ความรักเฮงซวย
สองวันก่อนหน้านั้น...ภายในห้องพักของฉัน
“พี่เรคะ อย่าค่ะ”
“ทำไมล่ะ เราครบกันสามเดือนแล้วนะ”
ใช่แล้ววันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่ฉันกับพี่เรคบกัน แต่มันก็แค่สามเดือนเองนะ มันเร็วไปสำหรับการจะมีความสัมพันธ์ทางกายแบบนั้น ตอนนี้แค่กอดจูบมันก็มากพอแล้วสำหรับคนที่เพิ่งคบกันแค่สามเดือน
นั่นเป็นความคิดของฉันที่มองเรื่องความสัมพันธ์ทางกายนั้นต้องใช้เวลา หรือถ้าเป็นไปได้ น่าจะแต่งงานกันก่อนก็น่าจะดี
“อย่าบอกนะ ว่าจะมีอะไรกันตอนที่แต่งงานแล้ว” พี่เรถามเหมือนล่วงรู้ใจฉัน แต่ฉันก็รู้ว่าความคิดแบบนั้นโคตรเชย ล้าสมัย และอาจถูกหัวเราะเยาะได้ ฉันจึงอ้อมแอ้มตอบ
“ไม่ขนาดนั้น แต่อย่างน้อยสักหกเดือนหรือไม่ก็...”
“โอ๊ย บ้าไปแล้ว งั้นก็เก็บความบริสุทธิ์ไว้จนตายเหอะ!” พี่เรพูดด้วยความฉุนจากนั้นก็ผลุนผลันออกจากห้องไป
ทิ้งฉันไว้งงๆ กับช่อดอกไม้และเค้กหนึ่งปอนต์ ฉันเครียด แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะคำพูดของพี่เรก็แรงเกินไป ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ฉันก็นั่งกินเค้กจนหมดก้อน ดึงกลีบกุหลาบแดงแรงฤทธิ์ทิ้งที่ละดอกๆ จนหมดช่อ กลีบปลิวกระจายเกลื่อนห้อง ยิ่งเปิดพัดลมโหมใส่ จึงปลิวว่อนทั่วห้อง
คืนนั้นฉันจมกับความคิดตัวเอง ขณะที่เค้กเลอะปาก กลีบกุหลาบปลิวว่อน กระทั่งคิดได้ว่า...ฉันไม่อยากเสียพี่เรไป แต่เมื่อโทร. ไปหาเขา อีกฝ่ายกลับปิดเครื่อง ส่งข้อความไลน์ไปหา ก็ไม่เปิดอ่าน
เฝ้ารอการติดต่อกลับของเขาจนเผลอหลับไปบนโซฟา ตื่นมาพร้อมกับความงัวเงีย รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเผื่อจะมีมิสคอลฯ จากเขา หรือข้อความตอบกลับ แต่เปล่าเลย ว่างเปล่า ทว่าข้อความไลน์กลับได้รับจากอีกคนที่ฉันไม่คิดอยากจะพูดคุยด้วย นั่นคือกรกนก รุ่นพี่ที่ทำงานที่หลงรักพี่เรมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยด้วยกัน แต่จีบไม่เคยติด ทั้งอดีตและปัจจุบัน
และหน้าด้านสุดๆ เพราะพี่เรเป็นแฟนฉันแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่เคยละความพยายาม วันๆ พูดจาปั่นประสาทฉัน ด้วยการพูดถึงความหลังสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกับพี่เร ว่าเคยไปไหนด้วยกัน แต่ฉันไม่สนใจหรอก เพราะหากพี่เรเลือกฉัน นั่นแสดงว่ากรกนกไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขามากกว่าเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
แต่...แต่...ภาพที่กรกนกส่งมาให้ฉันดู คือภาพที่พี่เรนอนหลับซุกอกอวบๆ ของกรกนก และคลิปเสียงของทั้งสองคุยกัน
‘มาหากรแบบนี้ ตาลจะไม่ว่าเอาเหรอคะ’
‘อย่าพูดถึงเขาได้ไหม พี่เบื่อเขาเต็มที ผู้หญิงอะไรน่าเบื่อ โบร่ำโบราณ พี่จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว’
‘เรจะเลิกกับตาลเหรอ’
‘ถ้าจะคบกัน เรื่องแค่นั้นยังทำด้วยกันไม่ได้ จะคบไปทำไม ฉันไม่ใช่เด็กประถมนะ เวลาคบใครจะทำได้แค่กอดจูบ หอมแก้ม’
‘ถ้าไม่ไหวก็กลับมาหากรได้เสมอ’
จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงจ๊วบจ๊าบ สลับเสียงครางจากเบาไปหาหนัก รวมทั้งเสียงกระแทกกระทั้น ปนเสียงกรีดร้องด้วยความกระสันรัญจวน เด็กอนุบาลก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉันโกรธจนตัวชา แต่น้ำตาไม่ไหล และมันคงคั่งอยู่ข้างใน เพราะฉันนั่งนิ่งเหมือนถูกสาปเป็นเวลาเกือบชั่วโมง ก่อนเดินโซเซไปทิ้งตัวบนเตียง แล้วนอนตาลอยคว้างอยู่แบบนั้นนานแค่ไหนไม่รู้ กระทั่งหลับไป
ตื่นขึ้นมาด้วยท่าทีอ่อนเพลีย แต่ก็ต้องลุกไปอาบน้ำ ไปทำงานตามปกติ ทั้งที่ใจนั้นไม่ปกติ พังยับเยิน...พร้อมกับความรู้สึกพ่ายแพ้ เมื่อเจอรอยยิ้มอย่างผู้ชนะจากกรกนก ส่วนพี่เรนั้นเขาทำให้ฉันประหลาดใจสุดๆ เพราะคิดว่าเขาคงมึนตึงหรือเฉยชา หรือถึงขั้นบอกเลิก ทว่าเขากลับทำตัวปกติเหมือนว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ไม่เคยทิ้งฉันไปเมื่อคืน และไม่ยอมติดต่อกลับมาหลังจากคืนเกิดเรื่อง
“หน้าตาดูโรยๆ ไม่สบายหรือเปล่า” กลับลูบแก้มฉัน แล้วถามด้วยความห่วงใยอีกด้วย
ฉันอึ้งไปชั่วขณะ ยอมรับแม้จะทำใจไว้แล้วว่าวันนี้อาจถูกบอกเลิก แต่ลึกๆ ก็ยังไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะพี่เร คือผู้ชายที่ฉันแอบรักตั้งแต่เข้ามาทำงานที่บริษัทในวันแรก ดีใจแทบเป็นบ้าเป็นหลังที่เขาเข้ามาคุยกับฉัน และขอคบฉันหลังจากทำงานแค่สองเดือนเท่านั้น
“ก็ไม่ได้เป็นไรหรอกค่ะ เมื่อคืนแค่นอนดึกเท่านั้น” ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม ที่ตั้งใจส่งมอบให้กรกนกมากกว่า เพราะอีกฝ่ายจ้องฉันกับพี่เรด้วยสายตาขุ่นเคือง ก็แหงสิคงคิดว่าฉันจะอาละวาด บอกเลิกพี่เรเรื่องที่รู้ว่าเจ้าตัวมีความสัมพันธ์กับพี่เร
แต่ขอโทษนะ ฉันจะไม่ทำให้เธอสมหวังง่ายๆ หรอก ในเมื่อเธอเอาเซ็กซ์มาแลกเขาได้ ฉันก็ทำได้ย่ะ เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นแฟนฉัน ไม่ได้จะเอาเซ็กซ์ไปแลกแฟนคนอื่นเหมือนหล่อน!
ฉันคำรามในใจอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง เพราะชัยชนะแค่เอื้อม แค่ฉันทำตามใจเขา หรืออย่างที่คนเป็นแฟนกันควรทำในเรื่องนั้นอย่างเป็นเรื่องปกติ
“เพราะพี่ใช่ไหม”
ฉันไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ
“ขอโทษนะครับ ตอนนั้นพี่ไม่น่าใช้อารมณ์กับตาลเลย พี่ไม่ดีเองที่พูดจาแบบนั้น”
“ไม่หรอกค่ะ ตาลก็...เป็นอย่างที่พี่เรพูดจริงๆ แต่ตอนนี้ตาลจะปรับปรุงตัวเองแล้วค่ะ”
“ปรับปรุงยังไงเอ่ย” เขาถาม พร้อมยิ้มน้อยๆ ใจฉันก็อ่อนยวบแล้ว
“ยังไม่บอกตอนนี้ค่ะ คืนนี้พี่เรไปหาตาลที่ห้องนะคะ” ท้ายประโยคนั้นฉันกระซิบแค่ได้ยินกันสองคน
“ถามจริง”
“ก็ตอบจริงๆ นี่คะ”
“โอเค...คืนนี้เจอกันนะครับ”
“ค่ะ ตาลจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง” ฉันกระซิบบอกอย่างจริงจัง เพราะตัดสินใจแล้ว หากเรื่องนี้คือปัญหาที่ทำให้ความรักไปต่อไม่ได้ และเป็นการเปิดโอกาสให้นางตัวร้ายอย่างกรกนกเข้ามาแทรก ฉันจะแก้ไขให้ทุกอย่างมันคลี่คลาย แล้วเขี่ยนางตัวร้ายออกไปจากชีวิตรักของฉันกับพี่เรให้เด็ดขาด!
ทว่าหลังเลิกงานเย็นนั้น ฉันกลับห้องพักก่อน พี่เรบอกว่าเขามีนัดกับลูกค้าที่ผับแห่งหนึ่ง
ก่อนแยกตัวไปเขากระซิบบอกฉันแค่ว่า
‘อาบน้ำ แต่งตัวสวยๆ รอเลยนะ พี่จะรีบไปหาด่วนๆ เลย’
‘ค่า อย่าให้รอนานนะ’
แต่คืนนั้นนอกจากนาน จนดึกดื่น เขาก็ขาดการติดต่อ ราวกับถูกใครลักพาตัว เหมือนไม่ก็ใกล้เคียง เพราะตอนตีสามฉันได้รับคลิปเสียงเด็ดจากกรกนกอีกครั้ง
‘ไหนว่าจะไปหาตาลไง’
‘มาหากรก่อน ตาลตอนนี้เมื่อไหร่ก็ได้’
‘หมายความว่า’
‘ยังไงตาลก็เป็นของฉันอยู่ดี’
‘เลยมาหากรก่อน เพราะถ้าเรได้ตาลแล้ว ก็ต้องทิ้งกรอยู่แล้วใช่ไหม’
‘ฉันไม่มีวันทิ้งเธอได้หรอกกร เพราะไม่มีใครรู้ใจและถึงใจฉันมากไปกว่าเธอแล้ว’
‘ก็แหงสิ เพราะกรทุ่มเทกับเธอขนาดนี้ ยอมทุกอย่าง ทุกท่า ทุกที่ที่เรต้องการ เรจะหาใครให้ได้มากกว่ากรเหรอ’
‘ฉันรู้ รู้ว่าชาตินี้คงขาดเธอไม่ได้หรอก’
จบบทสนทนาก็มีเสียงเซ็กส์ สลับเสียงคราง เสียงพูดที่รัญจวน และเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังกระหน่ำ
จนฉันเผลอเหวี่ยงโทรศัพท์ลงพื้น ดีที่ว่าจอไม่แตก และยังไม่พัง แต่ก็ปิดการใช้งาน พร้อมกับทบทวนอย่างมีสติ แม้จะมีน้ำตาไหลอาบน้ำ
พี่เร...คงจะเก็บกรกนกไปตลอดชีวิตของเขา และฉันไม่ต้องการแบบนั้น ถ้าเขามีแค่ฉันไม่ได้ ฉันก็ไม่อยากมีเขาอีกต่อไป แม้ว่าจะอยากเอาชนะกรกนกอย่างไร ก็คงทำไม่ได้
เมื่อตั้งสติได้แล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ส่งคลิปเสียงทั้งหมดที่กรกนกส่งให้ แชร์ไปให้เขา พร้อมกับคำว่า ‘เลิกกันแล้วนะคะ แซบกันให้ถึงใจไปเลย เจอกันที่ทำงานไม่ต้องทักนะคะ ลาก่อน’
จากนั้นฉันก็ปล่อยโฮออกมาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง กระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นึกว่าพี่เรจะโทร. มาง้อหลังได้รับข้อความบอกเลิก แต่เปล่าเลย...เพื่อนสนิที่หนีเที่ยวต่างประเทศนานเป็นเดือนต่างหากที่โทร. มา ด้วยน้ำเสียงร่าเริง มีความสุขมากกก
...มันใช่เวลาไหม อีเวร!
“มึง กูกลับมาแล้วนะ”
“เออ นึกว่าตายไปแล้ว” ก็ตั้งแต่เดินทางไปวันแรก หายเงียบไม่ติดต่อ แต่ขยันไลฟ์ตามสไตล์ยูทูปเบอร์คนดัง ถ้าอยากรู้ว่าเจ้าตัวอยู่ไหนก็ต้องตามอินสตา-
แกรมที่มีคนติดตามหลักล้าน
“อิห่า แฉ่งเพื่อนได้ไง ว่าแต่มึงเป็นไรเปล่าวะ เสียงเครือๆ เหมือนคนเพิ่งร้องไห้”
“เออ กูเพิ่งร้องไห้ ตอนนี้น้ำตากูก็ไหล ตื้นตันมึงอุตส่าห์ถามไถ่” ฉันประชดเพื่อนสนิท
“โอ๊ย มึง อย่าประชดตอนนี้ บอกมาก่อนว่ามึงเป็นไร หรือโดนอิพี่เรฟันแล้วทิ้ง”
“อิห่า ปากมึงนะ เออ กูยังไม่โดน แต่เขาน่ะไปฟันคนอื่น แถมเป็นคู่อริของกูด้วย”
“ยายพี่กรอะไรน่ะเหรอ”
“เอ่อ นั่นแหละ”
“อ้าวเวร กูบอกมึงแล้วไงว่าเขาสองคนต้องซัมติงกันมาก่อน มึงก็ไม่เชื่อกูเลย”
“ก็ใครจะไปรู้ ถ้าซัมติงกันมาแล้ว ทำไมไม่เป็นแฟนกันให้รู้แล้วรู้รอด มาจีบกูทำไม”
“ก็คงอยากได้มึงด้วยไง คิดไม่ออกเหรอ แต่ช่างเถอะ มึงเลิกกับเขาก็ดีแล้ว คืนนี้มึงโสด มึงมาแรดๆ แถวนี้ รับรองผู้ชายคุณภาพเต็ม มึงจะมัวไปโศกเศร้าโศกากับผู้ชายเกรดบีทำไม เกรดเอรอแกอยู่นะ”
“เกรดเอจะเอาเกรดซีอย่างกูไปทำไมวะ”
“มึงก็ อย่าดูถูกตัวเอง มึงสวย หุ่นดี ตัวเล็กไปหน่อย แต่หน้าอกมึงชนะเลิศ คิดสิว่าจะเอาของดีตัวเองมาดักผู้ชายเกรดเอได้ยังไง”
“เอาตัวเข้าแลกเหรอ”
“โอ๊ย อิห่านี่ก็พูดตรงเกินไปแล้วนะ ของแบบนี้ หน้าตา รูปร่างมันคือด่านแรกที่ทำให้คนเราอยากรู้จักพูดคุยกัน มึงเองก็ปิ๊งพี่เรของมึง เพราะหน้าตาเขาไม่ใช่เหรอ”
“เออ...แล้วไง สรุปอุตส่าห์โทร. มาหาว่า...”
“คืองี้มึง ตอนไปเที่ยวนิวยอร์คกูเจอผู้ชายเกรดเอ เราคุยกันถูกคอ เขาพาเที่ยว เราก็สนิทกันเร็วมากมึง”
“สรุปมึงโทร. มาบอกว่าได้ผัวใหม่แล้ว”
“อิห่า ปากมึงนะ กูแค่จะบอกว่าเจอคนที่ถูกใจสุดๆ ตอนนี้เขากลับเมืองไทยพร้อมกู นี่กูเพิ่งลงจากเครื่องแล้วโทร. หามึงเลยนะ”
“เป็นพระคุณมาก”
“โอ๊ย มึงนี่นะ กูจะบอกมึงว่าคืนนี้มีปาร์ตี้ คุณปาล์มเขาจัดขึ้นพบเจอเพื่อนๆ ของเขา กูอยากให้มึงไปด้วย”
“กูไม่ได้เป็นเพื่อนกับคุณปาล์มของมึงนะ”
“แต่มึงเป็นเพื่อนสนิทของกูไง มึงต้องไป”
“กูเป็นเพื่อนสนิทคนละเกรดกับมึงนะ”
“มึงอย่ามาแบ่งเกรดตอนนี้ สำหรับมึงคือเกรดเอสำหรับกูเสมอ”
“กูอยากซาบซึ้งนะอีแพม แต่ตอนนี้กูไม่ไหวจริงๆ และกูไม่อยากไปไหน”
“มึงจะนอนร้องไห้ จมกองน้ำตาอยู่ที่ห้องในเวลาแบบนี้ไม่ได้ ถ้านังพี่กรรู้เข้าหัวเราะเยอะมึงแน่นอน มึงจะเป็นคนอกหักและขี้แพ้ไม่ได้นะมึง ทั้งที่คืนนี้มีผู้ชายเกรดเอเพียบ มึงมีโอกาสจะได้คบผู้ชายดีๆ”
“ดีๆ ของมึงคือรวยใช่ไหม”
“โอ๊ย ก็ทั้งหล่อ รวย โปรไฟล์สุดยอด มึงจะไม่เอาเหรอวะ”
“เกรดซีแบบกูคงเป็นได้แค่กิ๊ก หรืออาจไม่ได้เป็นแค่กิ๊ก แต่เป็นของเล่นชั่วคราว”
“มึงก็คิดอีกด้านหนึ่งสิ ว่าอย่างน้อยผู้ชายพวกนั้นก็เกรดคุณภาพนะโว้ย บางทีแค่มีเซ็กซ์ดีๆ เปิดโลกกว้างกับเขาบ้าง เพราะวันหนึ่งมึงมีแฟน แต่พร้อมจะเสียตัวคืนแต่งงาน ใครก็ทิ้งมึงทั้งนั้น มึงอย่าโลกสวย อย่าเพ้อฝันกับโลกนิยายที่มึงอ่านมาก”
“นิยายบ้าอะไร เดี๋ยวนี้นางเอกกับพระเอกเอากันตั้งแต่บทแรกนะ ยังแปลกหน้าต่อกันเลย”
“ฮ่าๆ ถามจริง”
“เออ ตามนั้นแหละ”
“มานะมึง กูอยากให้มึงเจอผู้ชายคนหนึ่ง เขาแบบดีงามอร่ามตามากมึง”
“ทำไม เขาเคลือบทองคำแท้ทั้งตัวหรือไง”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้ ทั้งหล่อ หุ่นแซบ รวย การศึกษาดี”
“ดีขนาดนั้นทำไมมึงไม่เอาเขาทำผัวล่ะ ไปเอาพี่ปาล์มของมึงทำไม”
“กูเจอเขาหลังเจอพี่ปาล์ม แต่กูก็ลองทอดสะพานแล้ว แต่เขาไม่ข้าม กูก็เสียดายมากมึง เพราะเขาอาจเมินกูเพราะเห็นว่าพี่ปาล์มชอบกูก่อน”
“โรคหลงตัวเองของมึงกำเริบอีกแล้วนะ”
“เออนะ กูเสียดายเขานี่ไง กูเลยอยากให้มึงได้เขา”
“ขอบคุณในความปรารถนาดีของมึง ขนาดมึงทอดสะพานแล้ว เขายังไม่เอา มึงคิดว่าเขาจะเอากูเหรอ”
“อ้าวอินี่ กูก็บอกอยู่นี่ไง กูเจอเขาทีหลังไง”
“เออ พอๆ อย่ามาบอกว่าเขาเป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่เอาผู้หญิงเพื่อนว่างั้นเถอะ”
“น่าจะ...หรือไม่กูถึงจะสวย รวย เริ่ดยังไง กูก็ไม่ใช่สเปกของเขา”
“กูว่าอย่างหลัง”
“มึงปากดีแบบนี้ มาเลย คืนนี้มาพิสูจน์เสน่ห์ตัวเองหน่อยเหอะ”
“มึงคะยั้นคะยอเหมือนอยากจะได้เอง”
“กูได้พี่ปาล์มแล้ว หล่อน้อยกว่าเขาแค่นิดเดียว แต่อย่างอื่นแซบมาก กูไม่อยากได้พี่เตนท์แล้ว แต่กูก็ไม่อยากให้คนอื่นได้ อยากให้มึงได้จริงๆ”
“มึงพูดเหมือนรักกูขนาดนี้ หรือจริงๆ มึงกลัวคนอื่นได้”
“เออ กูกลัวยัยปริมได้”
“สรุป มึงกลัวเพื่อนรักเพื่อนริษยาของมึงได้เขาว่างั้นเถอะ”
“เออ มันจะได้คนหล่อที่สุดได้ยังไง”
“กูนึกว่ามึงหวังดีกับกูจริงๆ แต่สุดท้ายมึงแค่กันท่ายัยปริมนี่นะ”
“กูหวังดีด้วย อิห่านี่มึงอย่ามาคิดโน่นนี่ให้มากความ”
“ว่าแต่ยายปริม จะไปงานคืนนี้ด้วยเหรอ มันรู้จักพี่ปาล์มเหรอมึง”
“เออ กูก็เพิ่งรู้ว่ามันรู้จักพี่ปาล์มมาก่อน และแม่งมันไปตั้งใจไปหาพี่เขาที่นิวยอร์กด้วยนะ แต่บังเอิญกูเจอพี่ปาล์มก่อนที่มันจะไปถึง ก็อย่างว่าแหละคนเราถ้าทำบุญร่วมกันมาก็ไม่แคล้วอยู่ดี” ท้ายประโยคเจ้าตัวดูกระหยิ่มยิ้มย่องกับชัยชนะนี้
“เอ่อ กูเข้าใจ มึงบอกว่าพี่เตนท์ไรนั่นหล่อกว่าพี่ปาล์มอีก ถ้ายัยปริมได้พี่เขาไป มึงกลัวจะได้แฟนหล่อน้อยกว่ายัยปริมว่างั้นเถอะ”
“มันไม่ขนาดนั้นหรอกมึง แต่กูไม่อยากให้มันได้คนเริ่ดๆ แบบนั้น กูอยากให้มึงได้มากกว่า”
ฉันพยายามเข้าใจความหวังดีของยัยแพม แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ เพราะมองมุมไหนก็คือยัยแพมกลัวยัยปริมได้คนที่เพอร์เฟกต์กว่าพี่ปาล์มไปนั่นเอง แต่ขี้เกียจเถียงกับมันแล้ว
“แต่คืนนี้กูไม่ไหวจริงๆ นอกจากใจสลายแล้ว กายกูสภาพโทรมสุดๆ และมึงคิดสิกูจะไปทำให้ผู้ชายหล่อ รวยเพอร์เฟกต์แบบนั้นสนใจกูได้ยังไง”
“มึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น กูจัดการเอง มึงก็รู้ว่ากูเทสต์ดีทั้งแต่งหน้าแต่งตัว และผู้หญิงหน้าตาสวย หุ่นดี แต่แต่งตัวเหมือนจะไปถวายเพลแบบมึง กูจัดการได้ ก็เหมือนเวลาออกงานที่มหา’ลัย กูทำให้มึงกลายเป็นดาวเด่นได้”
“แต่กูไม่ไหวจริงๆ กูเข้าใจมึงหวังดี แต่ใจกูแบบ...”
“ใจมึงจะแบบไหนก็เรื่องของมึง แต่ตอนนี้กูมาถึงคอนโดฯ มึงล่ะ รีบมาเปิดประตูห้องเดี๋ยวนี้!”
ฉันถอนหายใจแรงๆ ก่อนเดินไปเปิดประตูห้องพักให้เพื่อน พอเจอหน้าประโยคแรกที่อีกฝ่ายทัก
"ให้ตาย ยิ่งกว่าโทรม”
“ก็กูบอกแล้วไง” ฉันกระแทกเสียงใส่ยัยแพม
“เออ เดี๋ยวกูจะแปลงกายให้มึงเอง ลืมแล้วเหรอ กูยูทูปเบอร์ตัวท็อปด้านความสวยงาม ก่อนอื่น มึงไปอาบน้ำเลย”
ฉันอาบน้ำนานกว่าปกติ จนยัยแพมตะโกนหน้าห้องว่าตัวเปื่อยแล้วไหม หรือกำลังช่วยตัวเองอยู่
ปากคอมันเกินไปจริงๆ ฉันจึงออกมาจากห้องน้ำด้วยหน้าบึ้งๆ
นั่งเป็นหุ่นให้ยัยแพมแต่งหน้า ทำผมอยู่ราวครึ่งชั่วโมง จากนั้นมันก็หันตัวฉันไปยังหน้ากระจก ฉันที่ซึมๆ ไร้ชีวิตถึงกับตาถลนมองคนในกระจกอย่างชื่นชม โอ้โห ฝีมือแต่งหน้าของยัยแพมสมกับยูทูปเบอร์เรื่องความสวยงามมือต้นๆ ของเมืองไทย
ก็แหงสิ ชีวิตยัยแพมวันๆ มันก็วนเวียนอยู่กับการแต่งหน้า แต่งตัว กระเป๋าเสื้อผ้า รีวิวสินค้าก็อยู่แค่นั้น เป็นเจ้าแม่แฟชั่นตัวจริง มันจะแต่งหน้าโทรมๆ ให้ฉันสวยเป็นนางฟ้าได้ในราวกับเสก
“ไงล่ะ ตะลึงตัวเองเลย”
“โห ฉันก็ไม่ได้ขี้เหร่ไม่ใช่เหรอ”
“เออ นอกจากมึงไม่ขี้เหร่แล้ว แต่มึงชอบปล่อยตัวโทรมๆ ไม่รู้จักเสริมจุดเด่นของตัวเองให้เด่นเด้งกว่าเดิม”
“จะเด่นเด้งมากเกินไป เงินในกระเป๋าก็แห้งเหี่ยว”
“แล้วเครื่องสำอางคที่ฉันประเคนให้ก็ใช้ไปสิ แล้วไหนจะเสื้อผ้าแซบๆ ที่ให้อีกตั้งหลายชุด” ยัยแพมบ่นหูชา
“ไปทำงานเป็นฝ่ายดูแลเอกสารลูกค้า วันๆ ก้มหน้าก้มตาจอคอมพ์นะมึงจะให้แต่งเกินหน้าเกินตาฝ่ายเซลล์ไปทำไมล่ะ”
ฉันทำงานดูแลเอกสารของแผนกเซลล์ ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งมาสามปีแล้ว เงินเดือนดีกว่าที่เคยทำงานที่อื่นมา ส่วนพี่เรกับยัยกรกนกทำงานเป็นเซลล์ และแน่นอนเงินเดือนทั้งสองมากกว่าฉัน แถมเงินเปอร์เซ็นจากที่ขายได้อีกต่างหาก
“แล้วไง เซลล์สาวสวยเลยงาบพี่เรแกไปง่ายๆ ไง”
“พอแล้วไม่ต้องพูดถึงยัยนั่นอีก!” ฉันพูดอย่างเคืองๆ
“โอเค ไม่พูดก็ได้ งั้นเอาชุดนี้ไปใส่เลย”
“โห...ฉันบ้าไรเนี่ย ทั้งสั้น ทั้งคอลึก แถมน่าจะรัดรูปสุดๆ”
“ก็เราไปงานปาร์ตี้นะ มึงจะแต่งเหมือนไปทำงาน หรือไปถวายเพลไม่ได้ คนอื่นจะได้หัวเราะเยาะว่าฉันพาเพื่อนจากดาวดวงไหนไปงาน”
“ก็ไม่ได้อยากไปนะ”
“เออ ขนาดนี้แล้ว ไปเหอะ กูแต่งหน้าให้มึงสวยเป็นนางฟ้าแบบนี้ มึงจะมาปฏิเสธตอนนี้ กูเอามึงตายแน่อีตาล”
“เออๆ ไปก็ได้” จากนั้นฉันก็หยิบกึ่งกระชากชุดจากมือยัยแพมไปเปลี่ยนอย่างเสียไม่ได้ แถมมันยังคว้าเครื่องประดับจากกระเป๋าใส่ให้ฉันเป็นต่างหูกับกำไลข้อมือ
“โห มึง เด็ดว่ะ”
“เด็ดไรของมึง”
“ก็ดูสิ ชุดนี้มันเน้นรูปร่างมึงสุดๆ เห็นนมโตๆ เกินรูปร่าง มองเห็นเอวเล็กๆ สะโพกผายของมึงชัดเจนมาก นี่แหละความดีงามของมึง นอกจากหน้าสวย ตาโต ปากอิ่มได้รูป แม้มึงจะตัวเล็กเกือบเป็นคนแคระ แต่มึงเด็ดตรงตัวเล็กแต่สัดส่วนเร้าใจมาก บอกเลย ถ้ากูเปลี่ยนมาเป็นเลสฯ เมื่อไหร่ กูเอามึงทำเมียเป็นคนแรก”
“แต่ถ้าวันไหนกูเป็นเลสฯ กูไม่มีวันเอามึงทำผัว อย่าพูดเลอะเทอะ ขนลุก”
“โอ๊ย อิห่ากูพูดเล่น เห็นไส้เห็นพุงกันมาขนาดนี้ เอากันไม่ได้หรอก ที่สำคัญผู้ชายในโลกนี้ยังดีงามมึง กูคงชอบผู้ชายไปจนตายแหละ”
“พี่ปาล์มของมึงคงเด็ดจริงๆ”
“พี่เตนท์ก็น่าจะเด็ดมึง บอกเลยกูอยากให้มึงได้เขาจริงๆ”
“มึงกะให้กูถวายตัวกับเขาเลยว่างั้นเถอะ”
“เออ หากมึงคิดจะเลิกเป็นนางชี ถ้ามึงเอากับพี่เตนท์เป็นคนแรก กูเชียร์”
“เพราะเขาหล่อ”
“เออสิ หล่อ หุ่นดีมากแก คือระดับพระเอกของวงการยังสู้ไม่ได้”
“เว่อร์น่า”
“จริง ตอนแรกที่กูเห็น คือตาพร่าไปหมด นึกว่าซุปตาร์เกาหลีที่ไหนหลงมาให้เจอ”
“ตกลงเขาเป็นใครมาจากไหน”
“เขาเรียนอยู่หนังสืออยู่เมืองนอกตั้งแต่วัยรุ่น เรียนที่อังกฤษจนจบตรีแล้วไปต่อโทที่บอสตัน จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่นั่นอยู่หลายปี และตอนนี้เขาต้องกลับมาดูแลธุรกิจของครอบครัว”
“แล้วพี่ปาล์มของมึงล่ะ”
“คล้ายๆ กันเลย เขาเรียนหนังสือด้วยกันกับพี่เตนท์ที่อังกฤษ แต่ไปต่อตรีและโทที่อเมริกา หลังเรียนจบก็ทำงานต่ออยู่หลายปี และตอนนี้ก็กลับมาดูแลธุรกิจครอบครัวนั่นแหละ”
“พี่เตนท์กับพี่ปาล์มของมึงนี่เหมือนจะอยู่ด้วยกันตลอดเลยนะ ถามจริงเขาเป็นคู่เกย์หรือเปล่ามึง”
“เกย์บ้าไรล่ะ พี่ปาล์มจะมาเอากับฉันได้ไงล่ะ”
“ก็อาจทั้งสองแบบเลยไง”
“เออ เขาจะเป็นแบบไหนช่างเถอะ ตอนนี้เขาเป็นของกูแล้วไง”
“ขอให้เป็นของมึงนานๆ”
“กูจะทำให้เขาเป็นของกูตลอดไป”
“มั่นหน้ามั่นโหนกอีกแล้วมึง”
“กูชอบเขามากไง หล่อ รวย นิสัยดี ไลฟสไตล์เข้ากันได้ หายากมึงแบบนี้”
“ชอบแต่งหน้า แต่งตัว เที่ยวต่างประเทศเหมือนมึง”
“บ้าสิ เขาไม่ได้แต่งตัวจัด แต่มีเทสต์โว้ย เรื่องแต่งหน้าไม่ต้องพูด เขาหล่อธรรมชาติแค่ครีมบำรุงผิวดีๆ ก็เริ่ดแล้ว แต่จริงเรื่องเที่ยว เรื่องกิน เราไปกันได้ เพราะงั้นพอเขาชวนไปบาหลีในอีกสองวัน กูตอบตกลงทันที”
“ไปกันสองคนเหรอ”
“เปล่า มีเพื่อนๆ เขาไปด้วย”
“พี่เตนท์นั่นไปด้วยหรือเปล่า”
“เห็นว่าไม่ไป ไงล่ะสนใจพี่เตนท์ขึ้นมาทันทีเลยสิ เห็นว่าที่บ้านทำธุรกิจอสังหาด้วยนะ แต่กูก็ไม่ได้ถามพี่ปาล์มว่าธุรกิจบ้านพี่เขาแบรนด์อะไร อย่าว่าแต่ธุรกิจไรเลย แค่ชื่อจริง นามสกุลจริงกูก็ยังไม่ได้ถามพี่ปาล์มเลย เพราะกลัวพี่เขาจะคิดว่ากูสนใจพี่เตนท์มากกว่า”
ฟังคำอธิบายของยัยแพมแล้วฉันก็พอเข้าใจ ที่สำคัญก็ไม่ควรอยากรู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นเกินหน้าผู้ชายที่ตัวเองคบหาอยู่
“ไปเหอะมึง เดี๋ยวไปสาย”
“มึงเคยบอกไปสายนิดๆ เป็นจุดสนใจ”
“แต่มึงจะไปไม่ทันที่ยัยปริมจะโปรยเสน่ห์ใส่พี่เตนท์ก่อน แล้วมึงจะชวด”
“ดูมึงมีความมุ่งมั่นที่จะให้กูถวายตัวกับเขาจริงๆ นะ”
“เออสิ คืนนี้ได้ยิ่งดี มึงจะได้เลิกเพ้อถึงการเสียตัวในคืนแต่งงานเสียที อะไรที่ควรกินก็รีบกิน ยิ่งของดีๆ อร่อยๆ ยิ่งต้องรีบ”
“ตอนนี้กูอยากกินทุเรียน ไม่ได้กินนานแล้ว”
“ไว้วันหลัง ตอนนี้หากล้วยหอมกินก่อน”
“อิห่านี่!”
“ฮ่าๆ”
เป็นอันจบคำสนทนาระหว่างฉันกับยายเพื่อนซี้ขาหื่น ก่อนที่อีกฝ่ายจะบึ่งรถพาฉันมายังสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ซึ่งในชีวิตแทบไม่เคยย่างกรายมาที่นี่ เว้นแต่ถูกเพื่อนขาเที่ยวอย่างยัยแพมลากมาแบบนานๆ ที เช่นวันเกิดของเจ้าตัว หรือวันที่คลิปของมันยอดคนดูขึ้นหลักล้านภายในเวลาไม่กี่วัน
.................