วหากเห็นความเป็นอยู่คุณหนูใหญ่เล่า... จะโมโหโกธาเพียงใด... ____________________________
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD