แรกสบตาพาขึ้นเตียง

1611 Words
2 แรกพบสบตาพาขึ้นเตียง ฉันเดินเคียงข้างยัยแพมด้วยความไม่มั่นใจนัก เพราะถึงฉันกับ ยัยแพมจะเป็นเพื่อนสนิทกัน เพราะเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ฐานะเราต่างกันมาก เพราะฉะนั้นสังคมเพื่อนฝูง คนรอบข้างก็ต่างกันด้วยเช่นกัน หากไม่จำเป็นฉันก็เคยแทบจะมางานแบบนี้กับยัยแพมเลย ก้าวเข้ามาในสถานที่จัดงาน ซึ่งแพมบอกว่าพี่ปาล์มของมันเหมาทั้งร้านไว้แล้ว มีวงดนตรีชื่อดังเล่นเพลงรักเบาๆ มีแขกในงานประมาณสิบกว่าคนเท่านั้น แน่นอนเพราะเรามาสายเล็กน้อย คนในงานจึงมองมาที่เราสองคนเป็นจุดโฟกัส แพมก็เดินเริ่ดๆ สวยๆ ตามสไตล์ของนาง ส่วนฉันก็พยายามเริ่ด แต่ไม่มั่นพอ จึงเดินก้มหน้าเล็กน้อย กระทั่งแพมมาหยุดตรงหน้าของใครคนหนึ่งที่ลุกจากเก้าอี้มาหาเราทั้งสอง “แพมมาพอดี กำลังจะโทร. หา” เสียงนุ่มๆ ของชายหนุ่มที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น “พี่ปาล์มคะ นี่ตาล เพื่อนสนิทของแพมค่ะ ที่เคยพูดถึงบ่อยๆ ไง” “สวัสดีค่ะพี่ปาล์ม ไม่รู้แพมนินทาอะไรตาลบ้าง” “สวัสดีครับตาล แพมไม่ได้นินทา แต่บ่นคิดถึงตาลบ่อยๆ เวลาไปเจออะไรสวยๆ ก็อยากให้ตาลมาด้วยกัน” “อ่อ แบบนี้นี่เอง” “นั่งก่อนๆ” พี่ปาล์มผายมือไปยังโต๊ะที่มีเก้าอี้ว่างอยู่ เพราะมีคนนั่งอยู่แค่...สองคนเท่านั้น คนหนึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ยัยปริม เพื่อนรักเพื่อนริษยาของยัยแพมมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยนั่นเอง อีกฝ่ายกำลังจิบเบียร์ด้วยท่าทีเก๋ๆ ส่วนเสื้อผ้าหน้าผม เริ่ดไม่น้อยไปกว่ายัยแพม ที่สำคัญเสื้อผ้า กระเป๋า และเครื่องประดับแบรนด์เนมทั้งนั้น และครั้นสายตาหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ ยัยปริม ดวงตาของฉันสบเข้ากับนัยน์ตาคมซึ้งของผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังมองตรงมาที่ฉันเช่นกัน เขายิ้มมุมปากเล็กๆ แต่ทำให้ใจฉันเต้นแรงแทบจะเด้งออกมานอกอก โอ้ หล่อมาก โอปป้าที่ไหนหลงมาที่นี่ ฉันเผลอมองกวาดทั่วร่างที่เห็นเพียงครึ่งตัว เขาเป็นคนหน้าหล่อเหลาเหมือนพระเอกเกาหลี ที่ดวงตาจะไม่ได้คมกว้าง แต่ไม่ได้ตาตี๋ ทว่ากำลังดีกับใบหน้าเรียวคม จมูกโด่งแต่พองาม ริมฝีปากแย้มยิ้มน้อยๆ ได้รูปสวย ดวงตามีพลังดึงดูดจนฉันลาสายตาจากเขาไม่ได้ แต่ยังมีแก่ใจสำรวจเขาต่อ ร่างไม่หนา แต่ไม่ได้ผอม กำลังดีเหมือนนักกีฬา และน่าจะสูงมาก เพราะแค่นั่งบนเก้าอี้ก็ทำให้ยัยปริมที่ตัวไม่ได้เตี้ย หัวของยายปริมเลยบ่าเขามาเล็กน้อยเท่านั้น “สวัสดีค่ะพี่เตนท์” เสียงทักทายพร้อมยกมือไหว้ชายหนุ่มของเพื่อนสนิททำให้ฉันนิ่งงันชั่วครู่ เมื่อรู้ว่าผู้ชายที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเพียงแค่สบตาคนนี้คือพี่เตนท์ คนที่เพื่อนซี้อยากให้ฉันได้กับเขานั่นเอง และฉันก็...คล้อยตามยัยแพมก็ตอนเห็นหน้าเขานี่แหละ พี่เรเหมือนไม่เคยมีชีวิตอยู่บนโลกเมื่อเจอผู้ชายคนนี้ ตอนนี้ฉันเข้าใจคำว่า มูฟออนไวก็ตอนนี้แหละ หากเขาสนใจฉัน ฉันก็พร้อมจะโบยบินไปกับเขาจริงๆ ให้ตายๆ ทำไมหล่อกระชากใจแบบนี้ กรี๊ดดดดดดดดด ฉันหวีดร้องอยู่ในใจ “หวัดดีครับ” เขายกมือรับไหว้ยัยแพม แล้วหันมาทางฉัน ก่อนยัยแพมจะเอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัด “นี่ตาล เพื่อนสนิทของแพมค่ะพี่เตนท์” “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ตาล...” เมื่อฉันยังยืนนิ่งมองเขาเหมือนถูกสะกดวิญญาณ ยัยแพมก็สะกิดฉันให้ได้สติ ฉันจึงยกมือไหว้เขาพร้อมกับเอ่ยเสียงสั่นเล็กๆ “สวัสดีค่ะ เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” “นั่งก่อนสิครับ” เขาลุกจากเก้าอี้เดินมาขยับเก้าอี้ให้ฉัน นั่นทำให้ฉันรู้ว่าเขาสูงมากๆ น่าจะเกิน 180 เซนฯ ไปมาก ที่สำคัญตอนเขาขยับเก้าอี้ฉันได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขา กลิ่นดีมาก มากเสียจนฉันมึนงง เสียศูนย์ โงนเงน ดีที่ว่ายัยแพมดันร่างฉันให้นั่งบนเก้าอี้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นอาจมีเซ เพราะเมาในความหล่อของผู้ชายชื่อเตนท์ “ใจคอจะไม่ทักทายเพื่อนเก่าเลยหรือไงยัยตาล” “สวัสดีเพื่อนเก่า” ฉันหันไปทักทายยัยปริมอย่างเสียไม่ได้ และทำให้พี่เตนท์หัวเราะเบาๆ “ยัยตาลกวนประสาทแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะพี่เตนท์” ยัยปริมฟ้อง พี่เตนท์ด้วยน้ำเสียงหวานๆ แต่ฉันฟังแล้วรู้สึกขนลุก “ตอนนี้พี่เตนท์นั่งด้วย แกไม่ต้องกวนประสาทฉันก็ได้นะยัยตาล” ยัยปริมหันมาบอกฉัน “เคร...เพื่อเห็นแก่พี่เตนท์” ฉันตอบด้วยสีหน้าอารมณ์ดี “แกไม่ต้องเรียกพี่เตนท์ เรียกคุณเตนท์ดีกว่า แกเพิ่งรู้จักเขานี่” ยัยปริมแนะนำด้วยความหวังดีปนหวังร้าย ฉันดูออก เจ้าตัวหวงคุณเตนท์ “ได้จ้า เรียกคุณเตนท์ก็ได้” ฉันก็ไม่อยากเรียกเขาให้ซ้ำกับเจ้าตัวเหมือนกัน “ดีครับ เพราะผมก็ไม่อยากเป็นพี่เตนท์สำหรับคุณนะ” “แล้วอยากเป็นอะไรเอ่ย” ยัยแพมแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าพร้อมชงเกินร้อย แค่คุณเตนท์ไม่ตอบ แต่หันมายิ้มหวานให้ฉัน ขณะมือเขาเคาะแก้วไวน์แบบเผลอๆ แต่ทำฉันมองไม่วางตา ผู้ชายคนนี้นอกจากหน้าตา รูปร่างดีแล้ว ท่าทีบุคลิกล้วนดึงดูดสายตาฉันได้ทุกท่วงที “ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก แต่ไม่อยากเป็นพี่แน่ๆ” “งั้นเป็น...” “ยัยแพม!” ฉันหันไปหวีดใส่เพื่อนซี้ กลัวมันจะชงจนแก้วระเบิดให้ฉันอับอาย “เป็นคนรู้จักกันธรรมดาๆ เนาะพี่เตนท์” ยัยแพมพูดจบประโยค นั่นทำให้ฉันโล่งใจได้ “ก็...แล้วแต่คุณตาลว่าอยากรู้จักผมมากขึ้นหรือเปล่า” “อยากสิ” เปล่า ฉันไม่ได้พูด นั่นคือยัยแพมพูด ทั้งที่ฉันได้แต่คิดอยู่ในใจ “แพม พอแล้วน่า ชงมากเดี๋ยวตาลกลัวนะ” พี่ปาล์มสะกิดแฟนตัวเอง และใช่ ฉันกลัว กลัวว่าคุณเตนท์จะกลัวฉันต่างหาก เพราะผู้ชายที่ไหนจะชอบผู้หญิงรุกแรง ทอดสะพานเร็ว เกิดเป็นหญิง เล่นตัวบ้างก็น่าจะดี แต่หันไปเจอสายตาพิฆาตของยัยปริม ฉันก็เปลี่ยนใจ “ค่ะ แน่นอนตาลก็อยากรู้จักคุณเตนท์มากขึ้น” ฉันพูดออกไปพร้อมยิ้มอย่างที่คิดว่าทรงเสน่ห์ที่สุด และไม่รู้เพราะรอยยิ้มนั้นหรือเปล่า คุณเตนท์รินไวน์ให้ฉัน “ขอบคุณค่ะ” แล้วฉันก็จิบไวน์ทันที บทสนทนาพื้นฐานก็เกิดขึ้นระหว่างเรา ซึ่งไม่ได้มีอะไรมาก เขาถามว่าเที่ยวกลางคืนบ่อยไหม ซึ่งฉันตอบไปตามความจริงว่าแทบไม่เคย นานๆ ทีมา เพราะถูกยัยแพมลากมามากกว่า “ยัยตาลปกติ ใช้ชีวิตอย่างแม่ชีค่ะ แต่งตัวบ้านๆ ไม่แต่งหน้าทำผม วันๆ ก็โหนรถเมล์ไปทำงาน” “รถไฟฟ้าย่ะ” ฉันแก้คำพูดที่ไม่เป็นความจริงทันควัน และทำให้ยัยปริมหัวเราะขำ “นั่นแหละยัยตาลค่ะพี่เตนท์” “อือ น่าสนใจ” คุณเตนท์ตอบสั้นๆ แล้วส่งยิ้มละมุนให้ฉัน พร้อมคุยเรื่องอื่นๆ ต่อไป ซึ่งน่าแปลกเขาไม่ถามเรื่องส่วนตัว แต่ชวนคุยเรื่องทั่วไปตามประสาคนที่เพิ่งรู้จักกัน เขาคุยสนุก และถูกคอ แม้ฉันจะต่างฐานะกับเขาไม่ต่างจากยัยแพมเพื่อนซี้ แต่ฉันก็ชอบอ่านหนังสือ ข่าวสารบ้านเมือง ศิลปะ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี เรื่องราวต่างๆ บนโลกใบนี้เท่าที่คนทำงานจันทร์ถึงศุกร์จะหาเวลาอ่านได้ เพราะฉะนั้นฉันจึงสามารถพูดคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง ลืมกระทั่งว่าเราอยู่ในงานปาร์ตี้ ลืมแม้กระทั่งเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างยัยปริม ส่วนยัยแพมกับพี่ปาล์มนั้น แยกตัวไปนั่งคลอเคลียกันบนโซฟาห่างออกไป นัวเนียแทบจะสิงกันอยู่ร่อมร่อ เพราะฉะนั้นเมื่อปาร์ตี้จบลง ทั้งสองรีบแยกตัวกลับทันที หลังจากฝากฝังคุณเตนท์ให้ไปส่งฉัน และเขาก็ไม่ปฏิเสธ ก่อนยัยแพมขึ้นรถพี่ปาล์มไป มันกระซิบข้างหูฉัน “ถวายตัวคืนนี้เลยแก ของดีๆ อย่าให้หลุดมือไปถึงยัยปริมนะโว้ย ไม่งั้นกูโกรธ” ฉันอยากจะด่ามันดังๆ แต่ที่ทำได้คือยิ้มแห้งๆ ตอบ มองมันทำท่าระริกระรี้ขึ้นรถพี่ปาล์มไป ท่าทางคืนนี้คงจัดหนัก ส่วนฉันก็ขึ้นรถคุณเตนท์ท่ามกลางสายตาริษยาของยัยปริม บอกทางเขา กระทั่งมาจอดหน้าคอนโดฯ ก่อนที่ฉันจะทำใจกล้า “ขึ้นไปดื่ม...เอ่อ...” กำลังคิดจะกาแฟหรือน้ำเปล่า หรือน้ำอย่างอื่นดี “ขึ้นครับ อยากคุยกับตาลต่อ” ฉันอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะให้เขาเคลื่อนรถเข้ามาจอดในบริเวณคอนโดฯ แล้วพาอีกฝ่ายเดินไปยังลิฟต์ ขึ้นไปยังชั้นเก้า ที่เป็นห้องพักที่ฉันเช่าอยู่ และนั่นแหละ...ฉันได้ถวายตัวให้คุณเตนท์อย่างที่ยัยแพมหมายมั่นไว้แล้ว แน่นอนฉันเองก็ต้องการแบบนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตาเขาแล้ว ...................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD