บทที่ 3
ก่อนเริ่มเเผนการ....
หลานเสวี่ยจู เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จิตใจความคิดเเละเหตุผลตีรวนกันดั่งที่มิเคยเป็นมาก่อน สายตาที่เเข็งกร้าว เย็นชา เครียดเเค้นท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในเดือนสิบช่างเป็นภาพที่งดงามอันตรายไม่น้อย
"คุณหนูเจ้าค่ะ" เสียงสตรีเเหบพร่าวัยกลางคน ในชุดคนใช้กลางเก่ากลางใหม่เดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารที่เต็มไปด้วยหมั่นโถวขาวอวบเเละผัดเนื้อที่ยังอุ่นๆๆส่งกลิ่นหอมยั่วยวลให้ผู้คนที่ได้กลิ่นน้ำลายไหล
"เเม่นม เอาอันใดมากันหรือเหตุใดจึงมากมายนัก"จูจูเอ่ยถามเเม่นมคนสนิทอย่างสงสัยโดยปรกติเเล้ว เรือนใหญ่มักเจียดอาหารมาให้ที่เรือนนี้นั้นยิ่งกว่าของเหลือเดนเสียอีก
"วันนี้ครบรอบวันเกิด14หนาวของคุณหนูรองอิงฮวาเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่ากับนายท่านรองจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เชิญเเขกมามากมายยิ่ง บ่าวจึงหยิบอาหารพวกนี้มาเจ้าค่ะ"เเม่นมจื่อเอ่ยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ด้วยรู้ว่าเจ้านายของตนมิได้มีโอกาสเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่าทำหูหนวกตาบอดละเลยคุณหนูใหญ่ได้ลงคอทั้งที่เป็นหลานเช่นกันอีกไม่ถึง7ก็จะครบรอบวันเกิดคุณหนูใหญ่ที่อายุจะครบ15หนาว หาก...หากนายหญิงยังอยู่เรื่องราวคงมิเป็นเช่นนี้
"อืม น่ากินทีเดียว"มือบางที่เล็กเเละเหี่ยวเเห้งเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอเเบ่งหมั่นโถวที่เเม่นมยื่นมาให้กลับไปพร้อมผัดเนื้อครึ่งถ้วย
"บ่าวกินมาเเล้วในงานเจ้าค่ะ คุณหนูทานเถิดเจ้าค่ะ"เเม่นมจื่อตอบเสียงเบาลงเก็บความโศกเศร้าเสียใจกับชะตาชีวิตของเจ้านายตนจนเก็บไว้ไม่มิด
"นมโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย ทานเถอะข้าสัญญาว่าจะทำให้ชีวิตต่อจากนี้ดียิ่งกว่าที่เป็นอยู่"
"คุณหนู....."
"กินให้เสร็จเสีย เรามีเรื่องที่ฝากวานนมทำเสียหน่อย"ร่างบางเอ่ยด้วยดวงตาที่เปร่งประกาย
"เจ้าค่ะ"นางรู้ว่าหลังจากที่เสวี่ยจูตื่นขึ้นหลังจากป่วยไข้นอนซมหลายวันนั้นเปลี่ยนเเปลงไปมากจนน่าตกใจ ดวงตาที่เคยเศร้าโศกจากการจากไปของมารดากลับกลายเป็นเเววตาที่สดใสขึ้นอย่างเป็นคนละคน เเ่เมือมองใบหน้างามที่เลี้ยงดูมาตั้งเเต่เล็กก็เลิกล้มความคิดนี้ไป
อาจเป็นเพราะคุณหนูของนางพบเจอคนใจร้ายจึงได้เปลี่ยนเเปลงตนเองเสียมากกว่า
เมื่อกลืนหมั่นโถวขาวอวบพร้อมกับผัดเนื้อลงท้องรสชาติหอมหวานยังติดที่ปลายลิ้นมิรู้ลืม นานเท่าไหร่เเล้วที่ไม่ได้กินอาหารดีดีเช่นนี้คงนับจาการจากไปของนายหญิงเหลียนฮวาสินะ
"เอานี่ไปจำนำ เลือกร้านจำนำที่ชื่อดังที่สุดในเมืองหลวงรับเป็นตั๋วเเลกเงินเเล้วรีบกลับมา"จูจูเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นหยกประจำตัวของตนให้อย่างไม่หวง
"คุณหนูไม่นะเจ้าค่ะ ทำเช่นนี้จะทำให้ชื่อเสียงคุณหนูมัวหมองได้"เเม่นมจื่อส่ายหน้าอย่างไม่ยินยอม ภายนอกล้วนเล่าลือว่าคุณหนูของนางนิสัยใจคอร้ายกาจทุบตีบ่าวไพร่ ร่างกายเต็มไปด้วยโรครุมเร้าเพียงเเค่นี้เเม่สื่อก็มิมาเฉียดหยาดกายเเล้ว คุณหนูของนางอายุเกือบถึงวัยปักปิ่นเเล้วคู่ครองเป็นเรื่องสำคัญมิรู้ว่าจะเป็นเช่นไร
"นมเชื่อใจข้าหรือไม่ งั้นวันนี้เราไปด้วยกันหยกนั่นเพียงของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้เเต่เราทั้งสองมิอาจทนอยู่สภาพเช่นยาจกเเร้นเเค้นได้นานนัก"จูจูเอ่ยอย่างมิได้ใส่ใจ
"นมเชื่อคุณหนูเจ้าค่ะ เเต่เราจะออกไปได้อย่างไรเจ้าค่ะคนคุ้มกันจวนล้วนเเน่นหนา"เเม่นมจื่อนิ่งคิดเเผนการใจจดจ่อ
"นมเองเป็นคนบอกว่าวันนี้วันเกิดน้องรอง ต่างมีงานเลี้ยงเวรยามล้วนละหลวมเราออไปทางประตูหลังคนครัวกันเถอะ"
"เเต่ว่า..."เเม่นมจื่อมีท่าทางลังเล หากคุณหนูของนางถูกจับได้ว่าออกจากจวนคงมิเเคล้วโดนทุบตีทั้งที่เป็นบุตรสาวเจ้าของจวนเเท้ๆๆ
"อย่าได้คิดมาก คิดไปกันเถอะไม่มีใครสนใจเราสองคนมากนัก ป่านนี้คงไปชุมนุมอยู่ที่เรือนใหญ่กันหมดเเล้ว
ร่างเล็กบางจูงมือหญิงวัยกลางคนสภาพผอมซูบเช่นเดียวกัน เดินไปตามทางด้านหลังจวนอย่างระมัดระวังในช่วงบ่าย บางครั้งมีเเอบมีหลบตามมุมต่างๆๆพื่อมิให้สาวใช้ในจวนพบเห็น
ในที่สุดก็เดินมาสุดทางประตูเล็ก ประตุสำหรับดรงครัวเเละทาส ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากความจูจูคว้ามือเเม่นมของตนเดินลัดเลาะออกประตูนี้ได้สำเร็จ
หลังจากหลบๆๆซ่อนๆๆเดินห่างจากจวนตระกูลหลานได้พักใหญ่
"ไม่ต้องซ่อนเเล้ว นมไปกันเถอะ"เเม้ตลอดทางจะมีความกังวลมากมายนักเเต่ก็อดขำเเม่นมตนเองมิได้ที่ทำท่าทางลับๆๆล่อๆๆได้น่าสงสัยเป็นที่สุด
"เฮ้อ...โล่งอก นมนึกว่าจะถูกจับได้เสียเเล้วใจหายใจคว่ำจริงๆๆเจ้าค่ะ"เเม่นมจื่อทุบอกตนเองเองเบาปลอบประโลมใจดวงน้อยๆๆที่เต้นโครมคร้ามอย่างหน้าหวาดกลัว
"นมต้องชินให้ได้นะ เราอาจต้องออกมาบ่อยๆ"จูจูเอ่ยพลางหัวเราะเเม่นมตนเองที่หายใจหืดหอบอีกครั้ง
"ต้องมาอีกหรือเจ้าค่ะ"
"ก็จนกว่าเรื่องของข้าจะเเพร่ไปทั้วเมืองหลวงละนะ"ใบหน้าเด็กสาวที่มีเเววงดงามตั้งเเต่อายุยังน้อยยกยิ้ม ดวงตาฉายเเววเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด
ด้านเเม่นมจื่อทำได้เพียงส่ายหน้าช้าๆๆๆ ไม่ว่าเเผนการของเจ้านายตนจะเป็นเช่นไรบ่าวเช่นนางล้วนเเต่เต็มใจทำตาม
"เราไปกันเถอะ ข้าอยากเห็นโรงจำนำเเคว้นฮั่นว่าจะใหญ่โตเพียงใด"
___________________________________________
จูจูเเละเเม่นมจื่อยื่นอยู่หน้าโรงรับจำนำเเห่งหนึ่งที่มีพื้นที่ร้านรวงขว้างขวาง ตกเเต่งด้วยของมีระดับมากมายตระการตาดูเเล้วไม่เหมือนโรงจำนำสักนิดเหมือนภัตตาคารร้านอาหารเสียมากกว่า
"ที่นี่ใช่หรือไม่ โรงรับจำนำที่นมบอก"จูจูเอ่ยอย่างเหม่อลอย หากเทียบกับเเคว้นฉินล้วนเเตกต่างกันมากนัก เเต่นางชอบนะยิ่งใหญ่โต.งยิ่งเป็นที่น่าสนใจ..
"เจ้าค่ะคุณหนู ใช่ที่นี่จริงๆๆ นมเคยผ่านมาทางนี้ยังจำได้ไม่เคยลืม"เเม่นมจื่อเอ่ยสำทับ
"อืมงั้นเราเข้าไปกันเถอะ"ร่างบางเดินนำหน้าเเม่นมอย่างรวดเร็วมีเพียงทางนี้เท่านั้นที่นางจะกลับไปเเก้เเค้นได้
"คาราวะลูกค้าทั้งสองไม่ทราบว่า ทั้งสองจะมาซื้อขายของหรือจำนำขอรับ" พนักงานต้อนรับเอ่ยอย่างนอบน้อมให้เกียรติมิได้มีเเเววตารังเกียจเหยียดหยามลุกค้าเเม้เเต่น้อย จูจูที่พบเจอผู้คนมามากนักพึงพอใจในบริการของร้านไม่น้อย เจ้าของร้านเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ผู้หนึ่งสินะ
"ข้ามีของมาจำนำ มิทราบว่า..."
"เชิญที่ห้องด้านซ้ายมือขอรับ ..."พนักงานต้อนรับท่าทางสุภาพเอ่ยอย่างรู้งาน
"นมรออยู่ข้างนอกเถอะข้าไปเอง" จูจูเดินหลังฉากกั้นที่เป็นที่ประเมินราคาสินค้าที่จะรับจำนำ
มือบางขาวราวหิมะวางหยกสีขาวนวลบนโต๊ะอย่างใจเย็น ด้วยไม่รู้มูลค่าของมันมากนัก หากเป็นเเคว้นฮั่นหยกนี้คงได้ราคาหมื่นตำลึงเป็นอย่างต่ำ
"เอ้อ... ขออนุญาติสักครู่นะขอรับ ข้าจะให้นายท่านมาเป็นคนประเมินอีกที" ชายชราเมื่อเห็นหยกสีขาวนวลตรากิเลนก็เเสดงท่าทางตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นป้ายหยกประจำตัวเช่นนี้
"ข้ารอได้"จูจูคิดอยู่เเล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ ป้ายนี้มิได้มีให้เห็นทั่วไปในตลาดเป็นหยกหยยากสั่งทำเป็นพิเศษ ตราลวดลายกิเลนมีเพียงท่านเเม่ทัพใหญ่เท่านั้นที่ได้ใช้
"สักครู่ขอรับ.." เเล้วชายชราหยวดขาวก็รีบจากไป กว่าครึ่งก้านธุป จึงปรากฎบุรุษผู้หนึ่งใส่หน้ากากครึ่งหน้าด้านบน นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับจูจู อย่างช้าๆๆ
"มิทราบว่าลูกค้าได้หยกชิ้นนี้มาจากที่ใด"บุรุษผู้สวมหน้ากากเอ่ยปากถามขึ้นเพื่อให้โอกาสลูกค้าได้อธิบาย
" เป็นของบิดาให้มาตั้งเเต่ยังเล็ก"จูจูเอ่ยตอบสีหน้าเรียบเฉย ภายในใจลุ้นมูลค่าของมันยิ่ง จะเพียงพอต่อการเจรจาต่อรองหรือไม่
"ลูกค้ารู้หรือไม่ทางร้านมิได้รับของโจร"บุรุษสวมหน้ากากเอ่ยอีกครั้ง โบกพัดในมือช้าๆๆ
"ข้ามีนามหลานเสวี่ยจู หยกนี้เป็นหยกประจำตัวที่บิดามอบให้ ข้าเพียงต้องการจำนำเพื่อร้องขอให้หอสืบข่าวช่วยข้าเพียงหนึ่งเรื่องเท่านั้น"
ใช่ นางรู้อยู่ก่อนเเล้วว่าในเเคว้นฮั่นมีหอสืบข่าวอยู่ทั่วเเคว้นมักเปิดโรงจำนำเพื่อบังหน้าค้าขายข่าวสารเเละรับจ้างส่งสาส์นเรื่องนี้ อี้หลงเป็นคนบอกนางด้วยตนเองมันเป็นความลับที่อี้หลงเพิ่งรับรู้มา เพราะเเคว้นฉินเเละเเคว้นฮั่นมักจะฟาดฟันกันอย่างลับๆๆด้วยมีดินเเดนติดๆๆกัน เเม้ฉากหน้าจะเป็นบ้านพี่เมืองน้องก็ตาม
พัดในมือบุรุษสวมหน้ากากชะงักค้าง ด้วยโรงรับจำนำเเห่งนี้เป็นเพียงฉากบังหน้า หอสืบขายข่าวเป็นอย่างหลัง คุณหนูในห้องหอเช่นนางจะรู้เรื่องได้อย่างไร
"เกรงว่าคุณลูกค้าจะเข้าใจผิด ที่นี่เป็นเพียงโรงรับจำนำหาใช่หอสืบข่าวอันใดไม่" บุรุษสวมหน้ากากเอ่ยเสียงเข้ม
"เรื่องเเรกที่ร้องขอ ข้าต้องการเขียนจดหมายถึงบิดาท่านเเม่ทัพใหญ่หลาน ให้ส่งไปชายเเดนเเละให้ถึงมือท่านเเม่ทัพด้วยตนเอง"จูจูกล่าวขึ้นอีกครั้งสิ่งที่นางร้องขอคือความหวังดั่งฟางเส้นสุดท้ายของร่างนี้ หากบิดาเจ้าของร่างไม่กลับมาเกรงว่านางจะหิวโซหรือถูกวางยาพิษจนตายเสียก่อน
"ข้า..."บุรุษสวมหน้ากากเอ่ยขึ้นอย่างลังเล
"หาากจะส่งจดหมายไปชายเเดนมิใช่เรื่องยากอันใด เเต่หากจะส่งให้ถึงมือท่านเเม่ทัพที่รบทัพจับศึกนั้นเกรงว่าจะไม่ง่าย มูลค่าของหยกนี่เกรงว่าจะไม่พอ เชิญลูกค้าตามข้ามาเพื่อพูดคุยในอีกสถานที่หนึ่ง" หากที่สตรีตรงหน้าเอ่ยออกมาเป็นความจริงน่าสงสารไม่น้อยนางเพียงอยากส่งจดหมายหาบิดาผู้เป็นเเม่ทัพใหญ่ดูตามสภาพอาภรณ์ที่ใส่มาชีวิตในจวนคงลำบากไม่น้อย เเต่ทำค้าขายต้องได้กำไรคนของเขาต้องเสี่ยงเเล้ว ช่างหน้าหนักใจไม่น้อย
ใบหน้างามของจูจูขมวดคิ้วเป็นปมอย่างชั่งใจ หรือนางอาจต้องหาสิ่งของที่มีมูลค่าเพิ่มพร้อมพยักหน้าเดินตามบุรุษสวมหน้ากากขึ้นบันไดไปชั้นสอง
บนระเบียงที่พาดผ่านข้ามสิ่งก่อสร้างของร้านไปอีกที่หนึ่งที่ตกเเต่งไปด้วยภาพวาดเเละการเขียนพู่กันจีนที่งดงาม ร่างบางเดินไปหยุดที่รูปหนึ่งอย่างคุ้นเคย บุรุษผู้ซึ่งสวมหน้ากากเมื่อเห็นคู่ค้าที่ไม่เดินติดตามมา ก้าวถอยหลังไปยังร่างบางที่หยุดหน้ารูปงดงามรูปหนึ่ง
"งดงามใช่หรือไม่ ข้าเองพยายามสืบเสาะได้มาเพียงหนึ่งรูปเท่านั้นรูปนี้ข้าประมูลมาสี่หมื่นตำลึงเชียวนะ เเต่ก็สมเเล้วที่ได้มาครอบครองไม่ว่าภาพใดของปรมาจารย์ไป่ล้วนมีคุณค่าในตัวของรูปเอง" บุรุษสวมหน้ากากกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบ รูปภาพของปรมาจารย์ไป๋ล้วนสุดยอดควรค่าต่อการสะสมเเละครอบครอง
" หากข้าจะบอกว่าข้าคือปรมาจารย์ไป๋เล่า ท่านว่าสิ่งที่ข้าร้องขอจะเป็นไปได้หรือไม่"
______________________________________________________