ในตอนสายจับศึกตื่นมาด้วยความหัวเสีย เขายกมือกุมขมับด้วยความเครียดเมื่อมองเห็นร่างเปลือยเปล่าของเอมมิการ์นอนหลับสนิทข้างๆ ตัวเองบนเตียง ให้ตายเถอะ เขาแตะต้องคนที่ไม่ควรแตะต้อง คนที่แม่เขารับมาเลี้ยงเหมือนลูก และเธอก็เหมือนน้องสาวของเขา แต่ให้ตายสิ เขาเกลียดชังหล่อนนัก แล้วทำไมถึงทำเรื่องระยำลงได้ล่ะ ให้ตายเถอะ ยัยผู้หญิงคนนั้นอย่าหวังว่าชีวิตจะอยู่สุขสบาย กล้าดียังไงวางยาปลุกเซ็กซ์คนอย่างเขา
“ตื่นได้แล้วเอม” เขาเขย่าหัวไหล่เล็กแรงๆ เพื่อปลุกให้เธอตื่นแล้วไสหัวออกไปจากห้องนอนของตัวเอง ดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์วันหยุดจึงทำให้ตื่นสายได้
อือ!
เอมมิการ์ร้องครางอย่างรำคาญพร้อมปัดมือหนาออกจากหัวไหล่ตัวเองแล้วขยับตัวขดกอดตัวเองแล้วคว้าหาผ้าห่มมาห่มทั้งๆ ที่ยังหลับตา
“ไสหัวออกไปจากห้องของฉันได้แล้วเอมมิการ์!” น้ำเสียงเข้มห้วนดังขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับฉุดกระชากร่างเล็กของสาวน้อยให้ลุกขึ้นจากเตียงตัวเอง
โอ๊ย!
เอมมิการ์ร้องเจ็บเมื่อถูกฉุดกระชากลุกขึ้นไม่พอ เขาผลักเธอลงจากเตียงด้วย ความเจ็บร้าวที่กลางหว่างขาเล่นงานจนน้ำตาเล็ด เธอเม้มปากแน่นมองคนที่นั่งบนเตียง
“ทำไมคุณศึกใจร้ายกับเอมแบบนี้คะ อึก! ฮือๆๆ”
แล้วเสียงร้องไห้ก็ดังออกมายิ่งทำให้เจ้าของห้องรำคาญ ลุกขึ้นลงจากเตียงโดยไม่สนว่าตัวเองนั้นเปลือย แล้วทำไมต้องสนใจด้วย ในเมื่อเขาและเอมมิการ์เกินเลยกันเกินจะมาเหนียมอายกันแล้ว และเหมือนว่าสาวน้อยจะยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเปลือยอยู่ เขาจึงเดินมาหยุดตรงหน้าเธอแล้วคว้าผ้าห่มบนเตียงมาโยนใส่หน้าเธอ
“ปิดไว้ซะ ฉันไม่อยากเห็นเธอเปลือย มองยังไงก็จืดชืด! ”
ปากพูดอย่างแต่ในใจนั้นแทบอยากจะกระชากเธอขย่มบนเตียงอีกครั้ง แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้ เอมมิการ์คือคนที่เขาไม่ควรแตะต้องอีก ที่ผ่านมาเมื่อคืนเพราะยานรกนั่นต่างหากทำให้เขาขาดสติจนทำเรื่องบัดซบลงไป คิดแล้วยิ่งโมโหและยิ่งโกรธคนที่นั่งปิดหน้าร้องไห้ห่มผ้าห่มกับพื้นที่สะเหล่อมาไม่ถูกเวลา
ฮือๆๆ
“รำคาญเว้ย! อย่ามาร้องไห้เป็นเด็กในห้องฉัน ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว น่าเบื่อ แล้วอย่าให้ใครเห็นล่ะ โดยเฉพาะแม่ฉัน และปิดไว้เป็นความลับด้วยเรื่องเมื่อคืน เดี๋ยวจะโอนเงินเข้าบัญชีให้เป็นค่าตัวที่มาให้ฟัดทั้งคืน” น้ำเสียงห้วนแข็งตะเบ็งตะโกนใส่คนที่ปิดหน้าร้องไห้จบก็เดินไปยังห้องน้ำทันทีเพื่อจะอาบน้ำ ความจริงคือเขาไม่ชอบเห็นน้ำตาของผู้หญิง เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนผิดมากทั้งๆ ที่เอมมิการ์สะเหล่อมาผิดจังหวะเองแท้ๆ
ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว เอมมิการ์เอาแต่หลบหน้าจับศึก เวลาเห็นเขาเดินอยู่ข้างหน้า เธอจะเลี่ยงเส้นทางที่จะเดินสวนกับชายหนุ่มทุกครั้ง ส่วนจับศึกเองก็รู้ว่าตอนนี้เด็กสาวกำลังหลบหน้าตัวเอง และการที่เธอทำแบบนั้นมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด หงุดหงิดตัวเองนี่แหละ ที่ดันไปอยากแนบอิงสวาทกับเจ้าหล่อนอีกครั้ง
“จะหลบหน้าฉันไปถึงไหนเอม” น้ำเสียงเข้มดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังจัดขนมใส่จานสะดุ้งตัวเกร็งไม่กล้าหันมาหาเจ้าของต้นเสียง
“หูแตกรึไง! ฉันถามว่าจะหลบหน้าฉันไปถึงไหน?” เมื่อเด็กสาวยังยืนนิ่งไม่ยอมหันหน้ามาคุยกับตัวเองก็เลยฉวยโอกาสจับไหล่มนแล้วบังคับให้เธอหันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง
“ทำไมไม่ตอบ ฉันถามเธออยู่นะ หรือว่าโง่ฟังไม่เข้าใจ” เขาถามอีกครั้งพร้อมบีบหัวไหล่มนบังคับให้เอมมิการ์ตอบตัวเอง
“เอมเจ็บค่ะคุณศึก ปล่อยเอมก่อน” เธอบิดหัวไหล่ตัวเองให้เขาปล่อยและเขาก็ยอมปล่อย
“ว่าไง ฉันถามทำไมต้องหลบหน้าฉันด้วย”
“เอมเปล่า...”
“เปล่า...หึ! ฉันไม่ได้โง่ที่จะมองไม่ออกนะเอม”
“เสียงดังอะไรกันพ่อศึก แล้วมารังแกอะไรน้องฮึ” เอมมิการ์ยังไม่ทันได้ตอบ เสียงแหบแห้งตามวัยของผู้เป็นใหญ่ในบ้านก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้จับศึกต้องหันไปมองทางต้นเสียงแล้วตอบ
“รังแกอะไรกันแม่จันทร์ ศึกไม่กล้ารังแกเด็กดีของแม่จันทร์หรอกครับ” เขาตอบพร้อมเดินมาประคองท่านเดินเข้ามาในครัว
“เหรอ แม่เห็นเราตะโกนเสียงดัง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นหนูเอม” นางไม่เชื่อหรอกว่าลูกชายมีเรื่องจะคุยดีๆ กับลูกสาวที่รักของตนเอง
“คือไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณแม่ พอดีคุณศึกหิวน้ำเลยเข้ามาหาน้ำดื่มค่ะ” เด็กสาวก้มหน้าเอ่ยปดและนางจันทร์หอมก็รู้ว่าเอมมิการ์โกหกตนเอง แต่ก็ไม่ได้ซักถามหาความจริง ในเมื่อเด็กสาวเลือกจะโกหก นางก็ไม่ถามต่อ
“แล้วได้น้ำกินรึยังพ่อศึก” นางจันทร์หอมถามลูกชายที่ยืนประคองตัวเองอยู่ข้างๆ
“เรียบร้อยครับ ผมไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ คืนนี้ต้องออกไปข้างนอก”
“พักบ้างนะพ่อศึก ออกไปข้างนอกแทบทุกวันไม่เหนื่อยรึไงฮึ ระวังเถอะ เชื้อโรคจะถามหา”
“ผมใส่ถุงยางครับแม่จันทร์ ไปนะครับ เย็นนี้ไม่ทานข้าวด้วยนะครับ จะออกไปกินข้างนอกกับสาวๆ อึบ!” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงหอมแก้มแม่ไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะผละเดินออกจากห้องครัวไปเร็วๆ
“แม่ล่ะเหนื่อยใจกับลูกชายคนเดียวของแม่จริงๆ เลยหนูเอม ว่าแต่วันนี้ทำขนมอะไรลูก ทำไมไม่ให้เด็กๆ มาช่วย” นางเดินเข้ามายื่นหน้าดูขนมกลีบลำดวนที่จัดแต่งในจานสวยงามจากด้านหลังเอมมิการ์
“ขนมกลีบลำดวน หอมน่ากินเชียว” นางมองเห็นขนมหน้าตาสวยจัดแต่งในจานก็เอ่ยบอกเจ้าของขนม
“พอดีหนูทำเองคนเดียวได้ค่ะแม่จันทร์ อีกอย่างพี่ๆ เขาก็งานยุ่งต้องจัดโต๊ะมื้อ เลยไม่อยากรบกวน และเนี่ยก็เสร็จแล้ว หนูว่าจะจัดใส่จานไปให้แม่จันทร์ชิมค่ะ
“งั้นก็ไปนั่งกินกันเถอะ แม่เห็นแล้วก็น้ำลายไหล แล้วแบ่งไว้ให้พี่เขารึยัง ขนมกลีบลำดวนเป็นขนมโปรดของพี่ศึกเขานะลูก”
“ค่ะ แม่จันทร์ เอมแบ่งไว้ให้คุณศึกแล้ว”
“อืม...งั้นไปกันเถอะ แม่มีเรื่องจะคุยกับเราด้วย” แล้วนางก็เดินออกไปจากห้องครัวโดยมีเอมมิการ์ถือถาดขนมและน้ำมะตูมที่เดินไปรินใส่แก้ววางในถาดเดินตามท่านออกไป