EP.11 มนุษย์ป้า

1492 Words
EP.11 แม้จะเรียนจบปริญญาโท หากรูปร่างหน้าตาของธารารินไม่ได้แก่ตามภูมิความรู้เลยสักนิด หญิงสาวยังเสมือนสาวสวยวัยยี่สิบต้นๆ ที่เพิ่งเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยเสียด้วยซ้ำ “ธารแค่ต้องการไปพัฒนาและเห็นวิถีชีวิตของหมู่บ้านผาตะวันสักหนึ่งปีเท่านั้นนะคะ...พัฒนาตามรอยพระราชินีที่เคยย่างพระบาทไปเยี่ยมชมหมู่บ้านแห่งนั้นพร้อมกับจัดสรรที่ทำกินให้กับกลุ่มชาวบ้าน ธารอยากจะเห็นค่ะ ธารอยากจะเห็นประชาชนของพระองค์ท่านหลังจากได้มีที่ทำกินเป็นของตัวเองแล้ว” “แต่นั่นก็นานหลายสิบปีแล้วนะคะ นานมากแล้วที่พระองค์ท่านเสด็จมา หมู่บ้านแห่งนั้นก็เหมือนหมู่บ้านชาวพื้นเมืองทั่วๆ ไปนั่นแหละ เหมือนอย่างหมู่บ้านปางตอกที่น้องรับผิดชอบพื้นที่อย่างไรล่ะคะ” “ในทางกลับกันธารกลับคิดว่ามันแตกต่างกันค่ะ” หญิงสาวเถียง ประกายตาทั้งสองข้างทอสดใส “อย่าลืมสิคะว่าหมู่บ้านผาตะวันเป็นหมู่บ้านในโครงการหลวง ย่อมจะมีความน่าสนใจอยู่อย่างมากมายเลย” “ถ้าน้องธารอยากจะไป พี่พาไปได้ค่ะ แต่จะไปปฏิบัติหน้าที่ที่นั่นเห็นทีพี่จะขอคัดค้าน เพราะการสัญจรนั้นไกลและไม่สะดวกเอาเสียเลย กว่าจะเดินทางไปและกลับก็ใช้เวลาเป็นวันแล้วนะคะ แล้วเราจะไปเอาเวลาที่ไหนทำงาน” “ธารจะไม่เดินทางค่ะ ธารจะพักที่นั่น” “น้องธาร!!” อริมาขานชื่อน้องสาวเสียงดัง “อย่าลืมสิคะว่าที่หมู่บ้านนั้นมีแต่ป่ากับป่า เขาไม่มีรีสอร์ตหรือโรงแรมหรอกนะคะ” “โรงเรียน วัด หรือบ้านชาวบ้านเขามีที่นอนให้นะคะ” “วัดไม่มีค่ะ ส่วนโรงเรียนก็ไม่มี จะมีแต่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนเท่านั้น” “นั่นไงล่ะคะ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนก็คือที่นอนของธารได้นะคะ” “ธาราริน ทำไมน้องถึงได้ดื้ออย่างนี้นะ สถานที่แบบนั้นมันไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่น้องคิดเลยนะคะ เชื่อพี่เถอะ อย่าไป ไม่มีใครเขาไปกันหรอกถ้าไม่จำเป็นที่จะจัดฉากกันจริงๆ” “ธารไม่เถียงเลยนะคะที่ชาวบ้านผาตะวันจะถูกทอดทิ้งจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ” หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนใจ ฝ่ายอริมาก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน หล่อนกำลังคิดอ่านใจสาวรุ่นน้องว่าธารารินต้องการอะไรกันแน่ หนีจากเสียงนกเสียงกาและเพิ่มทุกข์ให้กับตัวเอง ซึ่งมันอาจจะเป็นความคิดเพียงชั่ววูบของเด็กคนหนึ่งเท่านั้น หรือทำงานทุกอย่างด้วยหัวใจรักในการพัฒนากันแน่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเหตุผลไหน อริมาดูเหมือนจะหนักใจเป็นที่สุดที่ต้องใช้ความพยายามห้ามไม่ให้หญิงสาวซึ่งไม่เคยพบกับสถานการณ์ลำบากลำบนมาก่อนหยุดความคิดเหล่านั้นได้เลย ธาราริน ถิ่นเมฆา ดูเหมือนจะตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องไปยังหมู่บ้านนั้นให้ได้ หมู่บ้านผาตะวัน หมู่บ้านในโครงการหลวงที่พระราชินีท่านจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่พวกเขา “นี่พี่ไม่สามารถจะหาเหตุผลอะไรมาห้ามน้องได้แล้วใช่ไหมคะ” เนิ่นนานกว่าอริมาจะหลุดคำนั้นออกมาได้ ประหนึ่งมันคือหนทางสุดท้ายในหลายๆ เส้นทางที่มีแต่ทางตัน ฝ่ายธารารินเปิดยิ้ม ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ก่อนสาวเจ้าจะเปิดเสียงหัวเราะออกมายามเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอริมา “พี่อบทำหน้าเครียดเหมือนกับพี่ชายของธารในตอนที่รู้ว่าธารจะมาปฏิบัติงานราชการที่ภาคเหนือเลยนะคะ” “ใช่ค่ะ” อริมาพยักหน้าเครียดๆ นั้น “พี่กำลังเครียดเหมือนอย่างกับน้องธารเข้าใจ นั่นเพราะพี่ก็คงจะมีเหตุผลคล้ายกับพี่ชายของน้องธารยามรู้ว่าน้องจะมาที่จังหวัดนี้” “แต่พี่คินก็ไม่อาจจะขัดขวางความตั้งใจของธารได้ เพราะธารคิดและตรึกตรองทุกอย่างดีแล้วล่ะค่ะ” “แต่พี่....” นึกจะขัดคำนั้น ทว่ากลับถูกธารารินเลื่อนมากุมมือของเธอเอาไว้ อริมาจึงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือนั้นก็พบเจอกับสายตาแน่วแน่จนยากที่ใครจะขวางได้ “เชื่อธารนะคะ เชื่อว่าธารจะต้องทำได้ อย่าลืมสิคะว่าพวกเราเป็นนักพัฒนา เป็นข้ารองบาทขององค์พ่อหลวง ขนาดพระองค์ท่านยังไปได้ไหนเลยว่าเราจะไปไม่ได้ ใช่ไหมคะ” สายตาของธารารินแน่วแน่เหลือเกิน แน่วแน่จนอริมานึกหวั่นกลัวกับเหตุการณ์ในภายภาคหน้า สาวเมืองกรุงจะทำอย่างไรได้เล่า หากต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนต่างบ้านต่างเมืองและแปลกหน้า ซึ่งหล่อนไม่อาจจะรู้ได้ว่าใครที่จริงใจกับตัวอย่างแท้จริง อริมาได้แต่ถอนใจและก้มหน้าลงทานข้าวเที่ยงของวันนั้นอย่างเงียบๆ เมื่อธารารินเป็นฝ่ายตัดบทชวนเธอทานข้าว ยุติเรื่องเครียดๆ เหล่านั้นลงอย่างไม่คิดจะหันมารื้อฟื้นให้ซ้ำซากอีก ดูเหมือนจะเป็นการง่ายเหลือเกินสำหรับการขอย้ายพื้นที่ปฏิบัติงานของธาราริน เพราะหัวหน้าอมรเทพเห็นควรกับเหตุผลของหญิงสาวอยู่แล้ว ยิ่งเป็นหมู่บ้านห่างไกลที่ไม่เคยมีพัฒนากรคนใดเดินทางไปทำงานมาก่อน เขาจึงเห็นควรและอนุมัติอย่างทันที บวกกับความตั้งใจอันแน่วแน่ของธาราริน แม้จะหวั่นกลัวอย่างอริมาที่เป็นในคราวแรก หากหัวหน้ากลับได้แต่นิ่งฟังหญิงสาวอธิบายถึงความจำเป็นในด้านต่างๆ รวมไปถึงบทบาทหน้าที่ของนักพัฒนาที่แม้จะเหน็ดเหนื่อยหรือยากลำบากเพียงใดก็ต้องทำด้วยหัวใจ ยิ่งอริมาเสนอขอตามไปช่วยดูแลธารารินด้วย หัวหน้าวัยกลางคนจึงพอจะเบาใจลงเป็นเท่าตัว พร้อมกับโยกย้ายมอบหมายงานให้แก่พัฒนากรคนอื่นๆ เพิ่มเติมในวันนั้นเลย และคนที่ได้รับหน้าที่อันมากมายนี้ไปอย่างเต็มๆ คือป้าพร ที่ต้องรับผิดชอบงานถึงสองตำบลและต้องสานต่องานของธารารินกับอริมาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาครึ่งปี คุณป้าจอมปากมากถึงกับผงะเมื่อได้รับคำสั่งนั้นจากหัวหน้า ทั้งอิดออดขอผ่อนผัน ขอยกงานนี้ให้กับคนอื่น แต่หัวหน้ากลับค้านเพราะคนอื่นๆ ก็มีหน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว ผลที่ออกมา ยิ่งสร้างความไม่พึงใจในตัวของสาวกรุงเทพฯ และอริมาเท่าทบทวี โดยไม่คิดมองย้อนไปว่าตนนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุชนวนของเรื่องราวทั้งหมด ความแค้นนั้นสุมแน่นในหัวอก หญิงชราวัยใกล้เกษียรเข่นเขี้ยวอย่างเจ็บแค้นและได้แต่เก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ในหน้าระหว่างอยู่ต่อหน้าผู้บังคับบัญชา จนกระทั่งทุกคนแยกย้ายออกจากห้องประชุม เห็นอริมากับธารารินเดินพูดคุยกะหนุงกะหนิงเตรียมจะไปทานข้าว คุณป้ามหาภัยจึงรี่มาดักหน้าพร้อมกับตีหน้ายักษ์หน้ามาร เห็นดังนั้นทั้งธารารินและอริมาจึงรู้อย่างทันทีว่าคุณป้ามหาภัยต้องการอะไรจากพวกเธอ “มีอะไรหรือคะป้าพร” สาวจากเมืองกรุงทำใจดีสู้เสือร้าย ส่งยิ้มให้กับอีกฝ่ายพร้อมเชิดหน้าทำเป็นไม่เข้าใจในกระแสดำมืดที่แผ่มาจากหญิงสูงวัย “ชั้นน่ะรึ....” หล่อนทำเสียงสูงพร้อมจิกตามองสองสาวรุ่นลูก “ก็แค่จะมาอวยพรให้กับพวกหล่อนเท่านั้นแหละ ชั้นขออนุโมทนาสาธุคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ขอจงดลบันดาลให้พวกหล่อนได้เป็นคนป่าคนเถื่อนสมใจ เป็นคนแม้วคนดอยไปตลอดชีวิตนะ อย่าได้กลับมาที่พื้นราบนี่อีก นี่ถ้าขอให้ถูกทหารป่า พวกค้ายาจับไปเป็นเมียได้ชั้นก็จะขอแล้ว ติดแต่ว่ายังสงสารพวกเด็กอ่อนหัดอย่างพวกหล่อนอยู่น่ะเลยคิดยั้งปากเอาไว้ทัน” พอประโยคนั้นจบลงหญิงสูงวัยก็นิ่งมองปฏิกิริยาของสองสาวที่ยังยืนนิ่ง จะนิ่งอึ้งตกใจหรือนิ่งด้วยเหตุผลอะไรเห็นจะเดายากในคราวนี้ ทางฝ่ายธารารินได้แค่จุดยิ้มแล้วกระทำในสิ่งที่ป้าพรไม่อาจคาดเดาว่าเธอจะทำง่ายๆ สาวจากเมืองกรุงพนมมือแล้วไหว้หล่อนพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณด้วยลักษณะท่าทีนิ่งราวคนไม่สะทกสะท้านต่อคำประชดประชันเหล่านั้น ก่อนจะจูงมืออริมาเดินจากไปโดยไม่สนใจคุณป้าวัยดึกอีก เป็นฝ่ายทางนางปากมากเสียเองที่ตัวสั่นเทิ้ม ควบคุมอาการโกรธแค้นชิงชังของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD