เกลียดอะไรขอให้ได้อย่างนั้น

1172 Words
ทิพย์วารีเดินหาคนที่ตัวเองต้องการเจอทั่วทั้งงาน เมื่อเห็นผู้หญิงรูปร่างคุ้นตายืนอยู่ไม่ไกล ก็รีบเดินเข้าไปใกล้ ยืนรอให้ผู้หญิงคนนั้นคุยกับลูกค้าที่มาซื้อรถให้เสร็จก่อน เมื่อเธอคนนั้นอยู่ตามลำพัง ก็เดินเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง “ได้เจอกันสักทีนะคะ” ทิพย์วารีเงยหน้ามองด้วยรอยยิ้ม อยากจะหอมคนสวยที่ตัวเองกอดอยู่ แต่เกรงใจสามีเธอที่ยืนอยู่ไม่ไกล เลยเลือกที่จะกอดแน่นขึ้น แทนความรู้สึกทั้งหมดที่ตัวเองมี “น้องวาวนั้นแหละ ยอมว่างให้พี่สักที” มิรินมองหน้าทิพย์วารีด้วยสายตาน้อยใจ ถ้าพิธีกรของงานวันนี้ไม่ป่วยกะทันหัน เธอคงไม่มีโอกาสได้เจอทิพย์วารีเลย รู้ว่าทิพย์วารีเรียนหนักมาก แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ “แหะๆ วาวมีงานต่อนะคะ แต่อยากเจอพี่มิรินก่อนกลับ” ทิพย์วารียังมีงานต่อ เธอทำงานกลางคืนเพื่อหาเงินเรียน ตอนนี้ใกล้เวลางานของเธอแล้วด้วย อยากอยู่นานกว่านี้ แต่คงต้องไปแล้ว “เจอคนอื่นๆแล้วเหรอ” “ค่ะ” “เหรอ รีบใช่ไหม นี่จ๊ะค่าแรง รีบๆไปเลย” มิรินไม่อยากไล่ทิพย์วารีไปตอนนี้หรอก เพราะยังไม่หายคิดถึงคนอายุน้อยกว่าเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะเห็นอคินเดินหน้าตึงมาทางนี้นะสิ ยังไม่อยากให้ทิพย์วารีกับอคินเจอกันตอนนี้เลย ทิพย์วารีรับเงินเสร็จก็รีบไหว้ลาคนทั้งสองอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่อยากรับก็ต้องรับไว้ เพราะทางนี้พูดเองว่าถ้าเมื่อไหร่ที่จ้างเธอมาทำงานให้ เธอต้องรับเท่านั้น ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด อคินสาวเท้าเร็วขึ้น เมื่อเห็นแผ่นหลังขาวเนียนของคนที่ปฏิเสธตัวเองอยู่ไม่ไกล แปลกใจไม่น้อยที่เธอดูเหมือนจะรู้จักกับพี่สาวของเขา แต่คงไม่น่าแปลกหรอกมั้ง ก็พี่มิรินรู้จักคนเยอะ ที่สำคัญยังรับหน้าที่ติดต่อหาพีอาร์ พริตตี้ รวมทั้งประสานงานให้ทั้งบริษัทหลักและบริษัทที่เขาดูแลอยู่ด้วย เด็กคนนั้นคงเป็นคนที่พี่สาวจ้างมา “คินมานี่สิ” “ไม่ว่าง” “มานี่ก่อน!” “อะไรนักหนาวะ!” อคินเดินหัวเสียเข้าไปหาพี่สาวที่ยืนหน้าตึงอยู่ มีสามีแล้วไม่ได้ช่วยให้อ่อนโยนขึ้นเลย มีแต่จะห้าวขึ้นทุกวัน เพราะแบบอย่างไม่ดีด้วยละมั้ง เขาเลยไม่คิดอยากมีครอบครัว “แม่บอกว่าคินปฎิเสธเรื่องแต่งงาน จริงเหรอ?” มิรินถามน้องชายที่อายุห่างกันหลายปีด้วยใบหน้าจริงจัง ยิ่งอคินมีท่าทางไม่ชอบใจ เธอยิ่งหน้าตึงหนัก อะไรวะ! แม่หาเพชรเม็ดงามมาให้ขนาดนั้นยังไม่เอา ไอ้สวะเอ้ย! “ไม่ชอบอะ ไม่อยากมีเมียเข้าใจปะ” อคินพูดพลางพิงสะโพกเข้ากับพนังโรงแรม แม่งอะไรนักหนาวะ คนเขาไม่อยากแต่งงาน อยากใช้ชีวิตโสดแบบนี้ มันหนักหัวใครนักวะ! “จะทำตัวแบบนี้ไปถึงไหนอะ ผู้หญิงไม่ใช่ของเล่นนะ” “ก็ยังไม่เจอคนที่ชอบ แล้วจะอะไรนักหนาอะ ผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่เห็นมีใครมาโวยวายอะไรสักหน่อย ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลย เป็นอะไรไปหมดแล้ว คิดว่าจับคินแต่งงานแล้วคินจะเลิกเที่ยวหรือไง!” อคินทิ้งระเบิดลูกเบ้อเร่อออกจากอก เขารู้ว่าตัวเองเสเพล แต่คิดเหรอว่ามีเมียแล้วเขาจะหยุดเที่ยว มันหยุดไม่ได้หรอก ถ้าเขาไม่อยากหยุดเอง ใครก็หยุดเขาไม่ได้ทั้งนั้น “เหอะ! ถ้าคินไม่ใช่น้อง พี่จะต่อยปากแตก แดกหมาไปกี่ตัวห่ะ ทำไมถึงได้เห่าอะไรแบบนี้ออกมา” มิรินตรงเข้าไปง้างปากน้องชายขึ้น สอดส่องสายตามองหาหมาสักร้อยตัวที่อาจซุกซ่อนอยู่ข้างใน ถ้าไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นสามารถหยุดความเสเพลของอคินได้ เธอจะไม่ยกผู้หญิงคนนั้นให้น้องชายเด็ดขาด แต่ผู้หญิงคนนั้นคือความหวังเดียว คือคนที่พอจะหยุดนิสัยตอนนี้ของอคินได้ “โอ้ย! เจ็บ! เพราะเจอผู้หญิงแบบนี้อยู่เต็มบ้านไปหมดไง เลยขยาด ถ้ามีเมียก็ขอแบบไม่มีปาก ไม่มีเสียง เป็นใบ้ไปเลยยิ่งดี ไม่ใช่เถียงผัวฉอดๆแบบนี้” “สาธุ เกลียดอะไรขอให้แม่งได้อย่างนั้น” มิรินยกมือไหว้ก้มหัวลง จากนั้นเงยหน้าเป่าลมใส่หัวน้องชาย หวังให้สมพรปากอย่างที่พูดจริงๆ “พี่ภู เอาเมียพี่ไปเก็บดิ ปล่อยออกมาจากห้องทำไมวะ” เพราะโดนปฏิเสธเป็นครั้งแรก ซ้ำยังโดนพี่สาวแช่งให้มีเมียแบบนั้นอีก อารมณ์ที่มันไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งไม่ดีใหญ่ เมื่อพี่เขยไม่ยอมออกหน้ามาห้ามเมีย อคินเลยตัดปัญหาด้วยการเดินหนี ทิ้งงานที่ยังไม่เสร็จไว้ให้คนอื่นๆรับไปดูแลต่อ อคินขับรถคันโปรดของตัวเองออกไปจากโรงแรมที่จัดงานอย่างรวดเร็ว จุดมุ่งหมายอยู่ในหัว แม้จะเป็นผับที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่เขารู้มาก่อนแล้วว่ามันตั้งอยู่ที่ไหน แอบไปสำรวจเส้นทางมาแล้วด้วย แต่ยังไม่เคยใช้บริการ คืนนี้แหละเขาจะไปใช้บริการให้คุ้มเลย ทิพย์วารีมาถึงร้านตามเวลาที่แจ้งกับเจ้าของร้าน เจ้าของที่นี่ใจดีมาก แม้จะดูเจ้าชู้แต่เธอรับมือไหว มาถึงก็เปลี่ยนชุดที่ใส่เป็นชุดประจำร้าน ชุดเดรสรัดรูปสีดำสั้นเพียงต้นขา ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอะไร เพราะทำงานที่นี่มาเกือบเดือนแล้ว เธอเลยค่อนข้างที่จะชินกับมัน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอใกล้จะเรียนจบมหาวิทยาลัย เธอคงไม่มาทำงานที่นี่ แม้จะมีเงินสำรองแต่คิดว่ามันไม่พอ รายจ่ายในการรับปริญญามากทีเดียว เธอไม่อยากเดือดร้อนใคร เลือกมาหาด้วยตัวเองสบายใจที่สุด ร่างเพรียวระหงเดินอย่างมั่นคง แม้จะถือถาดเหล้าอยู่ในมือ จำนวนผู้คนในร้านไม่เคยเป็นปัญหา แม้จะโดนมือปริศนาปัดผ่านบั้นท้ายบ้าง เธอก็ยังเดินอย่างมาดมั่นไปยังโต๊ะที่เป็นจุดหมาย วางถาดที่ถือมาลงบนโต๊ะเบาๆ หยิบถังน้ำแข็งกับขวดเหล้าวาง ชงเหล้าให้แขกตามจำนวนคนที่มา จากนั้นก็เดินไปทำหน้าที่ต่อ เธอเรียนรู้งานค่อนข้างเร็ว เพราะเคยทำมาก่อน ช่วงที่ไม่ต้องการขอความช่วยเหลือจากใคร แม้จะเป็นเด็กกำพร้าและมีคนอุปถัมภ์ แต่ก็ไม่อยากเป็นภาระใครทั้งสิ้น ชีวิตนี้อยากดิ้นรนเอง แต่ก็ไม่เคยคิดจะลืมบุญคุณใคร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD