“เอ่อ ...ไปส่งที่ป้ายรถเมล์ได้มั้ยคะ วันนี้มีเรียนสิบโมง” ดอกรักอึกอักอยู่นานแต่เพราะใกล้เวลาไปเรียนแล้วเธอกลัวไปสาย อีกอย่างมาอยู่ไกลบ้านแบบนี้เดินทางไม่สะดวกเลยต้องขอร้องให้เขาช่วยพาเธอไป
“นั่งกินข้าว เดี๋ยวไปส่ง”
เธอนั่งลงตรงข้ามเขาก่อนจะตักข้าวกินจนหมดแล้วเดินตามคนตัวโตไปที่รถ
ระหว่างทางมันเงียบมากจนเธออึดอัดแต่เหมือนว่าเขาจะชอบเธอเลยไม่กล้าจะพูดหรือส่งเสียงอะไรออกมา
“จอดข้างหน้าก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเดินเข้าไปเอง”
แต่เหมือนว่าเสียงของเธอจะไม่เข้าหูเข้ามั้งเพราะนอกจากจะไม่จอดแล้วสิงห์ยังขับเข้าไปจอดที่หน้าคณะเธออีก
แล้วรถคันละหลายล้านแบบนี้เข้ามาจอดคนจะไม่ฮือฮาได้ยังไงล่ะ!
“เลิกเรียนกี่โมง”
“สี่โมงเย็นค่ะ สวัสดีค่ะ”
หมับ
“คะ?” สิงห์หยิบเงินยื่นให้แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะรับมัน
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะโดนเขาบังคับทางสายตา
“มีเงินแค่นั้นเธอใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง ...เอาไปใช้” ดอกรักยกมือไหว้เขาอีกครั้งก่อนจะลงไปจากรถ
เสียงซุบซิบมาจากทุกมุมของตึกสายตาพวกเขาจ้องมาที่เธอจนน่าอึดอัด
“ใครมาส่งอ่ะรัก รถหรูเชียว”
ดอกรักหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วยิ้มแหยๆ เธอไม่ได้บอกใครว่าตัวเองแต่งงานแล้วมันคงดูไม่ดีแน่
แล้วอีกอย่างเธอก็อาจจะหย่าในเร็ววันนี้การเอาเรื่องนี้ไปคุยกับคนอื่นก็คงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่
“แล้วจะรู้ไปทำไมเหรอจ๊ะ? ...ใครจะมาส่งรักมันก็ไม่แปลกหรอกแต่ที่แปลกคือพวกเธอต่างหาก
ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” โชคดีที่เพื่อนๆของเธอเข้ามาช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นคงต้องมานั่งตอบคำถามทุกคนจนไม่ได้ทำอะไรพอดี
“ขอบใจนะแก ...ฉันง่วงมากเลย
เพลียมากด้วย วันนี้ช่วยจดเลคเชอร์หน่อยนะ”
“ฮั่นแน่ ทั้งคืนเลยเหรอจ๊ะ
ร้อนแรงเหมือนกันนะเนี่ย”
“บ้าสิ ฉันไม่ได้ทำอะไรกับเขาเลยนะ
เราไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย” พวกมันพยักหน้าแล้วพูดพร้อมกันว่า...
“เป็นสิ!!”
“เออ เป็นก็เป็น
เฮ้อ”
“แก ...สามีแกมารับว่ะ” ดอกรักแทบอยากจะเอาหัวมุดพื้นให้ตายไปเลยเพราะนอกจากเขาจะไม่รออยู่ที่รถแล้วยังเดินมาหาเธอถึงโต๊ะอ่านหนังสืออีก
“ทำไมโทรหาไม่รับสาย?” สิงห์พูดเสียงนิ่งแล้วชูโทรศัพท์ให้เธอดู
เขาโมโหมากที่เธอขัดคำสั่งเขาอีกครั้งและโมโหมากกว่าเดิมตอนที่เห็นว่าดอกรักนั่งอยู่ข้างผู้ชาย
...หยามหน้ากันเกินไปแล้ว
“อ่านหนังสืออยู่ ไม่ได้ยิน”
“กลับบ้านได้แล้ว” ดอกรักยื้อมือกลับเพราะเธอกำลังติวกับเพื่อนอยู่กว่าจะติดเสร็จคงอีกหลายชั่วโมง
ถ้ากลับตอนนี้ทั้งเธอและเพื่อนก็ไม่ได้ติวน่ะสิ
“ยังกลับไม่ได้” เสียงหวานบอกเขา
“ทำไม? ...เพราะไอ้นี่เหรอ?” เขาเบนสายตาดุๆไปที่เพื่อนผู้ชายของเธอ
“เดี๋ยวฉันมาแปปนึงนะพวกแก ...ขอคุยด้วยแปปนึงค่ะ” สิงห์เดินตามเธอไปอีกด้านนึงของตึกซึ่งไม่มีคนเดินผ่าน
“คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย วันนี้คุณหาเรื่องฉันทั้งวันเลยนะ”
“ตรงไหนที่บอกว่าฉันหาเรื่อง?”
“ก็เมื่อกี้ที่คุณทำ คุณมาว่าเพื่อนฉันทำไมแล้วไหนจะมาบังคับให้ฉันกลับบ้านตอนนี้อีก”
“นี่กี่โมง? แล้วฉันบอกเธอว่าอะไร อยากไปไหนให้บอกฉันถ้าไม่อยากโดนลากไปรุมโทรมแล้วเอาไปขายซ่องก็อยู่ใกล้กับฉันไว้ถ้าจะติวหนังสือเธอก็ต้องบอก
จะทำอะไรก็ต้องบอก” เขาไม่ได้ตวาดเธอเหมือนทุกครั้งแต่สิงห์พูดด้วยเหตุผลซึ่งน้อยครั้งมากที่เขาจะทำแบบนี้
“ขะ ขอโทษค่ะ ปกติฉันติวกับเพื่อนจนเย็นอยู่แล้วเลยไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย
วันนี้ขอติวก่อนได้มั้ยแล้ววันอื่นค่อยเลื่อนเพื่อนอีกที”
สิงห์พยักหน้าแล้วเดินนำเธอไปที่โต๊ะ เขานั่งลงข้างเธอก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาเล่นรอเวลาที่ดอกรักติวหนังสือกับเพื่อนเสร็จ
“ไม่ต้องเกร็ง ...ฉันไม่ได้มากระทืบใคร”
เพื่อนของดอกรักต่างก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเพราะกลัวว่าจะไปทำให้เขารำคาญ
การติวในวันนี้จึงเสียงเบากว่าปกติ
“ฉันติวเสร็จแล้วค่ะ” สิงห์พยักหน้าก่อนจะเดินนำไปที่รถ
ตลอดทางที่กลับบ้านไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
“นอนไปได้เลยไม่ต้องรอ” ทันทีที่เธอลงจากรถเขาก็ขับกระชากออกไปจากตัวบ้านแบบไม่มีสาเหตุและไม่บอกเธอว่าเขาจะไปที่ไหน
“เป็นอะไรของเขานะ”
SING ON
ผมขับรถมาที่บ้านริมหาดที่มาแตร์ใช้ลมหายใจสุดท้ายของเธอที่นี่
น้ำตาผมไหลออกมาทุกครั้งที่เห็นทุกพื้นที่ในบ้าน
เห็นภาพของเราที่หัวเราะและมีความสุขด้วยกันหัวใจมันทั้งเจ็บและปวดเมื่อคิดว่าเธอไม่ได้อยู่เพื่อยิ้มให้ผมแบบนั้นอีกแล้ว
“ฮึก สิงห์คิดถึงแตร์มากๆเลยนะครับ
...มาหากันบ้างได้มั้ย” เตียงนอนที่เคยมีกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของเธอมันก็กลายเป็นความว่างเปล่า
เหมือนไม่เคยมีเธออยู่ที่นี่
...ผมควรทำยังไงที่จะได้เธอกลับคืนมา
ฟึบ
“ฮึก ฮือออ
กลับมาได้มั้ย ฮือออ”
ผมกอดหมอนของมาแตร์ไว้แน่นแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
การที่ไม่มีเธอในชีวิตมันช่างทรมานแหลือเกิน หนึ่งปีที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดที่จะลืมเธอเลยสักครั้งเดียว
ผู้หญิงที่เป็นรักครั้งแรกและรักครั้งสุดท้ายของผม
เธอได้เอาหัวใจของผมจากไปตลอดกาล
“ฉันรักเธอมาแตร์”