“สะ...สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อนางสาวละอองฟอง ปุณฑริก ชื่อเล่นก็ชื่อละอองฟองค่ะ แต่คนส่วนใหญ่เรียกว่าอองฟองเฉยๆ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่สอง มหาวิทยาลัย...”
“ผมทราบประวัติส่วนตัวเบื้องต้นของคุณทั้งหมดจากเอกสารแนะนำตัวที่คุณยื่นให้ตอนลงทะเบียนขอรับการสัมภาษณ์แล้วครับคุณละอองฟอง ไม่ต้องแนะนำตัวหรอก เสียเวลา”
พูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนเบรกกลางอากาศ เคยพูดๆ อยู่แล้วจู่ๆ อ้าปากค้างพูดต่อไม่ออกมั้ย = = นั่นแหละฉันตอนนี้เลย บอกให้เลยนะ ฉันล่ะไม่ชอบเวลาพูดอยู่แล้วมีคนแทรกขึ้นมาหักหน้าอย่างนี้มากที่สุดเลย
“อ่ะ...เอ่อ... ได้ค่ะ อย่างนั้นเริ่มการสัมภาษณ์ได้เลยค่ะ ดิฉันพร้อมแล้ว”
ความ Alert ในตอนแรกพลันมลายหายสิ้น ฉันกลายเป็นผู้หญิงอมทุกข์ทันที ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยิ้มมุมปากเล็กน้อย
เหอะ... ถ้าเขายิ้มแบบนี้ก่อนที่ฉันจะไม่สบอารมณ์ ฉันก็คงละลายไปแล้ว ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่หล่อมากเลยทีเดียวนะล่ะ ผมรองทรงสูงปัดเสยแบบทันสมัยรับกับรูปหน้าเรียวตามแบบฉบับหนุ่มตี๋เกาหลีกิมจิเสียเหลือเกิน แถมยังเข้ากั๊นเข้ากันกับสูทสีกรมที่เขาสวมอยู่เสียอีก ดูจากหน้าตาท่าทางแล้วน่าจะอายุไม่มากกว่าฉันเท่าไหร่นัก ถ้าให้เดาก็คงอายุประมาณยี่สิบกลางๆ ได้
“ผมชื่อธาม เป็นเลขานุการของคุณหญิงปรางค์ รองประธานเครือโรงแรมแกรนด์เซบาสเตียน รับหน้าที่มาสัมภาษณ์คุณแทนคุณหญิงท่านนะครับ ยังไงผมขอแทนตัวเองว่าพี่ธาม แล้วแทนคุณว่าน้องอองฟองแล้วกันนะครับ จะได้คุยกันได้สบายๆ”
ฉันเหลือบมองแล้วพยักหน้ารับเพียงเล็กน้อย -_- จะเรียกอะไรก็เอาเหอะ ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรกับการสัมภาษณ์นี้สักเท่าไหร่อยู่แล้ว ยิ่งมาโดนอีตาพี่ธามนี่ทำเสียเซลฟ์ ยิ่งหมดอารมณ์เข้าไปใหญ่
“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอเริ่มเลยนะครับ... ขอทราบเหตุผลหน่อยได้มั้ยครับว่าทำไมน้องอองฟองถึงได้สนใจเข้ารับการสัมภาษณ์เป็นติวเตอร์งานนี้ครับ”
“เงินเยอะดี”
ตอบเสียงห้วน ตาไม่ชำเลืองแลมองคนตรงหน้าสักนิด แต่ก็พอรับรู้ได้ว่าเขาคงอึ้งกับคำตอบขวานผ่าซากของฉันพอสมควร
“แล้วพอมีเหตุผลอื่นนอกจากนี้มั้ยครับ” พอตั้งสติได้ก็ถามต่อ
“ไม่มีค่ะ ดิฉันมาเพื่อเงินเท่านั้น”
“ถ้าเหตุผลของน้องอองฟองมาเพื่อค่าจ้าง แสดงว่าน้องอองฟองคงมีภาระทางการเงินพอสมควรสินะครับ ถึงได้หางานพิเศษทำระหว่างเรียนอย่างนี้”
คำถามนี้ทำให้ฉันเหลือบมองเขาเล็กน้อย
“ใครๆ เขาก็ทำงานเพื่อเงินกันไม่ใช่หรือคะ อีกอย่าง ภาระค่าใช้จ่ายของฉันมันเกี่ยวอะไรกับประเด็นการสัมภาษณ์ไม่ทราบ”
น้ำเสียงของฉันเริ่มเป็นมะนาวไม่มีน้ำมากขึ้น ไม่พอใจที่ถูกละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวทั้งๆ ที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงดีอย่างนี้
ทว่าคู่สนทนากลับอมยิ้มน้อยๆ จนเห็นลักยิ้มปรายบนใบหน้า
“ไม่เกี่ยวหรอกครับ พี่เห็นว่าในบรรดาผู้รับการสัมภาษณ์ มีน้องอองฟองคนเดียวที่ใส่ชุดนักศึกษา พี่เลยเดาว่าน้องอองฟองคงอยากทำงานหาเงินไว้เป็นทุนเรียนแน่ๆ ใช่มั้ยครับ?”
“คิดว่าใช่ก็ใช่ คิดว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่”
“สรุปว่าใช่แล้วกันนะ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอถามคำถามอีกสักข้อนึง สมมติว่าน้องอองฟองไม่ผ่านการสัมภาษณ์และไม่ได้รับงานนี้ แต่พี่จะให้น้องอองฟองรับงานอีกงานนึง น้องอองฟองพอสนใจมั้ยครับ”
“งานอะไรคะ เป็นอีหนูให้ป๋าขาเลี้ยงหรือไง -_-“
ฉันรีบดักคอ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ ก็เอะใจในน้ำเสียงและถ้อยคำของอีตานี่ขึ้นมาตงิดๆ จนต้องหันไปมองหน้า ยิ่งเห็นสายตากรุ้มกริ่มนั่นแล้ว ยิ่งแน่ใจขึ้นมาหน่อยๆ ว่าเขาจะพูดอะไรต่อจากนี้
ฮึ! แม้ฉันจะใส่แว่นสายตาอันใหญ่เทอะทะก็ตามที แต่ก็ใช่ว่าฉันจะขี้ริ้วขี้เหร่เลวร้ายอะไรเสียหน่อย ฉันก็แต่งตัวแต่งหน้าเหมือนสาวๆ ทั่วไปนะ ผมฉันยาวถึงกลางหลังได้ แถมย้อมสีแดงประกายม่วงพร้อมดัดลอนอ่อนๆ ตามแฟชั่น หน้าตาก็จิ้มลิ้มเป็นสาวหมวยอินเทรนด์ไม่น้อย อย่าว่าหลงตัวเองเลย ฉันก็น่ารักน่าหยิกใช่ย่อยล่ะ (อวยตัวเอง) และไอ้ฟอร์มการพูดแบบนี้ ฉันเองก็เคยเจอพวกหัวงูก้อร่อก้อติกเวลาทำงานพาร์ตไทม์ก่อนมาเป็นติวเตอร์มาเยอะเหมือนกัน แค่นี้ทำไมจะไม่รู้
“จุ๊ๆ พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะครับน้องอองฟอง อย่าเรียกว่าอีหนูกับป๋าขาเลย เรียกว่าเป็นสปอนเซอร์ดีกว่า”
อีตาธามว่า พลางลุกจากเก้าอี้ เดินอ้อมโต๊ะมายังฝั่งที่ฉันนั่ง ก่อนทรุดตัวนั่งบนโต๊ะใกล้ๆ ฉัน วางมาดเป็นอาเสี่ยสุดฤทธิ์ ...เหอะ ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้ -_-;; น่าตกใจตรงที่ไม่น่าเชื่อว่าหน้าตาดีอย่างเขาชนิดแค่กวักมือ ผู้หญิงก็วิ่งมาหาเป็นโขยงก็เป็นอาเสี่ยแล้ว โลกนี้มันชักอยู่ยากขึ้นทุกวันแฮะ
“จะสปอนเซอร์ ลิโพ เอ็มร้อยอะไรก็เอาเถอะค่ะ ดิฉันขอบายดีกว่า ขอบคุณสำหรับการสัมภาษณ์วันนี้นะคะ”
พอเห็นท่าไม่ดี ฉันก็รีบตัดบทถอยทัพหนี ทว่าเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันจะลุกหนี ไม่ทันได้ลุกขึ้น มือใหญ่ก็คว้าบ่าฉันและกดให้นั่งลงดังเดิม ทำเอาฉันถึงกับเบิกตาโพลง
“ทะ...ทำอะไรน่ะ O_O;;”
ถามเสียงแอบสั่นน้อยๆ มีลางสังหรณ์ขึ้นมาว่าหากอยู่ที่นี่นานกว่านี้คงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่
“จะรีบไปไหนล่ะครับน้องอองฟอง พี่ให้ค่าขนมได้ไม่อั้นเลยนะ เผลอๆ มากกว่าค่าจ้างรายชั่วโมงที่คุณหญิงปรางค์ให้อีก ไม่สนใจจริงๆ หรือ”
ไม่ว่าเปล่า หมอนี่เลื่อนมือจากบ่าของฉันไล่มาตามท่อนแขน ทำเอาฉันขนลุกเกรียวทันใด อ๊ากกก! นี่มันเข้าข่ายลวนลามแล้วนะ =O=!!
“ละ...แล้วมาสนใจอะไรดิฉันกันเล่า นางบงนางแบบผู้หญิงคนอื่นสวยๆ มีเยอะแยะ ทำไมไม่ไปถามฮะ!”