02
น่าเสียดาย
...น่ารักแล้วยังใจบุญอีกแม่คุณ!
“ขอบคุณนะคะพี่คนสวย! พี่ใจดีมาก ๆ เลยค่ะ หนูขอให้พี่มีแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ นะคะ ขอบคุณมากค่ะ!” คำพูดเจื้อยแจ้วเปล่งออกมาทั้งดวงตาเปล่งประกาย คนที่ได้รับพรและคนที่แอบฟังหลังเสาก็ถึงกับหัวเราะขบขันเพราะไม่คิดว่าเด็กตัวเล็ก ๆ จะเข้าใจเรื่องแบบนี้ด้วย
“จ้ะ สาธุเลย!”
“พี่คนสวยชื่ออะไรคะ หนูชื่อแป๋มนะ พี่คนสวยมาที่นี่บ่อยไหม มาช่วยหนูซื้อดอกไม้บ่อย ๆ ได้หรือเปล่า”
“พี่ชื่อกุ๊กค่ะ แต่ถ้าพี่ซื้อบ่อย ๆ พี่คงจนแน่เลย พี่เองก็ยังขอเงินแม่อยู่เหมือนกัน พี่ยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย”
‘กุลธิดา’ หรือ ‘กุ๊ก’ แนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ด้วยรอยยิ้มเอ็นดู หลังจากนั้นก็แสร้งทำหน้าเศร้าให้เพื่อนตัวน้อยเข้าใจว่าเธอเองก็คงไม่สามารถช่วยเหมาซื้อดอกไม้ได้ทุกวัน
หากแต่คนที่แอบซุ่มมองกลับเผลอพยักหน้าตอบเออออหงึก ๆ ไปด้วย
อ่า...ยังเรียนอยู่สินะ
ชายหนุ่มได้คำตอบที่ตั้งคำถามอยู่ในใจ เขาได้ยินบทสนทนาของสองคนชัดเจน สังเกตมองหญิงสาวคนนั้นและพลางคิดว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ บางทีเธออาจจะเป็นลูกค้าที่มาเที่ยวที่ร้านของเขา จนคิดเพลินไปถึงอายุอานามของเธอ แล้วก็พอได้คำตอบว่าเธอเป็นเพียงนักศึกษา
“งั้นหนูไปนะ ไว้เจอกันค่ะ”
“อ๊ะ อย่าวิ่งสิหนู เดี๋ยวล้มนะ เฮ้...รีบกลับบ้านเลยล่ะ เข้าใจหรือเปล่า” เธอตะโกนบอกเมื่อคู่สนทนารีบวิ่งแจ้นหายไปอย่างรวดเร็ว
ครืด...ครืด...
เสียงสั่นครืดคราดจากโทรศัพท์ของหญิงดังแทรกขึ้นทำให้เธอหยิบมันออกมา พลันเมื่อสายตาเห็นรายชื่อของคนที่โทรเข้าก็ถึงกับตาตื่นตกใจทันที
“เชี่ย!” เธอสบถคำด่าด้วยความตกใจเมื่อเห็นรายชื่อโทรเข้า และท่าทางนั้นกลับเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นของคนขี้เผือกมุมเสาอย่างตนุธิปได้มากขึ้นเป็นกอง
“ฮัลโหล ว่าไงเพื่อนรัก” หญิงสาวกดรับสายและปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด
“อ่า...ฉัน เอ่อ...คือฉันยังไม่กลับเลยอ่า พี่นายเขายังไม่พากลับเลย แต่ถ้าถึงห้องแล้วฉันจะรีบทำเลยนะ มีงานส่งอาจารย์แน่นอนแกไม่ต้องห่วงเลยมิล...จ้า รับทราบค่ะเพื่อนรัก ขอบคุณมากนะที่โทรมาเตือน สารภาพเลยว่าฉันลืมจริง ๆ ว่าต้องทำงานส่ง...โอเคแก ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
แกร๊ก!
“เวร!”
ทว่าฝีเท้าหนักในเงามืดดันพลาดเหยียบเข้ากับของบางอย่างบนพื้นจนเกิดเสียง และมันก็ทำให้หญิงสาวถึงกับหันขวับไปมองด้วยความตกใจ สีหน้าเธอตื่นตระหนกหวาดหวั่น เพ่งมองไปยังจุดมืดมนถึงได้ค้นพบถึงเงารูปร่างคนที่ยืนซุ่มอยู่ตรงนั้น
“คะ...ใครน่ะ! นั่นใคร!” เธอถามเสียงสั่น แต่ก็แสร้งทำใจกล้าเอ่ยถามสิ่งที่มองไม่เห็นในความมืด
ในหัวของเธอตอนนี้คิดจินตนาการได้สองอย่างไม่ผีก็คนนี่แหละ!
“ฉันถามว่าใคร!” เสียงเล็กตวาดกร้าวออกไปอีกครั้ง คราวนี้เธอหันไปหยิบไม้ท่อนใหญ่มาถือเอาไว้ ตั้งใจจะใช้มันป้องกันตัวเพราะดูท่าแล้วภายใต้เงามืดนั้นน่าจะเป็นคนไม่ใช่ดวงวิญญาณหรือสิ่งลี้ลับ
แต่ทว่า...
หมับ!
“กุ๊ก...”
“กรี๊ด!!!” เสียงเล็กกรีดร้องแผดลั่นเมื่อมีมือใหญ่จับหมับที่ข้อแขนของเธอในจังหวะที่กำลังกดสายตาและรอคอยบางอย่างในความมืด
“กุ๊ก! นี่พี่เอง พี่เองกุ๊ก พี่นายเองครับ” เจ้าของมือเอ่ยย้ำอีกครั้งและรวบร่างกายเล็กเข้าใกล้เพื่อให้เธอมั่นใจ กระทั่งเธอหยุดโวยวายและลืมตาขึ้นดูก็ถึงได้เห็นคนตรงหน้าอย่างชัดเจนและรู้ว่าเขาไม่ใช่ผีอย่างที่คิด
“พี่นาย!” เธอร้องเรียกชื่อคนตรงหน้าซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของตัวเอง นึกขอบคุณอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้เจอผีหลอกหรือถูกโรคจิตถ้ำมอง
ครั้นหันไปยังมุมมืดใกล้เสาจุดต้นเสียงที่เธอมั่นใจว่าตัวเองเห็นเงาคนราง ๆ แต่ในตอนนี้กลับมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
“มาทำอะไรตรงนี้ พี่ก็หาตั้งนาน”
“กุ๊กออกมาคุยโทรศัพท์น่ะค่ะ แล้วก็เริ่มมึน ๆ แล้วด้วยเลยไม่อยากดื่มอีก”
เธอมาร้านสังสรรค์แห่งนี้ตามคำเชิญชวนของแฟนหนุ่มที่เขานัดเจอกับกลุ่มเพื่อน แต่วันนี้เธอมีงานที่ต้องสะสาง ตั้งใจว่าหากกลับหอพักของตัวเองก็คงใช้เวลาค่อนคืนในการเคลียร์งานทั้งหมด หากดื่มต่อมีหวังเธอได้เมาหลับคอพับไม่มีงานส่งอาจารย์เป็นแน่
“ทำไมล่ะกุ๊ก”
“กุ๊กไม่อยากเมาน่ะค่ะ คืนนี้ว่าจะทำงานที่อาจารย์สั่งด้วย กุ๊กขอนอนที่หอตัวเองนะคะพี่นาย ไว้พรุ่งนี้กุ๊กค่อยไปนอนกับพี่นายนะ” หญิงสาวเอ่ยพลางมองแฟนหนุ่มอย่างนึกออดอ้อน
โดยปกติแล้วเธอมักจะนอนค้างที่คอนโดฯ ของแฟนหนุ่มเกือบทุกคืน เสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัวก็แทบขนไปอยู่กับเขาด้วยทั้งหมด แต่ในเมื่อมีงานที่ต้องสะสางเธอเองก็อยากจะอยู่ทำงานที่ห้องของตัวเองเนื่องจากเป็นส่วนตัวและมีสมาธิในการทำงานมากกว่า
“ได้ไงอะกุ๊ก! ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่าคืนนี้กุ๊กจะนอนกับพี่”
“พี่นาย...”
“พี่ว่ากุ๊กเอาเรื่องงานมาอ้างมากกว่า! มันจะอะไรนักหนาวะกุ๊ก ถ้าจะทำงานจริง ๆ ก็มาทำห้องพี่ก็ได้ป้ะ มีอะไรปิดบังพี่ก็บอกมาเหอะว่ะไม่ใช่เอาเรื่องงานมาอ้าง!”
เสียงเข้มตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจจนพานทำให้กุ๊กถึงกับหน้าถอดสี
“กุ๊กเปล่า กุ๊กทำงานจริง ๆ ค่ะพี่นาย งานต้องส่งอาทิตย์หน้าแล้ว กุ๊กกลัวทำไม่ทัน” หญิงสาวตอบเสียงสั่น พยายามใช้เหตุผลมาพูดกับคนตรงหน้าที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่มีทางฟังกันแน่
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทะเลาะกับเขาในเรื่องแบบนี้ เธอเลยรู้ดีว่าแฟนหนุ่มค่อนข้างเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจหากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“แล้วนี่อะไรวะ ใครให้ดอกไม้มา!”
หมับ!
“อ๊ะ” ร่างเล็กเซถลาเข้าหาแฟนหนุ่มเมื่อถูกกระชาก
คนอีกฝ่ายเปลี่ยนหัวข้อการสนทนามาเป็นเรื่องดอกไม้ที่อยู่ในมือของเธอแทน ตอนแรกเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกต แต่พอมองเห็นก็เลยหยิบยกเรื่องนี้เข้ามาผสมโรงเพื่อให้เหตุการณ์บานปลายมากกว่าเดิม
“ใครให้มา ตอบดิวะ!”
“พี่นาย กุ๊กเจ็บ...อ๊ะ!” กุ๊กน้ำตาคลอเมื่อแรงบีบของมือใหญ่หนักข้อมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ก็ตอบมาดิวะ!”
“กุ๊กช่วยน้องซื้อค่ะ กุ๊กเห็นน้องเขาเดินมาขายกุ๊กก็เลยช่วยซื้อไว้ กุ๊กเป็นคนซื้อเอง” เธอเอ่ยบอกเรื่องราวทุกอย่างเพราะรู้ดีว่าหากปล่อยเวลาไว้นานก็จะมีแต่ตัวเองนี่แหละที่เจ็บปวด
“แน่ใจ?” ร่างสูงผ่อนน้ำหนักมือลง สีหน้าและอารมณ์ลดระดับอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะปล่อยให้แฟนสาวเป็นอิสระเมื่อมองลึกถึงดวงตาก็เห็นว่าคำพูดนั้นคือความจริง
“แน่ใจค่ะ กุ๊กซื้อเองจริง ๆ”
“แล้วไป...งั้นก็ทิ้งมันไปซะ ทิ้งไว้ตรงนี้นี่แหละ” มือใหญ่จับรวบดอกไม้และโยนทิ้งลงสู่พื้นไม่รอให้เจ้าของมันอนุญาต
“พี่นาย...”
“อย่าให้พี่รู้ว่าใครแอบให้มา กุ๊กเองก็รู้ใช่ไหมว่าพี่ขี้หึงมาก อย่าหักหลังพี่นะ” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยบอกพลางจับปลายคางมนของแฟนสาวให้เชยขึ้นมอง
หญิงสาวพยักหน้าตอบรับและกอดรั้งร่างสูงใหญ่ของคนตรงหน้าเข้าใกล้
“กุ๊กไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ พี่นายวางใจได้เลย”
“น่ารักมาก เราเข้าไปข้างในกันเถอะ ส่วนคืนนี้ก็นอนที่ห้องพี่ งานน่ะจะทำวันไหนก็ได้ เข้าใจหรือเปล่า” วงแขนแกร่งเหนี่ยวรั้งเอวบางเข้าแนบตัวและพาเดินกลับเข้าไปยังตัวร้าน แต่ก็ไม่วายย้ำบอกถึงความต้องการดังเดิม
“แต่กุ๊กต้องทำงานจริง ๆ นะคะ กุ๊กต้อง...”
“อย่าทำให้พี่โมโหนะกุ๊ก”
“อึก!”
คำพูดไม่กี่คำของแฟนหนุ่มที่เอ่ยออกมาทำเอาเธอถึงกับสะอึก ดวงตาหวานเชยมองแต่เพียงเสี้ยววินาทีก็ต้องหลบหลีกเพราะรับรู้ถึงกระแสอารมณ์ของคนพูดได้ดีว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร
“เข้าใจที่พี่พูดไหม”
“ค่ะ...คืนนี้กุ๊กจะนอนห้องพี่” ใบหน้าสวยพยักรับบางเบาเมื่อไม่อาจหาญพอที่จะปฏิเสธความเผด็จการของแฟนหนุ่ม
และสิ้นคำตอบนั้นก็ได้รับเป็นแรงจูบหนัก ๆ อย่างพึงพอใจกลับมา ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินเข้าไปด้านในร้าน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคมขลับของคนในเงามืดทอดมองอยู่ตั้งแต่ต้น
ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ สาวเท้าเดินออกมาจากตรอกซอยเล็ก ๆ ก่อนที่เขาจะหยุดยืนแน่นิ่งอยู่ในจุดเดียวกันกับหญิงสาวที่เพิ่งเดินจากไป
นัยน์ตาคมกดมองไปยังดอกไม้สดสีสวยที่ถูกโยนทิ้งลงสู่พื้น เขาย่อตัวลงและจับสัมผัสที่กลีบของมันอย่างถนอมมือ หากแต่ไม่นานเขาก็หยัดตัวขึ้นและใช้ปลายเท้าเหยียบมันจนบี้แบนไม่หลงเหลือมูลค่า
“น่าเสียดาย...น่าเสียดายจริง ๆ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกบางเบาขณะที่เขายังยังคงทอดมองไปยังจุดที่คนสองคนเดินหายลับไปจนสุดสายตาแล้ว
แต่ไม่รู้เลยกับคำว่า ‘เสียดาย’ ของเขานั้นหมายถึงดอกไม้งดงามหรือผู้หญิงคนนั้นกันแน่...