09

1112 Words
“ฉันหมายถึงเธอเป็นพนักงานของฉัน” เขาแก้ให้แต่กลับยิ้มมุมปากที่ดูยังไงก็เจ้าเล่ห์ในสายตาเธอ “คุณหมายความว่า…” เธอหยุดไว้แค่นั้น เขาจึงเป็นฝ่ายพูดต่อเอง “ก็หมายความว่าจากนี้ไป ไม่ใช่แค่ aurora ที่เธอต้องช่วยฉันดูแล แต่ยังมีบ่อน ผับ คลับ บาร์ ก็อย่างที่เห็น ทั้งหมดนั่น…เธอจะต้องช่วยฉันทำ” เขาว่าพลางชี้ไปที่กองเอกสารที่อยู่ในห้อง “ตะแต่ว่า…” ให้ตายสิ! เธอรู้สึกว่ามันคือหน้าที่อันหนักอึ้งที่มาโดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว “ถ้าเธอคิดว่าเงินจำนวนนั้นมันยังน้อยไป จะเรียกเพิ่มฉันก็ไม่ว่า” เขายังคงนั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีสบายๆ ต่างกับเธอที่ยังคิดไม่ตก “ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินหรอกค่ะ คือฉันกลัวว่าจะช่วยงานท่านประธานได้ไม่เต็มที่ เอ่อ…ฉันกลัวว่าจะทำงานได้ไม่คุ้มค่าจ้างคุณซะมากกว่า” แน่นอน…เธอเป็นแค่พนักงานบัญชีเล็กๆ ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งจะได้มาทำตำแหน่งนี้ ที่สำคัญหญิงสาวแทบไม่เคยฝันถึงเงินเดือนจำนวนนี้ด้วยซ้ำ “แสดงว่าเธอจะไม่ทำ” เขาเลิกคิ้วถาม “ทำค่ะ” เธอรีบตอบทันควัน แน่นอนเพียงแค่เห็นตัวเลขแวบแรก ในหัวเธอก็คิดคำนวนเอาไว้หมดแล้ว ‘จ่ายค่าเช่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ส่งให้พ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด อา…! ถ้าได้แบบนี้ทุกเดือน เราก็ส่งน้องเรียนมหาวิทยาลัยได้น่ะสิ เผลอๆ เหลือไว้ใช้ส่วนตัวได้อีกต่างหาก ใช่! แกต้องทำ ห้ามปล่อยให้งานนี้หลุดมือเด็ดขาดนะพริบพราว’ “งั้นเรื่องที่เธอจะต้องทำงานที่นี่ต่อให้เสร็จคงไม่มีปัญหา?” คำถามเขาทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ “วันนี้ฉันไม่สะดวกค่ะ” หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนด้วยความลืมตัว ทำให้เขาขมวดคิ้วมองมาอย่างไม่ชอบใจนัก แต่ก่อนที่เธอจะทันได้บอกเหตุผล โทรศัพท์ที่เสียบชาร์ตเอาไว้ก็เกิดดังขึ้นซะก่อน ทำให้เธอต้องรีบวิ่งไปรับ “นี่นัยตัวแสบ แกหายไปไหนมาทั้งวัน แล้วทำไมเพิ่งเปิดโทรศัพท์ ลืมไปแล้วรึไงว่าแกต้องกินยาคุมนะ” เสียงแว้ดๆ ของเจติยาทำเอาพริบพราวต้องเบี่ยงหน้าออกจากโทรศัพท์ “พอดีวันนี้ฉันยุ่งทั้งวันเลย โทษทีนะแก” “แล้วนี่แกอยู่ไหน ฉันจะได้เอายาไปให้ แกต้องรีบกินนะ ชักช้าเดี๋ยวมันจะไม่ทันการ” เจติยาร้อนใจด้วยความเป็นห่วงเพื่อน “ฉันว่าคงไม่ต้องกินแล้วแหละ คือฉัน…” ยังไม่ทันที่พริบพราวจะได้พูดต่อจนจบ เพื่อนก็แว้ดๆ เสียงเขียวขึ้นมาอีก “บ้าไปแล้วเหรอ ถ้าท้องขึ้นมาจะว่ายังไง นี่แกคิดอะไรอยู่ฮะพราว ให้ตายสิ! อย่าบอกนะว่าแกจะปล่อยให้ตัวเองท้อง เพื่อจะได้แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นน่ะ” “โอ๊ย! ไปกันใหญ่แล้ว ใครเขาคิดแบบนั้นกันเล่า ที่ฉันบอกว่าไม่ต้องกินเนี่ย เพราะว่าเมนส์ฉันมาต่างหากเล่า เพิ่งมาสดๆ ร้อนๆ เลยเนี่ย” “เอ้า! แล้วทำไมเพิ่งบอกเล่า ปล่อยให้ฉันพล่ามไปตั้งเยอะ มันเหนื่อยนะไม่รู้รึไง” เจติยาโวยวายอีก “ก็แกเอาแต่พูดๆๆ พูดไม่พักเลย แล้วจะให้ฉันแทรกไปตอนไหนไม่ทราบคะคุณเจติยา แต่ก็ขอบใจแกมากนะเจที่คอยเป็นห่วงฉันทุกเรื่อง นี่ถ้าไม่มีแกอยู่ข้างๆ ฉันแทบไม่รู้เลยว่าชีวิตฉันจะเป็นยังไง รักแกนะเจ” พอได้ยินเธอบอกรักคนอื่น คนที่ยืนฟังอยู่ข้างประตูก็ถึงกับทำท่าฮึดฮัดครั้งแล้วครั้งเล่า “หยุดพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนั้นเลยนะ ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย แล้วนี่ตกลงจะเอาไงต่อ ถึงเมนส์แกจะมา แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยผ่านเรื่องเมื่อคืนได้นะ ถ้าเมื่อคืนเขาทำอะไรแกจริงๆ แกต้องเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด ต่อให้เขาจะเป็นท่านประธานผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหน แกก็ไม่ต้องกลัว เพราะฉันนี่แหละที่จะช่วยแกเอง จำไว้นะพราวว่าไม่ต้องกลัว เพราะฉันจะอยู่ข้างแกเอง” ถึงจะซึ้งกับคำพูดของเพื่อนรัก แต่พริบพราวก็อดคิดหนักไม่ได้อยู่ดี “ฮัลโหลๆ นี่แกยังฟังฉันอยู่รึเปล่าเนี่ยพราว ทำไมถึงเงียบล่ะ” เจติยาเริ่มโวยวายอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ เพื่อนก็เงียบไป “เอ้อ…ฟังอยู่” พริบพราวตอบพลางถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก “แล้วนี่ตกลงแกจะเอาไงต่อ จะคุยกับเขาให้มันรู้ดำรู้แดง หรือจะปล่อยผ่านไปเฉยๆ” เจติยายังคงคาดคั้นต่อ ในขณะที่คนถูกคาดคั้นกลับไปต่อไม่ถูก “ฉัน…เอ่อคือ…ฉัน” “โอ๊ย! มัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นั่นแหละ วันนี้จะรู้เรื่องไหม ฉันว่าฉันไปหาแกตอนนี้เลยดีกว่า จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง” ความใจร้อนของเจติยาทำพริบพราวตาโตจนเผลอร้องออกมา “ไม่ได้” “อะไรของแกอีกเนี่ย ทำไมไม่ได้ ฉันก็ไปหาแก ไปนอนกับแกออกบ่อย นี่แกมีอะไรปิดบังฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย ถึงได้ไม่อยากให้ฉันไปหา” แน่นอนว่าถึงจะไม่ได้เห็นหน้า แต่เจติยาก็คงจะจับพิรุธได้ เพราะทั้งคู่นั้นคบหาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย “อะเอ่อ…ปละ...เปล่า ไม่มีอะไร ฉันก็แค่ไม่อยากให้แกต้องเสียเวลาเดินทาง ทำงานมาเหนื่อยๆ แกควรจะอยู่ห้องพักผ่อนสิ มีอะไรไว้ค่อยไปคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้ อีกอย่างฉันว่าฉันจะนอนแล้วด้วย” พริบพราวจำเป็นต้องปดคำโต ด้วยไม่อยากถูกเพื่อนบ่นหูชา “ไม่เสียเวลาเลยสักนิด เพราะตอนนี้ฉันอยู่หน้าห้องแกแล้ว” “หา! แกว่าแกอยู่ไหนนะ” เธอตะโกนถามหน้าตาตื่น “ก็อยู่หน้าห้องแกไง อย่าถามมาก รีบออกมาเปิดประตูเลย ยืนนานมันเมื่อย” คนฟังนัยน์ตาเบิกกว้าง ลนลานจนเลิกลั่กไปหมด จนในที่สุดก็ต้องสารภาพออกมาพลางร้องไห้ฮือด้วยความรู้สึกผิด “ฮือ…! เจ...ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้อยู่ที่ห้องอะแก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD