13
คืนสนาม (1)
หมวกกันน็อกหลายสิบใบ
เสื้อสกรีนสีดำแดงประจำทีม
ประกาศนียบัตรความสำเร็จ
เหรียญและโล่รางวัลทั้งในและต่างประเทศ
ตนุธิปทอดสายตามองไปยังสิ่งของเหล่านั้นด้วยความคิดถึงและโหยหาสุดขั้วหัวใจ เขาก้าวเดินอย่างเชื่องช้า อยากใช้เวลาเก็บเกี่ยวกลิ่นอายภาพความฝันและความรักของตัวเองในอดีตให้ได้มากที่สุด
สิ่งที่ตั้งอยู่บนชั้นวางเป็นความทะเยอทะยานของตนุธิปทั้งหมด เขามุ่งมั่นตั้งใจ ลงมือลงแรงไปกับความฝันของตัวเองราวกับว่ามันเป็นเพียงอย่างเดียวที่สามารถหล่อเลี้ยงให้เขามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อได้
อาชีพนักแข่งเป็นอาชีพที่เขาใฝ่ฝัน...
ตนุธิปลากสายตาเคลื่อนผ่านจากโล่รางวัลนับร้อยไปยังภาพถ่ายที่เขานำมาจัดใส่กรอบสีทองอร่าม มันเป็นภาพที่เขากำลังขึ้นรับรางวัลผู้ชนะเมื่อสามปีที่แล้ว ภาพในเวลานั้นเขากำลังยิ้มมีความสุข สายตาสะท้อนถึงความหอมหวนในชัยชนะที่คว้ามา
หากแต่ภาพนั้นกลับเป็นภาพสุดท้ายที่เขาจะได้ยืนในจุดนั้น...
ครืด...ครืด...
แรงสั่นจากโทรศัพท์ทำให้ตนุธิปหลุดจากห้วงความคิดของตัวเอง เขาหยิบมันออกมา เห็นรายชื่อบนหน้าจอว่าเป็นลูกน้องคนสนิทอย่างเดย์ที่โทรเข้ามาก็กดรับสายทันที
“ว่าไง มึงมี...”
[นายครับ แย่แล้ว! ไอ้นายมันเอาเธอคนนั้นมาเป็นของเดิมพันในการแข่งครั้งนี้ครับ!]
ไม่ทันที่จะพูดจบประโยค คนปลายสายก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยความร้อนรน เฉกเช่นเดียวกับคนที่ได้ฟังก็ถึงกับกระวนกระวายตามไปด้วย
“มึงรู้ได้ยังไง” อยากรู้มากกว่านี้แต่ก็ต้องเก็บกลั้นอารมณ์
ตนุธิปแสร้งทำเมินเฉย พาตัวเองไปนั่งที่โซฟาและหยิบแก้วเครื่องดื่มสีอำพันมาจิบดื่มบรรเทาความร้อนรุ่ม แต่ในใจก็ได้แต่พร่ำพูดย้ำ ๆ ว่าให้อีกฝ่ายตอบคำถามเขาสักที
[เอ่อ...พอดีผมมาเสือกแถว ๆ สนามแข่งน่ะครับก็เลยบังเอิญเจอ]
“บังเอิญหรือมึงแส่ไม่เข้าเรื่องกันแน่!” เสียงเข้มตอบกลับทันที รู้ดีว่าลูกน้องของเขาคนนี้ชอบกินเผือกไปเรื่อย
[ก็แหม่...ผมได้ยินมาว่าไอ้นายมันจะลงแข่งวันนี้นี่ครับ ผมก็เลยแวะมาดู แล้วก็เจอเธอคนนั้นจริง ๆ ไอ้นายมันเอาเธอมาเป็นของเดิมพันครับนาย]
“แล้วไง? โทรมาบอกกูเพื่อ”
ยังจำคำพูดของเธอในคืนนั้นได้ดี เธอปฏิเสธการขอความช่วยเหลือจากเขาและกลับไปกับคนที่ทำร้ายเธอ
พอมาวันนี้จะให้เขาสอดมือไปช่วยก็คงได้หอนเป็นหมาอีกแน่
[นายไม่คิดจะช่วยเธอเหรอครับ]
“ช่วยแล้วได้อะไรวะ เขาเป็นอะไรกับกู ทำไมกูต้องช่วย”
ใช่...เธอเป็นอะไรกับเขา ทำไมเขาถึงต้องสละเวลาอันมีค่าไปช่วยเธอ
ชื่อของเขาเธอคงไม่รู้เลยด้วยซ้ำ มีแต่เขานี่แหละที่เฝ้ามองเธออยู่ในมุมมืดไม่เปิดเผยตัว แล้วก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าจะทำแบบนั้นไปทำไม!?
[แต่ผมเห็นเหมือนว่าเธอจะโดนทำร้ายด้วยนะครับ]
“...” สิ่งที่คนปลายสายพูดทำเอาตนุธิปหยุดกึกในทันที
[หน้าบวมช้ำ]
“...”
[ปากแตกเลือดออก]
“...”
[เนื้อตัวมีแต่บาดแผล]
“...”
[เฮ้ย! ไอ้นายมันเอาเชือกมัดมือเธอไว้ด้วยครับ! ผมเองก็เพิ่งเห็นนะเนี่ย]
และประโยคล่าสุดที่ได้ยินก็ทำเอาร่างสูงหยัดขึ้นจากโซฟาราคาแพงทันที สิ่งที่เพียรกลั้นพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดีเมื่อจินตนาการภาพตามคำที่เดย์พูด
“กูกำลังไป” พูดจบก็ตัดสายการสื่อสารก่อนจะเดินไปหยิบหมวกกันน็อกในตู้ชั้นวางและตรงปรี่ไปยังจุดหมายปลายทางทันที
สนามแข่งรถ
สิบนาทีไม่ขาดไม่เกินสำหรับการขับเคลื่อนยานพาหนะจากบ้านหลังใหญ่มายังสนามแข่งรถใจกลางเมืองที่ตัวเองก็เป็นหุ้นส่วนด้วยเหมือนกัน
ตนุธิปก้าวขาลงจากก่อนพร้อมด้วยหมวกเต็มใบคู่ใจที่กอดรั้งในอ้อมแขน และเพียงการปรากฏตัวของเขาก็ทำให้ผู้ตรวจสอบหน้าประตูถึงกับหลีกทางให้ยกใหญ่ บรรดาการ์ดดูแลความเรียบร้อยก็เข้ามารักษาความปลอดภัยให้กับผู้ถือหุ้นทันที
ร่างสูงก้าวเดินไปยังที่นั่งพิเศษสำหรับผู้เกี่ยวข้อง ระหว่างนั้นก็เห็นออสตินและเวย์คินยืนอยู่ใกล้ ๆ พอดี
“เฮีย ทำไงดีวะ สภาพกุ๊กตอนนี้แม่งแย่อะ ผมทนไม่ได้” เวย์คินรีบเดินเข้ามาหาตนุธิปด้วยความร้อนรน หลังจากที่ได้รับสายเขาก็โทรบอกพี่ชายให้มาที่นี่ด้วยกัน และพอเห็นสภาพของเพื่อนสนิทของเขารักก็ทำเอาแรงโทสะปะทุเกินขีดจำกัด
“นี่มึงไม่ได้หวังเคลมเพื่อนเมียใช่ป้ะ” เขาหรี่ตามองคนรุ่นน้อง
“ไม่ใช่มึงครับเพื่อน น้องกูมีเมียแล้ว รักมากด้วย!” ออสตินแทรกอย่างรู้ทัน และไม่วายตอกหน้ากลับไปเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
“สัส!”
“ไอ้นายมันน่าจะล่อให้มิลล่ามาที่นี่ กูคิดว่ามันคงจะส่งรูปของกุ๊กไปให้เธอดู ใครที่เห็นอยู่เฉยได้แม่งก็เกินแล้ว”
“แต่ผมไม่อยากให้มิลมา!” เวย์คิยแทรกขึ้นเมื่อพยายามกวาดสายตามองหาคนรักที่คิดว่าน่าจะถูกนายวางกับดักให้มาที่นี่
เขาอยากให้เธอเห็นแก่ตัวมากกว่านี้ อยากให้เธอปล่อยผ่านกับโชคชะตาของคนอื่น เพราะถ้าหากเธอมาที่นี่มันก็เท่ากับว่าตัวเธอเองนั่นแหละที่กำลังก้าวสู่ขุมนรก
“เฮีย ช่วยกุ๊กหน่อยได้ไหม ผมไม่รู้จะพึ่งใครแล้วว่ะ ผมหมดหนทางจริง ๆ”
“คือ?” ตนุธิปเลิกคิ้วถาม หากแต่ลึก ๆ กลับล่วงรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะขออะไร
“เฮียช่วยลงแข่งกับไอ้นายแทนได้ป้ะ ผมจ้างก็ได้ เฮียจะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย”
มุมปากหยัดยิ้มทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ทว่าเขากลับแฝงซ่อนความรู้สึกตัวเองเอาไว้ทั้งที่รู้ว่าไม่มิด พยายามปั้นหน้านิ่งไม่สนใจ แต่มันก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาเฉียบคมของเพื่อนสนิทอย่างออสตินไปได้
“แต่กูไม่ได้แข่งนานแล้วนะ ไม่ไหวหรอกมั้ง” คำว่ามั้งค่อนข้างเสียงสูงนิด ๆ
“เฮียผมขอร้องล่ะ ถ้าเฮียแข่งแทนแล้วชนะไอ้นายก็เท่ากับว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลง กุ๊กจะไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเลว ๆ อีก แล้วแฟนผมก็ไม่ต้องเสียใจ ส่วนไอ้นาย...ผมนี่แหละที่จัดการมันเอง!”
“ใจเย็นไอ้เวย์ กูไม่มั่นใจเลยว่ะ ถ้ากูลงแข่งแล้วแพ้ล่ะ” ตนุธิปแสร้งทำหน้ากังวล เขาถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ผิดกับหัวใจที่เต้นลิงโลดกระโดดหย็องร้องเฮ
“หนึ่งล้าน ผมพร้อมโอน!”
เงินจำนวนหนึ่งล้านเสนอขึ้นมาพร้อมกับโทรศัพท์ที่กดเข้าแอปพลิเคชันธนาคาร
“เฮ้ย ไอ้เวย์ เรื่องเงินมันไม่ได้สำคัญ กูแค่ไม่มั่นใจในฝีมือ...”
“สองล้าน!”
“เชี่ย! ไอ้เวย์ใจเย็น” ออสตินถึงตาโตรีบกระชากน้องชายมาเรียกสติแต่อีกฝ่ายก็ผละออก
“สามล้านก็ได้เฮีย!”
“ไอ้เวย์ มึงเป็นเอามาก”
“ห้าล้าน!”
“เย็ดเข้! บ้านมึงผลิตเงินหรือไงไอ้น้องเวร!” ออสตินยกมือทึ้งเรือนผมเมื่อตัวเลขเลยไปไกลกว่าที่คิดไว้มาก ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีแม่งก็ไม่ตอบรับสักทีทั้งที่จ้างให้ทำฟรี ๆ ก็พรักพร้อมมาตั้งแต่ต้นแล้ว
“หกล้าน!”
“ไอ้เวย์...”
“เจ็ดล้าน เอาเลขมากเฮีย จะโอนให้เดี๋ยวนี้!”
“สแกนเลย กูจะได้ลงไปเตรียมตัว” มือใหญ่หยิบจับโทรศัพท์ออกมาอย่างคล่องแคล่ว ใช้เวลาเพียงห้าวินาทีก็ปลดล็อกรหัสและกดเข้าแอปธนาคารเปิดคิวอาร์โค้ดรับโอนอย่างไว
ติ๊ง!
รายการเงินเข้า
บัญชี xxx-x-x8888-x จำนวนเงิน 7,000,000 บาท วันที่ xxx เวลา 23:36 น.
เสียงแจ้งเตือนจากแอปธนาคารดังขึ้นเป็นอันว่าข้อตกลงถูกตอบรับ
มุมปากยิ้มอย่างพึงพอใจ ใบหน้าฉายชัดถึงคนได้รับชัยชนะแม้ยังไม่ลงแข่งขัน
“ไอ้ควาย ยิ้มหน้าแป้นมึงเลย ภูมิใจไหมวะไถเงินน้องกูไปเจ็ดล้านเนี่ย” ออสตินเดินเข้าไปตบหัวเพื่อนสนิททันที นึกหมั่นไส้และคันไม้คันมือจนรู้สึกอยากวางมวยกันก่อนสักตั้ง
“เอ้า ก็ไม่เคยทำอะไรฟรี ๆ อยู่แล้วนี่หว่า ควรขอบคุณกูด้วยซ้ำที่จะลงสนามอีกครั้งเพราะเพื่อนเมียน้องมึงอะ สำนึกบุญคุณกูไว้ด้วย”
“เออขอบคุณมากเฮีย ขอบคุณจริง ๆ ชนะให้ได้นะเฮีย ผมขอร้อง” เวย์คินไม่ได้สนใจกับเงินที่เสียไปเลยสักนิด สิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดคือชัยชนะที่เขาอยากได้รับมากกว่า
“เฮ้อ...จริง ๆ กูไม่อยากแข่งเลยนะ แต่เห็นว่าน้องขอเฉย ๆ หรอก”
“ไอ้ควาย ไอ้สารเลว ไม่อยากแข่งแต่มึงเอาหมวกกันน็อกติดตัวมาทำเหี้ยไร!” ออสตินก่นด่าเดือดจัด คนรอบตัวเขามีไอ้พวกปากแข็งปากหนักทั้งนั้น
“มันติดมือมาเฉย ๆ กูไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย”
เออ...เอาที่มึงสบายใจ!