Chapter 1 ซ่อน...รัก
รักที่แท้จริงคือการให้ ไม่จำเป็นต้องได้ครอบครอง
เงาพันธกานต์
BY กฤติณ
พี่
พี่ภีม ภัทรนันท์ เลิศอมรกุล
(อายุ 33 ปี วิศวกร, รองกรรมการผู้จัดการเดอะเรดเบดแอนด์บาร์)
เพราะยังไม่ทิ้งลายนิสัยเจ้าชู้ แม้เขาจะมีภรรยาที่กำลังมีโซ่ทองคล้องใจด้วยกัน
แต่นั่นไม่อาจใช้มัดใจผู้ชายอย่างภัทรนันท์ให้หยุดแค่เธอได้
เขาแอบส่งเสียเลี้ยงดูมีความสัมพันธ์ลับๆ กับแพรวา
สาวนักศึกษาปีหนึ่งขี้อ้อน และเธอยังเป็นเพื่อนกับมินตราน้องสาวของเขาเอง
ถึงแม้เขาจะมีผู้หญิงมากมายหลายคน หากแต่ว่าใจกลับเก็บใครบางคนเอาไว้
เธอคนนั้นเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวที่เขารักอย่างแท้จริง
พี่ภาม ภัทรนนท์ เลิศอมรกุล
(อายุ 33 ปี วิศวกร, รองกรรมการผู้จัดการเดอะเรดเบดแอนด์บาร์,
เป็นนักดนตรีประจำบาร์หน้าโรงแรม)
น้องชายฝาแฝดของภัทรนันท์...และเขาคือคนที่มินตราแอบหลงรัก
ด้วยเพราะสมองของเธอจดจำผู้ชายผู้เป็นฮีโร่ในดวงใจเอาไว้ตั้งแต่วัยเยาว์
แต่สุดท้ายเส้นทางรักของเขาและเธอจะเป็นอย่างไร
เมื่อคนที่มินตรารักอย่างแท้จริงกลับเป็นอีกคน
อัยย์ มินตรา เลิศอมรกุล
หญิงสาวผู้กำพร้าบิดามารดาเพราะท่านทั้งสองถูกลอบสังหาร
ญาติพี่น้องที่เป็นภัยทำให้หล่อนต้องมาอาศัยใบบุญของครอบครัวเลิศอมรกุล
หญิงสาวเติบโตมาท่ามกลางความรักของครอบครัวใหม่
ผู้ชายที่เป็นดั่งฮีโร่ในหัวใจ คนที่สบตากันในวันสูญเสีย
เขาคือใครกันแน่...ภัทรนันท์ หรือ ภัทรนนท์
แบม สิตางศุ์ มณีรัตนะ
ความสวยใช้ไม่ได้กับผู้ชายอย่างภัทรนันท์...
เหตุเพราะเขาได้เธอมาเพราะความเมา
แม้จะทุกข์ทนแต่ก็ต้องทนอยู่เพื่อลูกและศักดิ์ศรีของครอบครัว
ถึงแม้จะรู้ดีว่า...เขาเก็บใครบางคนเอาไว้จนเต็มหัวใจ
น้ำขิง แพรวา เยาวมาลย์
เพื่อนแก็งค์เดียวกับมินตรา เพราะความทะเยอทะยาน ขาดความรักความอบอุ่น
ความเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ขัดสนทางการเงิน
กลายเป็นปมด้อยอยู่ลึกๆ ในใจมานานวัน
หล่อนคือเด็กสาวธรรมดาๆ ที่อยากมีพร้อมเหมือนเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน
จนเมื่อได้มาพบกับพี่ชายคนโตของมินตรา...คำว่าเมียเก็บที่เขาหยิบยื่นให้
แลกกับความสุขสบายในชีวิต หล่อนจึงไม่มีรอที่จะคว้าเอาไว้
+++++
Chapter 1
ซ่อน...รัก
บริเวณสนามหญ้าหน้าอาคารสูงขนาดห้าชั้น ปาร์ตี้เล็กๆ กำลังเริ่มขึ้นขณะที่ความมืดโรยตัวเข้ามาห่มคลุม บ้านตึกสวยหลังนี้คือบ้านของครอบครัวเลิศอมรกุล มีพันเลิศเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านตึกหลังนี้ บ้านที่เขาจงใจออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอย สี่ชั้นและหนึ่งดาดฟ้า มีลิฟท์ในตัวอาคารเพื่อความสะดวกสบาย และมีการขออนุญาตสร้างและจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เหตุผลของพันเลิศคือต้องการให้ทุกคนอยู่ด้วยกันแม้จะมีครอบครัวแล้วก็ตาม ทุกคนในบ้านมีพื้นที่ส่วนตัวคนละชั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ของลูกชายคนโตเป็นชั้นสาม ลูกชายคนรองที่ชั้นสอง ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้นอยู่ชั้นเดียวกันกับพ่อและแม่ที่ชั้นสี่ มีห้องรวมที่ชั้นล่างไว้สำหรับพบปะพูดคุยทำกิจกรรมร่วมกัน
ปาร์ตี้ฉลองวันเกิดอายุครบสิบแปดปีเต็มของลูกสาวคนเดียวในบ้าน มินตรา...น้องเล็กของครอบครัว มีวงดนตรีเล็กๆ ของคนรู้จักมาร่วมขับกล่อมให้ความสุขสำหรับงานในค่ำคืนนี้ ภัทรนนท์รับหน้าที่เป็นมือกีตาร์และนักร้องไปพร้อมกัน เขาร้องเป็นประจำที่บาร์ด้านหน้าโรงแรมซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจอสังหาฯของครอบครัว โรงแรมขนาดกลางตอบโจทย์นักท่องราตรีที่มักแวะไปนั่งฟังเพลงและหาอาหารอร่อยๆ ทาน ค็อกเทลสูตรใหม่ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเดอะเรดเบดแอนด์บาร์
มินตราในเดรสสีขาวสะอาดชายกระโปรงฟูฟ่อง หล่อนคือนางฟ้าโดดเด่นที่สุดในค่ำคืนนี้ ผู้มาร่วมงานมีญาติๆ คนรู้จัก และเพื่อนในกลุ่มมัธยมปลาย หลังจากทุกคนอิ่มกับอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ที่ยกห้องอาหารของโรงแรมมาไว้ที่นี่ ก็จะเป็นช่วงเวลาลุ้นกับของขวัญ นั่นเป็นช่วงเวลาที่มินตรามีความสุขที่สุด และหล่อนก็รอคอยของเขาอยู่เพียงคนเดียว ใจนั้นคอยลุ้นว่าปีนี้ภัทรนนท์จะซื้ออะไรให้เป็นของขวัญ
ที่บ้านของหล่อนสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน ของขวัญวันเกิดจึงไม่เน้นมูลค่าที่เป็นตัวเงินมากกว่าคุณค่าทางใจ ที่ผ่านมาหากอยากได้อะไรก็มักจะเก็บเงินซื้อเอง อาศัยค่าขนมที่ใช้ไม่หมดฝากเข้าบัญชีเอาไว้ รวมทั้งเงินจากการขายภาพถ่ายออนไลน์ที่แม้ไม่มากแต่ก็ทำให้หล่อนมีความสุขที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง
แม้ที่บ้านจะให้เรียนเกี่ยวกับการโรงแรมเพื่อจะได้นำมาปรับใช้กับธุรกิจของครอบครัว แต่หล่อนก็รักการถ่ายภาพและรู้สึกได้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ วันก่อนตอนไปเดินซื้อของแล้วแวะไปโซนไอทีด้วยอยากได้กล้องคุณภาพดีๆ สักตัว แต่เห็นราคารวมไอเท็มเสริมแล้วถึงกับปาดเหงื่อ ราคาตั้งหลายหมื่นหล่อนไม่มีเงินที่จะซื้อ แม้อยากได้แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอพี่ชายตัวเอง แม้เขาจะเป็นคนคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้านก็ตาม
"ปีนี้ภีมซื้ออะไรให้น้อง...แกะเลยอัยย์ ทุกคนรอลุ้นอยู่"
ที่หลายคนลุ้นเพราะปีที่แล้วหล่อนได้แมคบุ๊คเป็นของขวัญ เนื่องจากคนให้รู้ว่าหล่อนจำเป็นต้องใช้งานเป็นประจำ ภัทรนันท์รู้ว่าน้องสาวตนชอบถ่ายภาพและขายภาพถ่ายออนไลน์เป็นงานอดิเรก เขาจึงช่วยสนับสนุนด้วยการซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับช่องทางการสร้างเงิน
กล่องเท่าซองจดหมายที่ไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร หญิงสาวบรรจงแกะโบว์และกระดาษห่อสีทองออกอย่างใจเย็น แม้ใจจะลุ้นว่ามันคืออะไรก็ตามที...เมื่อแกะออกมาแววตากลมโตก็ฉายแววงุนงง เพราะมันคือเงินจำนวนหนึ่ง แบงค์สีเทาใหม่เอี่ยมที่กะด้วยตาแล้วน่าจะมีราคานับหมื่นเลยทีเดียว
ภัทรนันท์หัวเราะออกมาเมื่อหล่อนเหลือบมอง เหมือนมีคำถามซ่อนอยู่ในแววตาคู่นั้น
“พี่ภีมซื้อของขวัญไม่ทันแน่ๆ เลยเอาเงินมาฟาดหัวอัยย์"
"ใช่ครับ ซื้อไม่ทัน อย่าโกรธกันนะ"
เขาทำท่าชูนิ้วก้อยเพื่อง้อให้หายงอน ไม่อยากพูดความจริงว่ามัวแต่ยุ่งกับหลายๆ เรื่องจนลืมไปเสียสนิท มานึกขึ้นได้ก็ใกล้วันเต็มที หาซื้ออะไรไม่ทันก็เลยคิดว่าจะให้หล่อนนำเงินไปซื้อของที่อยากได้เอาเอง
"ไม่ต้องเลย ลืมกันได้ไงคะ"
หล่อนทำหน้างอนเพราะไม่ได้อยากได้เงิน อะไรที่เป็นสิ่งของแม้ไม่มีมูลค่าแต่หล่อนก็เก็บรักษาเอาไว้ทุกชิ้น...ท่าทีนั้น ภัทรนันท์รีบเดินเข้ามาบีบนวดไหล่แบบบางอย่างเอาใจ
"ก็พี่ให้เงินแล้วนี่ไงครับ อยากได้อะไรน้องอัยย์ก็ไปหาซื้อทีหลัง ถ้าไม่ซื้ออะไรก็ฝากเอาไว้ จะได้มีเงินติดตัว"
หญิงสาวรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวไร้สาระไม่เข้าท่า เขาง้อเพียงครู่เดียวก็กลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม
"ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ อัยย์ขอโทษที่ทำตัวงี่เง่างอแง"
หล่อนพูดออกมาแบบนั้นเพราะคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งกำลังส่งสายตาบางอย่างมาให้...รู้ดีเขากำลังดุทางสายตาจนต้องหลุบตาหนีด้วยความหวั่นเกรง
"ทีหลังอย่าแสดงอาการแบบนี้อีก ไม่คิดว่าคนให้จะน้อยใจหรือไงฮึ!"
เขาลุกเดินมากระซิบใกล้ๆ จนหล่อนแค่นยิ้มเจื่อน ภัทรนันท์ได้ยินจึงขัดออกมาเพราะไม่อยากให้เจ้าของวันเกิดน้อยใจที่ถูกตำหนิ
"เอาเถอะๆ อย่าเพิ่งดุเลย น้องอัยย์ยังเด็ก ก็เลยคิดอะไรตามประสาเด็กๆ ฉันไม่ซีเรียสอะไร"
"พี่กำลังทำให้เธอเคยตัว เป็นคนเอาแต่ใจขึ้นทุกวันๆ แล้วก็เด็กที่ไหน อายุตั้งสิบแปดแล้ว"
แม้จะเกิดห่างกันแค่เพียงไม่กี่นาที แต่ภัทรนนท์ก็เรียกอีกฝ่ายว่าพี่เพื่อให้เกียรติ เพราะถือว่าถึงอย่างไรก็เกิดก่อนตน
"นายว่าฉันตามใจน้อง ไหนเอามาดูสิของขวัญนายน่ะว่าปีนี้ซื้ออะไรมา"
"ก็ไม่ได้ซื้ออะไรเวอร์ แต่เห็นว่าจำเป็นก็เลยซื้อมา"
"แกะเลยน้องอัยย์ ทุกคนอยากเห็น"
ภัทรนันท์รีบยุ เขาจะดูสิว่าคนที่ปากดีว่าคนอื่นทำให้มินตราเคยตัวนั้นจะซื้ออะไรมาเป็นของขวัญ เดาเอาจากกล่องใบใหญ่ คิดว่าคงต้องเป็นอะไรที่มีค่าแน่นอน
"อะไรคะพี่ภาม หนักเหมือนกันนะคะ"
"แกะดูสิครับ ระวังอย่าให้หลุดมือนะ"
มือเล็กแกะกระดาษห่อสีชมพูอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางใจที่ลุ้นระทึกเพราะกล่องที่ใหญ่และหนัก ลุ้นว่าในนั้นจะเป็นอะไร…เพียงแกะกล่องแล้วเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใน แววตากลมโตก็ทอประกายระยิบระยับ น้ำตารื้นออกมาเพราะความดีใจ
"พี่ภามรู้ได้ยังไงคะ รู้ได้ยังไงว่าอัยย์กำลังอยากได้อยู่พอดี"
สองมือค่อยๆ ประคองหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาพลิกดู ราคาของมันนั้นไม่ใช่ถูกๆ เพราะหล่อนเพิ่งไปดูราคามาเมื่อเดือนก่อนนี้เอง
"แหม ไอ้คนไม่ตามใจ ซื้อของชิ้นใหญ่ให้เนี่ยนะ"
ภัทรนันท์อดไม่ได้ที่จะแขวะออกมา เขากำลังคิดว่าน้องชายตนนั่นแหละตัวดี แม้จะดูดุและเข้มงวด แต่เมื่อยามมินตราอยากได้อะไร แค่อ้อนบ่อยๆ เข้าเดี๋ยวก็จะใจอ่อนไปเอง
"ผมเห็นว่าจำเป็นต้องใช้งานน่ะ แล้วคนบางคนก็ไปยืนทำตาปริบๆ ได้แต่ลูบๆ คลำๆ แต่ไม่มีเงินซื้อ"
"ขอบคุณนะคะพี่ภาม อัยย์สัญญาว่าจะรักษามันเป็นอย่างดี"
ไม่แค่เอ่ยปาก เจ้าตัวเขย่งปลายเท้าแล้วเงยหน้าขึ้นไปหอมแก้มเขาแทนคำขอบคุณ...ภัทรนนท์ถึงกับผงะตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแสดงอะไรแบบนี้ออกมา
เขาใช้หลังมือถูที่แก้มของตนราวไม่ชอบในรสสัมผัส ตามมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ จนอีกฝ่ายถึงกับหน้าม่อยลงไป
"ทำอะไรน่ะน้องอัยย์ อย่าทำแบบนี้อีกรู้มั้ย!"
"เมื่อก่อนก็ยังทำได้ ไม่เห็นพี่ภามว่าอะไร"
"ก็เพราะเราไม่ใช่เด็กๆ แล้ว โตเป็นสาวแล้วต้องรู้จักระวังตัว"
เมื่อกี้ยังว่าหล่อนเป็นเด็ก...หญิงสาวคิดอย่างน้อยใจแต่ไม่
กล้าแสดงอะไรออกมา...ภัทรนนท์เดินหนีไปนั่งรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เขาไม่พูดอะไรกับหล่อนอีกเลย ด้านภัทรนันท์รู้ดีว่าบรรยากาศกำลังจะเสีย เขาจึงดึงกล้องจากมือของหล่อนมาเก็บใส่กล่อง ก่อนส่งซิกไปที่เวทีร้องเพลง แล้วกระตุ้นคนอื่นๆ ให้มาสนุกต่อด้วยกัน ส่วนเขาจะช่วยทำให้มินตราหายน้อยใจด้วยการชวนไปร้องเพลงที่หน้าเวที
ท่ามกลางความสุขสนุกสนาน แพรวาเดินเลี่ยงออกมาจากโซนปาร์ตี้โดยไม่บอกใคร หล่อนเดินเล่นมาเรื่อยจนถึงบ่อปลาคาร์ฟที่ทอดผ่านด้านหน้าตึก มีสะพานสำหรับเดินข้ามไปยังหน้าประตูทางเข้าด้านใน...บ้านหลังใหม่ของเพื่อนนั้นช่างน่าอยู่ ทั้งใหญ่โตและมีสวนสวยๆ ให้เดินเล่น คำถามก่อเกิดในใจที่เต็มไปด้วยปมด้อยทำไมมินตราถึงมีชีวิตที่น่าอิจฉา มีครอบครัวแสนอบอุ่น มีเงินให้ใช้ไม่ขาดมือ มีทั้งพี่ชายที่แสนดีคอยดูแลเทคแคร์ถึงสองคน
ชีวิตของเพื่อนต่างจากตนหน้ามือเป็นหลังมือ ทางบ้านของหล่อนไม่มีเงินมากพอที่จะส่งให้ใช้สุขสบายเหมือนอย่างมินตรา ไม่มีพี่ชายคอยดูแลเอาใจใส่เหมือนอย่างเพื่อน ปมด้อยในใจนี้ถูกกดเอาไว้นานวัน หล่อนกลายเป็นคนโหยหาความรักจากใครสักคน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะพบเจอรักที่ว่านั้นหรือไม่
"ทำไมมายืนหลบอยู่คนเดียวเงียบๆ ตรงนี้ล่ะครับ ปาร์ตี้ไม่สนุกเหรอ"
เสียงทักที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้หล่อนตกใจหันกลับไปมอง เขานั่นเอง…ภัทรนันท์ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตของมินตรา ในมือถือแก้วไวน์มาสองใบ อีกใบหนึ่งยื่นมาตรงหน้า
หล่อนหลุบตามองแก้วใบนั้น หากแต่ว่าด้วยมารยาทจึงยื่น
มือไปรับแบบงุนงง ไม่คุ้นชินกับการที่จู่ๆ ก็มีใครมาทำอะไรแบบนี้ เขาสื่อภาษากายว่ากำลังชวนหล่อนดื่มหรืออย่างไร คิดพลางช้อนสายตามอง รอยยิ้มหวานคลี่ออกมาเพื่อตอบรับมิตรไมตรี
แพรวาเหลือบตามองไปยังตึกหลังใหญ่ตรงหน้า หล่อนเอียงคอเล็กน้อยยามหันกลับมาสบตากับภัทรนันท์
"น่าอิจฉาอัยย์จังเลยนะคะที่มีบ้านหลังใหญ่ให้อยู่ ขิงเพิ่งมาเป็นครั้งแรก จริงๆ แล้วอัยย์ก็ชวนมาหลายครั้งแล้วเหมือนกันค่ะ"
ภัทรนันท์ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร สายตาลอบมองเครื่องหน้าของหล่อนตามนิสัยที่เป็นโรคประจำตัวแก้ไม่หาย จริงๆ แล้วหล่อนไม่ใช่คนสวยโดดเด่น หากแต่ว่ากลับมีเสน่ห์สะดุดตาให้ต้องเผลอมอง คิ้วเรียวสวยแบบไม่ต้องเขียนก็ยังดูดี กลีบปากอิ่มสีชมพูจางๆ เหมาะกับวัยที่ยังสดใส อีกทั้งผิวสีน้ำผึ้งที่ไม่ใช่ผิวคล้ำนั้นดึงดูดสายตาให้ต้องไล่มองหล่อนไปทั้งตัว
"ตามสบายเลยนะครับ คิดเสียว่าเป็นบ้านของตัวเอง"
เขาแค่มาทำให้หล่อนไม่รู้สึกเหงาในฐานะเจ้าบ้าน ภัทรนันท์พยายามสื่อออกมาแบบนั้นเพื่อไม่ให้หล่อนรู้สึกว่ากำลังถูกจู่โจมจีบกันซึ่งๆ หน้า...เสียงแก้วกระทบกันเบาๆ ก่อนที่น้ำสีแดงจะถูกกรอกลงคอไปอึกหนึ่ง วินาทีนั้นแพรวาเผลอสบตากับเขาอย่างไม่ตั้งใจ…สายตาที่ทำให้ร้อนวูบวาบไปทั้งกาย ไม่แน่ใจว่ามันมาจากความเขินอายหรือเพราะฤทธิ์ไวน์ที่เพิ่งดื่มไปกันแน่
แต่เพื่อนของตนเคยบอกว่าพี่ชายคนโตนั้นมีเมียแล้ว...มีเมียแล้วมาคุยกับหล่อนทำไม แพรวาคิดอย่างว้าวุ่นใจและเข้าข้างตัวเอง
พฤติกรรมของพี่ชายตนไม่อาจรอดพ้นสายตาช่างสงสัยของ
มินตราไปได้ หลังจากที่ร้องเพลงล่าสุดจบลงไป หล่อนยื่นไมค์คืนให้ภัทรนนท์แล้วเดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้น ด้วยไม่ไว้ใจพี่ชายคนโต
"อะแฮ่ม"
"....!"
ภัทรนันท์หันไปมอง เป็นน้องสาวจอมจุ้นจ้านที่ช่างขัดจังหวะได้ทุกที่ทุกเวลา เขาลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ที่หล่อนพรวดพราดเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ
มินตราทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หล่อนคว้าข้อมือเพื่อนเพื่อให้เดินตามตนไปที่ลานปาร์ตี้ ไม่สนใจสายตาของพี่ชายที่จับจ้องมองอย่างรู้ทัน...รู้ทันว่าหล่อนกำลังเป็นหูเป็นตาให้พี่สะใภ้ ไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้เพื่อนตัวเอง
"ไหนบอกจะร้องเพลงไงขิง ไปเลย ทุกคนอยากฟังเสียงแก"
แพรวาแค่นยิ้มเฝื่อน ครั้นจะให้ยืนอยู่ที่เดิมก็กระไรอยู่ หล่อนจำต้องเดินตามเพื่อนไปทั้งที่ใจนั้นยังอยากคุยกับเขาต่ออีกสักนิด หล่อนไม่เคยเจอใครคุยสนุกเหมือนเขา...ทำไมผู้ชายแต่งงานแล้วถึงมีเสน่ห์ดึงดูดใจให้อยากเข้าหา หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองท่ามกลางใจที่กำลังหวั่นไหวไปกับเขาอย่างง่ายดาย