Chapter 2
เรื่องบนเตียง (2)
กว่าการแข่งขันจะจบลงเวลาก็ล่วงเลยมาจนครึ่งคืน ภัทรนันท์หันไปมองคนข้างกาย เจ้าตัวนอนกอดหมอนเปลือกตาปิดสนิท หล่อนหลับไปตั้งแต่ตอนไหนนั้นเขาก็ไม่ได้ทันสังเกต เพราะเกมครึ่งหลังสนุกและลุ้นจนไม่อาจละสายตาที่หน้าจอได้เลย
ลมหายใจที่สม่ำเสมอและร่างที่นอนตะแคงคุดคู้หันมาทางตน แพขนตางอนยาวที่เห็นได้ชัดเจนยามหล่อนหลับใหล สะกดสายตาคนมองให้เผลอจับจ้องอย่างไม่รู้ตัว ดูเหมือนปีนี้น้องสาวของเขาจะโตเป็นสาวสวยสะพรั่งขึ้นอีกเป็นกอง ความใกล้ชิดทำให้เขาได้หยุดคิดและพิศเพ่งมอง แรงดึงดูดบางอย่างทำให้ยื่นมือไปเขี่ยปอยผมที่ปรกอยู่ข้างแก้มให้พ้นไปจากกรอบหน้า รอยยิ้มเล็กๆ คลี่ออกมา เมื่อเห็นว่าหล่อนหลับลึกจนลืมไปว่าไม่ใช่เตียงนุ่มๆ ในห้องนอน
ชายหนุ่มปิดทีวีเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว แรกเริ่มเดิมทีเขาคิดจะปลุกให้หล่อนตื่นแล้วขึ้นไปนอน แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวน่าจะกำลังหลับสนิทในห้วงฝันดำดิ่งลึก เขาจึงเปลี่ยนใจไม่ปลุกโดยการสอดแขนช้อนร่างอิ่มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด เดินไปยังลิฟต์แล้วกดเลือกชั้นสี่...ในห้องนอนของหล่อน เขาจะพาไปส่งถึงเตียงนอนโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องตื่นขึ้นมาให้ขาดช่วงการพักผ่อน ในห้วงราตรีนี้ที่ยังอีกยาวไกล
ในห้องนอนสีชมพูหวาน เฟอร์นิเจอร์เข้าชุดตีมคิตตี้ทุกชิ้นตามความชอบของเจ้าตัว ภัทรนันท์วางร่างที่หลับสนิทลงบนเตียงนอนผ้าปูลายคิตตี้สีชมพูอย่างระมัดระวัง จัดท่าทางให้หล่อนนอนในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด...อดที่จะคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ยามสองมือแกร่งจับผ้าห่มลายคิตตี้มาคลุมกาย เขายิ้มให้กับความเป็นเด็กของอีกฝ่ายที่บ้าเจ้าแมวสีชมพูจนขึ้นสมอง หล่อนยังคงนอนหลับลึกไม่รู้เลยสักนิดว่าใครพามาส่งถึงห้องนอนแสนหวานราวห้องนอนของเจ้าหญิงในเทพนิยาย
+++++
"สายแล้วๆ ไม่น่าเลยเรา ไม่น่าดูบอลเป็นเพื่อนพี่ภีมเลย"
มินตราตำหนิตัวเองขณะกำลังรีบเร่งแต่งตัว วันนี้มีเรียนแต่เช้าแต่กลับตื่นสายจนแทบไม่มีเวลาแม้แต่จะทาครีมทาแป้ง ยังไงแล้ววันนี้ข้าวเช้าคงไม่ได้กิน คิดพลางคว้ากระเป๋าและขนมปังวิ่งออกจากห้อง เพราะกลัวว่าจะถูกดุจากคนที่นัดเอาไว้ให้รอไปพร้อมกัน
"พี่ภามไปแล้วเหรอพี่กล้วย"
หญิงสาววิ่งเข้าวิ่งออกห้องครัวเมื่อไม่เห็นพี่ชายตัวเองอยู่แถวนั้น ถามแม่บ้านจึงได้รู้ว่าเขาเพิ่งออกไปไม่นาน หล่อนวิ่งตามออกไปก็เห็นว่ารถของเขายังอยู่ เพียงแต่เจ้าตัวติดเครื่องเอาไว้แล้วพร้อมที่จะออกจากบ้านได้ทันที
ภัทรนนท์เหลือบมองกระจกส่องหลังพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ผุดพราวที่มุมปาก ปลายนิ้วแกร่งขยับเนคไทสองสามทีแล้วเข้าเกียร์ เหยียบคันเร่งช้าๆ เพื่อพาเจ้าลูกชายสุดหล่อออกจากโรงรถ ชายหนุ่มปรายตามองกระจกส่องข้าง เห็นน้องสาวตนวิ่งข้ามสะพานบ่อปลาคาร์ฟตามท้ายรถตนมา อารมณ์อยากแกล้งคนตื่นสายทำให้เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็น เขาจะแกล้งเพื่อดัดนิสัยให้หล่อนมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ให้วิ่งออกกำลังไปถึงหน้ารั้วบ้านนั้นคงจะดี คิดพลางหัวเราะกับตัวเองอยู่ในลำคอ
"พี่ภาม รออัยย์ด้วย รู้นะคะว่าเห็นน่ะ"
หญิงสาวตะโกนตามท้ายรถที่ยังคงเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เขาแกล้งให้หล่อนวิ่งตามจนเหนื่อยหอบ จนไปจอดรออยู่ที่หน้ารั้วบ้าน มินตราถอนหายใจเพื่อระบายความเหนื่อยแล้วเดินไปเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างๆ คนขับ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่อบอวลอยู่ในรถลอยมาปะทะจมูกเพียงวินาทีแรกที่เข้าไป
"พี่ภามแกล้งอัยย์ทำไมคะ มันเหนื่อยนะเนี่ย ไม่ต้องเลย"
เสียงของคนพูดยังเจืออาการใจเต้นแรง จากการที่ถูกแกล้งให้ออกกำลังกันแต่เช้า ได้เหงื่อตั้งแต่ยังไม่ถึงมหาวิทยาลัย
"ทีหลังจะได้เข็ด รู้ทั้งรู้ว่านัดเอาไว้แล้วก็ไม่รักษาเวลา เมื่อคืนนอนดึกล่ะสิท่า"
ถ้าบอกว่านอนดึกเพราะดูบอลเป็นเพื่อนใคร เขาคงจะต้องตำหนิกลับมา หญิงสาวรู้ทันจึงเลือกที่จะไม่พูดความจริง
"นอนดึกเพราะมัวเล่นกล้องของพี่ภามไงคะ มันใช้ยากต้องอ่านคู่มือถึงจะเข้าใจ"
คนขับหรี่ตามองคนข้างๆ เมื่อเจ้าหล่อนสอดมือมาคล้องท่อนแขนตนเอาไว้เพื่อง้องอน แววตาคู่คมแปรเปลี่ยนโดยพลัน มันฉายแววเชิงตำหนิในการกระทำที่ไม่ทันระวังตัว
"ทำอะไรน่ะฮึ!"
"พี่ภาม..."
เขาแกะมือเรียวออกจากท่อนแขนแกร่ง พร้อมตำหนิกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำแบบนี้ โตแล้วไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อก่อนที่จะทำอะไรก็ได้!"
"ขะ ขอโทษค่ะ"
คนถูกดุขยับถอยห่างมายังที่ของตน หน้าเจื่อนลงไปเพราะรู้สึกกลัวสายตาของเขายามนี้เหลือเกิน…หล่อนคิดอย่างน้อยใจ ทำไมการแสดงความรักในแบบพี่น้องถึงห้ามถูกตัวกันเหมือนวันวาน ไม่เข้าใจทำไมเขาถึงซีเรียสมากมาย...ต่างกันกับความรู้สึกในยามนี้ของภัทรนนท์ ลึกๆ แล้วเขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคิดอยู่เสมอว่าหล่อนไม่ใช่น้องสาวที่แท้จริง แล้วหล่อนก็ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาเหมือนวันวาน อะไรก็ตามที่จะสร้างความรู้สึกนึกคิดให้นอกลู่นอกทางไปจากสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง เขาจึงพยายามที่จะป้องกันความรู้สึกเหล่านั้น ก่อนที่จะถลำลึกลงไปจนความสัมพันธ์ในแบบเดิมๆ นั้นเปลี่ยนไป