ย้อนไปเมื่อ 36 ปีก่อน...
“นี่มันอะไรกันคุณอำพล” เสียงเล็กแหลมถามสามีที่ผู้หญิงแปลกหน้าและอุ้มลูกน้อยเข้ามาในบ้านด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดและสงสัยกับภาพที่เห็น สามีโอบกอดประคองเธอตลอดที่เดินเข้ามาในบ้านจนมาหยุดยืนตรงหน้าหล่อน
“นุดีกับลูกของผม เราสองคนรักกันคุณสอง” อำพลบอกภรรยาแต่งของตนเอง
“ไม่จริง! ไม่จริงใช่ไหมคุณอำพล คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง” เธอถามเสียงสั่นเครือแล้วเดินไปหาทั้งสามคนพ่อแม่ลูกที่เหมือนว่าตอนนี้ตัวเองเป็นส่วนเกินในชีวิตของสามีไปเสียแล้ว
“มันคือความจริงคุณสอง ผมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยรักคุณ และที่เราแต่งงานกันก็เพราะผู้ใหญ่” อำพลบอกสองพร้อมกับดันร่างเล็กที่อุ้มลูกน้อยของตัวเองไปยืนด้านหลังตัวเองเพื่อปกป้องให้พ้นความโกรธของสองที่กำลังเดินพุ่งตรงมาทางตนเองและหญิงสาว
“รักงั้นเหรอคะ รักงั้นเหรอคุณอำพล แล้วคุณรู้จักฉันดีมากแค่ไหนถึงกล้าพูดแบบนี้” นางเดินมาผลักสามีตัวเองออกแล้วคว้ากระชากคนที่อุ้มเด็กที่ยืนซ้อนหลังสามีเข้ามาหาตัวเองอย่างรวดเร็วพร้อมตวัดมือใส่แก้มนวลของเจ้าหล่อน
เผียะ!
มือเล็กตวัดเต็มแรงจนคนที่อุ้มลูกอยู่หันไปตามแรงตบและกอดลูกน้อยแน่นเมื่อคนที่ตบหน้ากำลังยื้อแย่งลูกชายตัวเองไป
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณสอง!” อำพลตะโกนสั่งให้เธอหยุดพร้อมกับกระชากเธอเหวี่ยงออกไปเต็มแรงจนล้มหัวกระแทกกับมุมเสาของบ้าน
โอ๊ย!
“คุณกล้าเหวี่ยงฉันเหรอ คุณปกป้องมันเหรอคุณอำพล” หล่อนรับรู้ได้ถึงน้ำสีแดงข้นที่ไหลอาบหน้าตัวเองเมื่อหัวที่กระแทกมุมเสานั้นแตก แต่ก็ไม่ได้สะทกสะท้านเจ็บปวดเท่าใจที่มันถูกหักหลังในตอนนี้ หล่อนลุกขึ้นเช็ดเลือดที่เปื้อนแก้มตัวเองแล้วเดินไปหาสามีอีกครั้ง
“ผมจำเป็นต้องปกป้องลูกและเมียผม” เขาตอบกลับเธอไปเสียงเข้ม
“แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นใครสำหรับคุณคุณอำพล” เธอถามเสียงสั่นปนสะอื้นเจ็บปวดเมื่อสายตาของสามีที่มองมายังตนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธและความว่างเปล่าในสายตา
“คุณก็เป็นเพื่อนที่ดีของผม”
“เพื่อนเหรอคะ เพื่อนงั้นเหรอ ฉันไม่ต้องการ ฉันต้องการเป็นที่หนึ่งของคุณ ต้องการเป็นเมียของคุณเพียงคนเดียว”
“แต่คุณก็รู้ว่าความรักมันบังคับกันไม่ได้ เราแต่งงานกันมาห้าปี ผมไม่เคยแตะต้องคุณ เราอยู่กันแบบเพื่อน คุณเองก็ยอมรับมาตลอด”
“นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ฉันไม่ยอม พามันสองคนแม่ลูกออกไปจากบ้านของเราเดี๋ยวนี้คุณอำพล”
“เขาทั้งสองจะอยู่กับเราที่นี่ นุดีกับตาภูคือคนที่ผมรัก” เขาโอบกอดนุดีที่อุ้มเด็กชายภูเบศวัยสามเดือนไว้หลวมๆ ในวงแขนตัวเอง และภาพนั้นก็ยิ่งตอกย้ำความชิงชังของสองให้มีต่อสองแม่ลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“นมนิ่มมาพานุดีกับลูกผมไปยังห้องที่ผมให้เด็กเตรียมไว้ด้วยครับ” อำพลบอกนมนิ่มที่แอบอยู่ไม่ไกลให้มาพานุดีและลูกชายตัวเองไปยังห้องพักผ่อน และก่อนที่ทั้งสองจะถูกพาไป อำพลยังพูดกับเธออีก
“ขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องเจ็บตัวนุดี” เขาลูบแก้มเล็กที่ตอนนี้มีรอยแดงของมือสองขึ้นที่แก้ม
“ไม่เป็นไรค่ะคุณอำพล” เธอบอกเสียงหวานแม้จะเจ็บปวดและรู้สึกผิดกับผู้หญิงอีกคน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอไม่รู้จะไปไหน และชีวิตนี้หล่อนก็มีแค่อำพลคนเดียวเท่านั้นและตอนนี้ก็มีภูเบศตัวน้อยๆ เพิ่มมาในชีวิตอีกคน
“ไปรอผมที่ห้องนะ เดี๋ยวผมจะไปหาคุณที่ห้องของเรา” อำพลบอกภรรยาคนใหม่ตัวเอง
“ค่ะ นุดีจะรอคุณนะคะ”
“ครับ” เขาบอกเสียงหวานแล้วก็ส่งเธอให้กับนมนิ่มที่เป็นแม่นมของตัวเองตั้งแต่เด็ก ก่อนจะเดินไปลากภรรยาแต่งของตัวเองไปยังห้องหนังสือเพื่อพูดคุยตกลงกัน
“ผมต้องการให้เราอยู่กันอย่างมีความสุข” ทันทีที่เข้ามาในห้องหนังสือ อำพลก็เปิดปากพูดทันที
“ยังคิดว่าจะมีความสุขได้อีกเหรอคะ ในเมื่อคุณทำมันพังไปหมดแล้ว” หล่อนตอบกลับทันควัน
“ผมรู้ และคุณเองก็รู้ว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ ผมไม่ได้รักคุณ”
“แต่ฉันรักคุณ”
“ผมรู้ แต่ผมก็พยายามแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ ผมขอเถอะคุณสองให้นุดีกับลูกของผมอยู่ที่นี่เถอะ ให้เขาได้อยู่ที่นี่ และผมอยากให้คุณคิดว่าตาภูเป็นลูกของคุณ เพราะยังไงคุณก็เป็นหมันท้องไม่ได้” เขาบอกหล่อนกลับ
เฮอะ!
“ง่ายดีนะคะคุณอำพล”
“ผมรู้ว่าเรื่องนี้ผมผิด ผมเลวทั้งๆ ที่ผมแต่งงานแล้ว แต่ผมยังมีนุดีกับตาภู”
“เห็นแก่ตัวสิไม่ว่า ถ้าคุณอยากให้มันสองแม่ลูกอยู่ที่นี่ก็ให้แม่นั่นยกลูกให้เป็นลูกฉันสิคะ แล้วมันจะได้อยู่ที่นี่และลูกคุณก็จะได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วย แต่จะอยู่ในฐานะลูกของฉันไม่ใช่ลูกนังนุดี” หล่อนแค่นยิ้มเมื่อมีแผนในใจ
“ได้ ผมจะให้ตาภูเป็นลูกของคุณคุณสอง” อำพลรับปาก เพราะนี่คือทางเดียวที่เขาและนุดีกับลูกจะอยู่ด้วยกันได้ภายในบ้านหลังใหญ่หลังนี้
เธอมองหน้าสามีที่มีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าให้เห็น ยิ่งแค้นและเกลียดสองแม่ลูกนั่นและคนตรงหน้า ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะแค้นชังมากแค่ไหน แต่หล่อนก็ยังรักอำพลอยู่ดี ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมองไม่เห็นความรักที่เธอมีให้เขาบ้างก็ไม่รู้