ตอนที่3(100%)

1136 Words
"ตกลงเฮียคิดว่าสมควรเราไปโรงพยาบาลแล้วมั้ง" เพราะความเอ็นดู เขาเลยแทนตัวเองว่า ‘เฮีย’ ปกติเขาพอรู้มาบ้างว่านอกจากตัวเองกับพี่ชายและพี่สาว ก็ยังมีบรรดาน้องต่างมารดาอีกหลายคน แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะไปนับญาติลำดับพี่น้องด้วยกับใครอื่นอีก ต่อเด็กมุ้ยคนนี้ทำไมไม่รู้เขารู้สึกเอ็นดูเธอนัก เอ็นดูจนอยากรับมาเธอมาเป็น…น้องสาวสิ เขาต้องคิดกับเด็กสาวคนนี้ได้แค่น้องสาวเท่านั้น ก็โธ่…มณีกานต์เพิ่งเต็มสิบเจ็ดเท่านั้น เพิ่งมัธยมศึกษาจะให้คิดกับเธอเป็นอย่างอื่นเขาคงเป็นไอ้ชั่วหัวพญานาคเท่านั้น! "มุ้ยเปล่าบ้าค่ะคุณธาม แต่มันคือเรื่องจริงนะคะ ก็มุ้ยน่ะศึกษาด้านจิตวิทยามาพอสมควร อ่านหนักด้วยช่วงก่อนสอบ ว่าอาการแบบแม่มัทของมุ้ยน่ะ เขาเรียกว่าผู้ใหญ่มีปัญหาทางด้านจิตใจ แม่เขาแค่โหยหาความรักเท่านั้นค่ะ" เขานั่งฟังเด็กที่อายุแค่สิบเจ็ด เพิ่งจะสอบไล่จบชั้นมัธยมปลายมาไม่ถึงสิบวันแล้วก็อึ้ง เขาไม่ขัดคออีก ระหว่างทางกลับบ้านก็ฟังเธออธิบายตามหลักการดูสมเหตุสมผล พอถึงบ้านก็เลยอดถามเด็กสาวไม่ได้ว่าในระดับอุดมศึกษาอยากเรียนคณะอะไร แต่ก็เดาทางได้เล็กน้อยว่าเธอคงจะเลือกเรียนสายจิตวิทยากระมัง "มุ้ยอยากสอบเข้าเป็นทหารพรานหญิงค่ะ ตั้งใจเอาไว้มาก แต่...คงไม่ไหวค่ะ ไปสายตรงเลยคงไม่มีเงินพอ เลยวางแผนไว้ว่ามุ้ยจะเรียนมหาวิทยาลัยเปิด ทำงานเก็บเงินไปด้วย พอจบปริญญาตรีกับปริญญาโทด้านกฎหมาย แล้วค่อยไปสอบเข้าทีหลังก็คงได้ค่ะ" เด็กสาวบอกเล่าถึงแผนการเรียนออกมาได้เป็นขั้นเป็นตอนด้วยน้ำเสียงและแววตามุ่งมั่น เขาก็อดจะแอบเสียดายที่คนเป็นแม่มองข้ามสิ่งที่ดีของลูกสาวตรงนี้ไป จากตอนแรกที่คิดจะเข้าบ้าน เขาจึงคิดว่ามีบางสิ่งอยากเป็นทางเลือกให้เด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดคุยเจื้อยแจ้ว ทั้งที่ศีรษะก็แตก ใบหน้าและตามแขนขามีแต่รอยฟกช้ำเต็มไปหมด แต่มณีกานต์นั้นกลับดูไม่ทุกข์ร้อนหรือนั่งซึมทดท้อสงสารต่อโชคชะตาที่ด้อยของตนเองเลย …อายเด็กฉิบหายเลยไอ้ธาม… "มุ้ย…หากเฮียมีเรื่องอยากให้เราช่วย แต่ไม่บังคับนะ แล้วก็ไม่ใช่จะให้ช่วยฟรีแน่นอน มุ้ยพอจะช่วยได้ไหมครับ" มณีกานต์หันไปมองคนที่ดูเงียบขรึมอยู่แล้ว พอพูดถึงเรื่องอยากให้เธอช่วย สีหน้าเขากลับจริงจังเพิ่มอีกเป็นสิบเท่า ก็คิดเอาว่าคงจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากอย่างแน่นอน "อย่างนั้นคุณธามลองบอกสิ่งที่อยากให้มุ้ยช่วยมาดูก่อนดีกว่าไหมคะ ถ้าช่วยได้มุ้ยยินดีอยู่แล้ว ไม่ต้องจ้างมุ้ยหรอกค่ะ เพราะแม่เลี้ยงก็ใจดีจ้างทั้งแม่กับยายของมุ้ยมาแล้ว" รอยยิ้มแต้จริงใจของเด็กสาวที่ส่งมาให้ มันเหมือนความมืดที่ปกคลุมชีวิตเขา นับจากวันที่จากกรุงเทพมา บัดนี้เริ่มมีแสงหิ่งห้อยน้อยมานำทางได้อย่างไรก็ไม่รู้ ‘บ้าจริงทำไมหัวใจมันเต้นเร็วแบบนี้นะ’ ธาดาบ่นกับตนเอง เพราะเพียงรอยยิ้มจริงใจจากเด็กสาวตาโต กลับทำเอาคุณชายเพลย์บอยแบบตนเองถึงกับเสียทรงได้แบบนี้ มันออกจะเร็วไปหน่อยสำหรับคนเพิ่งถูกอดีตว่าที่ภรรยาหักอกมาสด ๆ ร้อน ๆ แผลยังมีเลือดซึมอยู่เลย "ไปเขื่อนกันไหมหนูมุ้ย" จู่ ๆ เขาก็ยังไม่อยากจะไปพูดคุยกันต่อหน้าผู้ใหญ่ทั้งสอง ธาดาอยากจะลองทาบทามเอากับเจ้าตัวโดยตรงเสียก่อน หากผลสุดท้ายจะหัวหรือก้อยจึงค่อยว่ากันอีกรอบ ส่วนมณีกานต์นั้น ก็อดจะหันไปมองหลานชายเจ้าของไร่เรือนเคียงฮักเล็กน้อยเสียไม่ได้ แต่เธอก็ระมัดระวังอย่างมากไม่ให้อีกฝ่ายฝ่ายจับสังเกตได้ว่าตนเองนั้นกำลังแอบมอง กะประมาณน้ำหนักว่าหากต้องจับเขาทุ่มหรือฟาดก้านคออีกฝ่ายเธอจะเอาเขาอยู่ไหม เพราะต่อให้สภาพภายนอกคนเราดูดีแค่ไหนแต่ภายในใจมันวัดกันไม่ได้ เด็กสาวอย่างเธอจึงท่องคำว่าระวังจนติดก้านเสมอ "ก็ได้ค่ะคุณธาม” ธาดานั้นอยากจะขำ แต่ก็พยายามอดกลั้นยิ้มแทบแย่ ก็เขาอายุแก่กว่าเด็กด้านข้างตั้งแปดเก้าปีเชียวนะ จะมองสายตาประเมินนั้นไม่ออกได้อย่างไร...เด็กหนอ...เด็กน้อย... และเกินจะห้ามมือได้ทัน เพราะรู้ตัวอีกทีธาดาก็พบว่าฝ่ามือตนเองลูบไปบนเรือนผมนุ่มที่ยังสั้นเพียงต้นลำคอเล็กเท่านั้นเข้าจนได้ "โอ๊ะ...เจ็บค่ะ" เพราะเพิ่งเจอขวดเบียร์ไปเต็มที่ย่อมระบมอยู่แล้ว พอถูกสัมผัสถึงไม่แรงแต่ก็เจ็บไปหมด นั่นเองชายหนุ่มจึงรีบร้อนชักฝ่ามือที่เผลอไผลของตนเองออกทันควัน "เจ็บมากไหม...เฮียขอโทษ" มณีกานต์ส่งยิ้มแหยไปให้แล้วจึงส่ายศีรษะเล็กน้อย บอกไปว่าเธอยังไหวไม่ถึงกับทนไม่ได้ 'เขื่อน' ที่ธาดาพูดถึง แท้จริงก็เป็นเพียงฝายกักเก็บน้ำของหมู่บ้านเท่านั้น ไม่ใช่เขื่อนใหญ่ที่กิ่วลมดังที่มณีกานต์เข้าใจ แต่ก็ดีแล้วไปไกลขนาดนั้นเธอเองก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก แดดในยามบ่ายแก่ยังร้อนอยู่มาก ชายหนุ่มเลือกจะพาคนที่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะขอความช่วยเหลือ หลบไปยืนมองลงไปยังฝายด้านล่าง ซึ่งตอนนี้เริ่มมีคนลงไปเล่นน้ำ บ้างก็ลงไปจับปลากันมากพอสมควร "เราตั้งใจจริงใช่ไหมเรื่องสอบเข้าเรียนต่อสายทหารหากมีทุนเรียนจริง" เขาเปิดประเด็นด้วยสิ่งที่คิดว่าตนเองพอจะแลกเปลี่ยนกับเด็กสาวข้างกายได้ มณีกานต์ไม่ใช่คนโง่ เรื่องที่หลานชายคนเดียวของผู้มีพระคุณกำลังเผชิญปัญหายิ่งใหญ่หากเขากลับกรุงเทพ สาวน้อยได้ยินมาจากผู้เป็นยายบ้างแล้ว หากคุณธาดามาเอ่ยปากกับเธอถึงขนาดนี้ เกรงว่าเรื่องให้เธอช่วยคงยิ่งใหญ่สูงค่าไม่ต่างจากผลตอบแทนที่จะได้รับอย่างแน่นอน "คุณธาม อยากให้มุ้ยช่วยเป็นเจ้าสาวให้ หรือว่ามุ้ยต้องเป็นมากกว่านั้นกันค่ะ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD