บทที่5

2191 Words
เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เพียงตะวันข่มตาไม่หลับมาตลอดทั้งคืน ภายในใจยังคิดไม่ตกเรื่องของผู้ชายชุดดำคนนั้นว่าทำไมเขาถึงได้มีรูปถ่ายของเธออยู่ในมือ หรือไม่บางทีหากคิดไม่ผิดมันอาจจะเกี่ยวข้องอะไรกับผู้ชายอีกคนที่กำลังนั่งปั้นหน้านิ่งรับประทานอาหารเช้าตรงหน้าของเธอด้วยสีหน้าเฉยเมยคนนี้ก็เป็นได้ “อาหารไม่ถูกปากเหรอครับตะวัน วันนี้คุณทานน้อยจัง” ไมล์เอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “เปล่าหรอกค่ะ อาหารพวกนี้มันอร่อยมากเลยล่ะค่ะ เพียงแต่ตะวันแค่ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ไมล์เองก็ทานเยอะๆ นะคะ มาค่ะเดี๋ยวตะวันตักให้” หญิงสาวระบายยิ้มพร้อมคำตอบก่อนจะอาสาตักอาหารให้คนรักที่นั่งอยู่ข้างกายอย่างเอาใจซึ่งเขาก็ยิ้มรับมันไปอย่างมีความสุขกระทั่งเมื่อเก้าอี้ที่มีแมทธิวนั่งอยู่อีกฝั่งถูกเลื่อนออกก่อนร่างสูงกำยำในชุดสูทสีเทาจะยืดตรงขึ้นและเตรียมจะเดินหนีไปจากภาพชวนคลื่นไส้ตรงหน้าติดแต่ว่าเสียงร้องของไมล์น้องชายดันดังขัดขึ้นเสียก่อน “จะไปแล้วเหรอครับพี่” “ใช่! ฉันมีประชุมแต่เช้า แกเองก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกันไมล์ ไว้ตอนเย็นค่อยเจอกันอีกที” แมทธิวตอบกลับน้องชายทั้งๆ ที่ยังคงยืนหันหลังให้อยู่ก่อนจะเดินออกไปทันทีโดยมีสายตาของเพียงตะวันที่เฝ้ามองร่างสูงของเขาจนลับสายตาไปในที่สุด “มีอะไรรึเปล่าครับตะวัน สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย หรือว่าพี่แมทพี่ชายของผมไปว่าอะไรคุณอีก เป็นอย่างนั้นใช่ไหมครับ” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะไมล์ ว่าแต่วันนี้เราสองคนจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีค่ะ”ไมล์ถึงยิ้มออกก่อนจะเอ่ยปากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้หญิงสาวได้รู้ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินทางออกไปเที่ยวตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้าไม่ว่าจะนั่งเรือกอนโดลา หรือแม้แต่พาเธอไปเก็บภาพสวยๆที่ มหาวิหารซานมาร์โค ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิสเลยก็ว่าได้ จังหวะที่เพียงตะวันกำลังจะจับภาพความน่าประทับใจอยู่นั้นเป็นช่วงเดียวกันกับจังหวะที่มีผู้คนเดินสวนเข้ามาพอดีเลยทำให้ภาพที่ได้ออกมานั้นติดผู้คนดังกล่าวเข้ามาในภาพด้วย หญิงสาวยืนนิ่งอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งไม่มีผิด พอครั้นเหมือนจะนึกออกมันก็ค่อยๆ หายวับไปจนไมล์ที่เห็นท่าไม่ดีจึงเดินตรงเข้ามาหา “เป็นอะไรรึเปล่าครับตะวัน หน้าคุณซีตมากเลยนะครับ” “ตะวันปวดหัวค่ะ เรากลับกันเลยได้ไหมค่ะไมล์ ฉันรู้สึกดีไม่เอาซะเลย” ไมล์จำต้องรีบพยักหน้ารับคำในทันทีก่อนจะรีบพาคนรักสาวกลับโรงแรมอย่างเร่งด่วนพร้อมทั้งคอยอยู่ดูแลจนแน่ใจว่าหญิงสาวหลับสนิทจึงได้เดินออกมาจากห้องพักของเธอและมุ่งตรงไปยังอีกห้องที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นักในทันที เพราะเสียงเคาะประตูห้องพักที่ดังขึ้นทำให้แมทธิวที่กำลังนั่งเครียงานที่มอบหิ้วเอากลับมาสานต่อที่พักต้องเงยหน้าขึ้นก่อนจะลอบมองเวลาอยู่ชั่วถึงได้เอ่ยขึ้น.. “เข้ามา!” ชายหนุ่มเอ่ยตอบเพียงสั้นๆ ก่อนจะก้มหน้าทำงานของตนเองต่อไปอย่างไม่ใส่ใยผู้มาเยือนใหม่เท่าไหร่นักเพราะชั้นนี้เป็นชั้นพิเศษที่มีแค่เขากับน้องชาย และคนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นอาศัยอยู่ “ทำงานอยู่เหรอครับพี่” “ใช่ แกมีอะไรถึงได้เข้ามาหาฉัน ไม่ต้องไปคอยอยู่ดูแลคนรักของแกแล้วหรือไง” “ตะวันหลับไปแล้วครับ ผมเลยอยากเข้ามาคุยกับพี่สักหน่อย เรื่อง...” ไมล์เงียบไปนานเพราะไม่รู้แน่ชัดว่าควรเอ่ยถามเรื่องที่กำลังสงสัยออกไปดีรึเปล่า จนเมื่อแมทธิวเริ่มเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดถึงได้เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเสียเอง “เรื่องของผู้หญิงที่ชื่อเพียงตะวันคนนั้นสินะ” “ใช่ครับ ผมอยากรู้ว่าทำไมพี่ถึงได้ทำตัวเย็นชากับตะวันนัก มีอะไรในตัวเธอที่ทำให้พี่ไม่ชอบอย่างนั้นใช่ไหมครับ” แมทธิววางปากกาในมือลงทันทีที่ได้ยินคำถามที่ไม่ทีท่าว่าจะอ้อมค้อมแต่อย่างใดของน้อยเข้าเนิ่นนาน กว่าที่เขาจะเป็นฝ่ายย้อมถามกลับไปบ้าง.. “ก็แล้วถ้าฉันบอกว่าใช่ แกจะยอมเลิกยุ่งกับเธอรึเปล่า” “ไม่ครับ! ผมรักตะวัน และผมเชื่อว่าความดีของตะวันจะทำให้พี่เปลี่ยนใจยอมรับความรักของเราทั้งคู่ ให้โอกาสเธอได้ไหมครับ ให้เธอได้พิสูจน์ความดีให้พี่ได้เห็นสักครั้ง ถือว่าผมขอร้องก็ได้นะครับพี่” “แกยังรู้จักความรักน้อยไปนะไมล์ เพราะยิ่งแกรักหล่อนมากเท่าไหร่ ผลสุดท้ายแล้วคนที่จะเป็นฝ่ายเสียใจก็จะเป็นตัวของแกเสียเอง” ผู้เป็นพี่ย้ำเตือนสติก่อนจะลอบมองน้องชายเพียงคนเดียวของตัวเองอย่างเป็นห่วง ดูจากท่าทางก็พอจะเดาได้ไม่ยากเลยว่าน้องชายของเขานั้นหลงรักผู้หญิงคนนั้นอย่างหัวปรักหัวปรำอยู่ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะไม่มีวันเสียใจที่รักเธอ ให้โอกาสเธอสักครั้งนะครับ” คำพูดที่หนักแน่นของน้องทำเอาผู้ได้ฟังถึงกลับแน่นิ่งไปพักใหญ่ มันช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เขาสองคนพี่น้องต้องมาพบเจอกับผู้หญิงคนนั้น และเขาคนนี้เองที่จะไม่ยอมให้เธอมาทำลายความรักของไมล์ เหมือนอย่างที่เธอครั้งหนึ่งเคยทำกับเขามาก่อนอย่างเด็ดขาด คนที่จะต้องเสียใจและทนทุกข์ทรมาน จะต้องมีแค่คนเดียว! ซึ่งก็คือเธอ! “ตกลง ฉันจะให้คนรักของแกพิสูจน์ตัวเอง แต่โอกาสของหล่อนมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากทำไม่ได้แกกับเธอจะต้องเลิกยุ่งกันอย่างไม่มีเงื่อนไข ว่าไงไมล์...แกกล้าจะลองเสี่ยงกับฉันเพื่อความรักของแกรึเปล่า” สองพี่น้องตระกูล ‘คาร์ลอส’ ต่างก็จ้องมองกันและกันอยู่นานก่อนที่ไมล์จะค่อยๆ พยักหน้ารับคำท้าทายของผู้พี่ในเวลาต่อมา “คุณว่ายังไงนะคะไมล์! จะให้ตะวันไปเป็นผู้ช่วยเลขาของคุณแมทธิวพี่ชายของคุณเหรอคะ” เพียงตะวันถามขึ้นอย่างตกใจเมื่อรับฟังสิ่งที่คนรักเพิ่งจะเอ่ยออกมาในเช้าวันใหม่ทันทีที่พบหน้า “มันไม่ใช่ความคิดของผมหรอกนะครับ ทั้งหมดเป็นความคิดของพี่แมทธิวที่อยากให้เราสองคนแยกกันสักพัก เพื่อพิสูจน์ว่าถ้าหากไม่เจอกันในเวลาสามเดือน ความรักของเรามันจะยังมั่นคงอยู่รึเปล่า หากเราทำสำเร็จพี่ของผมจะไม่กีดขวางความรักของเราอีก เป็นทางเดียวเท่านั้นที่เราสองคนจะผ่านบททดสอบนี้ไปได้นะครับ” ไมล์ตอบก่อนจะเดินตรงไปประคองมือของหญิงสาวขึ้นมากุมเอาไว้แน่น เพื่ออยากให้เธอมั่นใจ ว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้ไปไหนอย่างเด็ดขาด “แต่ว่าพี่ชายของคุณเขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าตะวัน แบบนี้มันจะดีแน่เหรอคะไมล์...” หญิงสาวย้อนถามขึ้นอย่างอดวิตกไปไม่ได้ บางทีไมล์อาจจะเข้าใจว่านี่คือทางออก แต่สำหรับเธอแล้วมันกลับดูเหมือนทางตันเสียมากกว่า “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกนะครับ พี่แมทธิวเข้าใจเรื่องนี้ดีแล้ว คุณก็แค่ทำงานตามที่พี่ชายของผมบอกเท่านั้น แต่ระหว่างนี้สามเดือนเราสองคนจะเจอกันได้แค่อาทิตย์ละครั้ง คุณต้องอยู่ที่นี่ ส่วนผมต้องถูกส่งตัวกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ เราอาจต้องแยกจากกันสักพัก” “ถ้าคุณว่าอย่างนั้นตะวันก็ไม่มีปัญหาค่ะ เราจะต้องผ่านบททดสอบนี้ของพี่ชายของคุณไปด้วยกัน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามาสวมกอด เขาและเธอต้องผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน หลังจากตกลงกันเสร็จสรรพไมล์ก็จำต้องเก็บข้าวของของตัวเองใส่กระเป๋าเดินทางขนาดกลางเพื่อที่จะเดินทางกลับคฤหาสน์ที่อยู่ถัดไปอีกเมืองตามคำสั่งของผู้เป็นพี่อย่างไม่คิดที่จะขัดขืน เพราะยิ่งเริ่มเกมส์เมื่อไหร่เวลาที่จะทดสอบความรักของเขาทั้งสองคนนั้นก็ดูเหมือนยิ่งจะเข้าใกล้เส้นชัยไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มเดินลงมาจากห้องพักพร้อมกับคนรักที่อาสาช่วยถือของให้จนถึงรถคันหรูที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว “อย่าลืมทานยาแล้วก็ห่มผ้าให้หนาๆ ด้วยนะคะไมล์” เพียงตะวันเอ่ยขึ้น ก่อนจะกระชับเสื้อคลุมให้กับชายหนุ่มอย่างเบามือ “ตะวันเองก็ดูแลตัวเองให้ดีนะครับ แล้วผมจะโทรทุกวันเลย” “ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือคะ” “ได้สิครับ ก็พี่แมทแค่สั่งไม่ให้เราเจอกันแต่ไม่ได้สั่งให้เราห้ามโทรหากันนี่ครับใช่ไหม ผมคงต้องไปแล้ว เราจะสู้และผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะครับ” เพียงตะวันพยักหน้ารับก่อนจะยอมให้ไมล์เลื่อนใบหน้าเข้ามาหาพร้อมฝากจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากของตัวเองอย่างเต็มใจ เธอโบกมือลาคนรักที่อยู่บนรถอีกครั้งก่อนจะมองจนเมื่อรถคันดังกล่าวเคลื่อนหายลับสายตาไป ถึงได้หมุนตัวอีกครั้งก่อนจะพบว่ามีผู้ชายอีกคนยืนรออยู่ “คุณแมทธิวต้องการพบตัวคุณเป็นการส่วนตัวครับ ได้โปรดช่วยไปกับผมด้วยเถอะนะครับ” หญิงสาวจ้องมองเจ้าของเสียงที่ดังขึ้นอย่างคนใช้ความคิดก่อนจะพยักหน้าตอบเมื่อจำได้ว่าคนๆ นี้เคยเดินประกบแมทธิวอยู่หลายครั้ง แสดงว่าเขาเป็นคนของแมทธิวไม่ผิดแน่ เมื่อได้รับความยินยอมจากหญิงสาว ชายคนดังกล่าวจึงก้าวเดินนำหน้าก่อนจะนำพาเธอไปยังห้องพักของเจ้านายอย่างรีบเร่งตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมาหมาดๆ จนเมื่อมาถึงจุดหมายถึงได้ปล่อยให้หญิงสาวได้อยู่กับเจ้านายตามลำพัง “คุณเรียกฉันมาพบมีอะไรรึเปล่าคะ” “ต้องมีอยู่แล้ว จะมีสักกี่เหตุผลเชียวที่ทำให้คนอย่างผมอยากพบหน้าคุณ!” ตอบเสร็จก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงเข้าหาพร้อมกองเอกสารขนาดใหญ่สองปึก สายตาดุดันจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าชั่วครู่ก่อนจะจัดการยัดสิ่งที่ถืออยู่ใส่มือหล่อนอย่างแรง ไม่สนว่าเธอจะเจ็บสักแค่ไหน “นี่มันอะไรกันคะ” “มันคืองานของคุณ! ผมต้องการให้คุณตรวจเอกสารพวกนี้ให้เสร็จก่อนสามทุ่มคืนนี้ คิดว่าทำได้รึเปล่า” เพียงตะวันเข้าใจจุดประสงค์ที่ชายหนุ่มให้คนของเขาไปตามเธอให้มาพบใน ทันทีที่คำสั่งนั้นสิ้นสุดลง “คุณจะให้ฉันเริ่มงานวันนี้เลยเหรอคะ” “ใช่! คุณมีปัญหาอะไรรึไง” หากเป็นคนอื่นสั่งแน่นอนว่าหญิงสาวจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน แต่เพราะเป็นเขา บุคคลที่จะชี้ขาดถึงความรักของเธอกับคนรักว่าจะได้ไปต่อหรือหยุดลงไปมันก็ขึ้นอยู่กับเขาและความอดทนของเธอ นั่นหมายความว่าเธอจะไม่มีทางเลือกอะไรเลยนอกจาก ยอมทำตามคำสั่งของเจ้านายคนใหม่ตรงหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ไม่มีคะ” “ถ้าอย่างนั้นก็ดี! เพราะว่าผมไม่ชอบคนที่ไม่มีความอดทน ถ้าคิดว่าการเป็นคนรักของน้องชายผมแล้วมันจะทำให้ผมต้องมานั่งรู้สึกเกรงใจไม่กล้าใช้งานคุณหนักๆ ล่ะก็...ขอบอกเอาไว้ตรงนี้ตอนนี้เลยว่าคุณคิดผิดมหันต์เพียงตะวัน!” ในใจนึกอยากย้อนกลับเหลือเกินว่าเธอไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลยสักนิดแต่เพราะดวงตาวาวโรจน์ที่กำลังจ้องมาอยู่มันทำให้เพียงตะวันทำได้แต่เพียงพยักหน้ารับคำตอบนั้นอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นักก่อนจะหมุนกายเตรียมจะเดินออกไปจากห้องแต่ติดตรงแมทธิวนั้นไวกว่า เอื้อมมือมาฉุดต้นแขนของหล่อนเอาไว้ก่อน “นั่นคุณจะไปไหน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD