บ๊ะ! เอาก็เอาวะ ลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหาย
“เฮ้อ... เฮ้ออ...เฮ้อออ”
ฉันถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านแปดได้แล้วล่ะมั้ง ตั้งแต่เห็นบิลทวงหนี้ค่าห้องพักที่เจ้าของหอพักเอามาแปะประจานความหน้าหนาหน้าทนของฉันไว้ที่หน้าประตูห้องหราให้คนห้องข้างเคียงมีเรื่องไปเม้าท์กันสนุกปากอีกรอบ แต่ที่ทำให้ฉันต้องนั่งหน้าเครียดเหมือนประจำเดือนมาไม่ปกติอย่างนี้ ก็เพราะในบิลทวงหนี้นี่มีตัวหนังสือสีแดงสดระบุแจ่มแจ้งชัดเจนว่า...
ภายในสิ้นเดือนนี้หากไม่ชำระค่าเช่าให้ครบ จำเป็นจะต้องให้ย้ายออกโดยไม่ค*****นค่ามัดจำ เนื่องจากหักเป็นค่าปรับที่จ่ายค่าเช่าล่าช้า
ให้ย้ายออกยังพอเข้าใจ แต่ไอ้ยึดค่ามัดจำห้องนี่มันหมายความว่ายังไงฮะ! เงินไม่ใช่น้อยๆ เลยนะให้ตายเหอะ เจ้าของหอพักนี้หน้าเลือดชะมัด
ถึงอย่างนั้นฉันก็ทำได้แค่บ่นงึมงำไปตามประสา มือก็วางบิลทวงหนี้ยับๆ ลงบนโต๊ะคอมฯ เปลี่ยนมาคว้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาบีบให้แตกแล้วแกะถุงกรอกเข้าปากอย่างหิวโหย ก่อนจะคว้าขวดน้ำมากระดกดื่มน้ำตามอึกใหญ่ด้วยหวังว่าบะหมี่กรอบนั้นจะไปบานในท้องแล้วมันจะอิ่ม... -_-
เหอๆ อนาถาดีใช่มั้ยล่ะ จริงๆ แล้วฉันเป็นแบบนี้ไม่บ่อยหรอกนะ นอกจากช่วงที่กระเป๋าเริ่มแบน แฟนไม่มีมันนี่ซัพพอร์ต ฉันถึงจะเข้าสู่โหมดยาจกเช่นนี้ ยิ่งนึกถึงเงินค่าสอนในกระเป๋าตังค์ก้อนสุดท้ายที่ผู้ปกครองเด็กที่ฉันสอนพิเศษประจำจ่ายมาก่อนเลิกจ้างแล้วก็อดถอนหายใจพรืดไม่ได้
เฮ้อออ... ไม่รู้ว่าวันนี้มันเวรซ้ำกรรมซัดอะไร ถึงได้ถูกเลิกจ้างแล้วก็ถูกทวงหนี้ในวันเดียวกันแบบนี้ =w=;;
เอ้อ เกือบลืมแนะนำตัว ฉันชื่อ ‘ละอองฟอง’ ปัจจุบันเป็นนักศึกษากินทุนเรียนของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง เนื่องจากบุพการีที่อยู่ต่างจังหวัดไม่มีเงินถุงเงินถังจะส่งเสีย ฉันเลยต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ใช้ชีวิตรวยต้นเดือน กลางเดือนกินแกลบมาสองปีกว่าๆ แล้ว งานที่ทำหลักๆ สำหรับนักศึกษาอย่างฉันก็หนีไม่พ้นเป็นติวเตอร์สอนพิเศษตามที่บอกตอนแรก และในเมื่อถูกเลิกจ้าง ฉันก็เดินหน้าหางานใหม่ทันที ปากก็เคี้ยวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตุ้ยๆ ในขณะที่มือเลื่อนสกอร์บาร์เม้าส์ไล่ดูประกาศรับสมัครติวเตอร์ในเว็บไซต์การศึกษาเจ้าประจำ
แต่ดูๆ แล้วมีแต่งานสอนที่เงินน้อยแฮะ ไอ้ที่ราคาสูงหน่อยก็อยู่ไกลจากที่พักเสียจริง นั่งรถไปกลับทีก็หมดเงินอื้อ เฮ้อออ... ไม่มีงานที่เงินดีๆ สักชั่วโมงละพันสองพันบ้างเลยหรือไงนะ =_=;;
ความคิดไม่ทันหายไปจากสมองดี พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นแบนเนอร์สีเหลืองสดใส มีตัวหนังสือสีดำประกาศด้วยประโยคสั้นๆ แต่ทำให้ฉันเบิกตากว้างทันที
รับสมัครติวเตอร์หญิง สอนตัวต่อตัว ทุกวันตั้งแต่เวลา 18.00-20.00 น.
2,000 บาทต่อชั่วโมง สถานที่สอนใกล้โรงแรมแกรนด์เซบาสเตียน มีรถรับ-ส่ง
ไม่ต้องเตรียมบทเรียนก่อนสอน สนใจติดต่อ 080-xxx-xxxx เพื่อสมัครและรับการสัมภาษณ์
วะ...ว่าไงนะ สะ...สองพันบาทต่อชั่วโมงงั้นหรือ! =O=!
ฉันทิ้งซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงพื้นทันใด นิ้วไล่ไปตามหน้าจอโดยไม่สนว่าผงชูรสจากซองบะหมี่จะเลอะเทอะขนาดไหน พร้อมอ่านทวนประกาศนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าที่ฉันเห็นไม่ได้ตาฝาด
พระเจ้า... ให้เงินเยอะพร้อมสวัสดิการชุดใหญ่ขนาดนี้ สงสัยคงเป็นลูกคนรวยล่ะมั้ง จะว่าไปไอ้โรงแรม แกรนด์เซบาสเตียนนี่ก็รู้สึกว่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่พักฉันเท่าไหร่แฮะ แต่มีการสัมภาษณ์ด้วย คงจะไม่ธรรมดาแน่ แล้วหัวขี้เลื่อยอย่างฉันจะสัมภาษณ์ผ่านหรือเนี่ย -_-
บ๊ะ! เอาก็เอาวะ ลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหาย
เท่านั้นฉันก็คว้าโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่ากึ้กขึ้นมากดเบอร์ที่ให้ติดต่อกลับทันใด เสียงสัญญาณระหว่างรอดังขึ้นพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวระส่ำ ก่อนที่ครู่หนึ่งเสียงนุ่มทุ้มจากปลายสายจะดังขึ้นตอบรับวัตถุประสงค์ของฉันอย่างทันใจ
[สวัสดีครับ]
“สวัสดีค่ะ ที่ประกาศรับสมัครติวเตอร์หญิงในเว็บ xxx ใช่มั้ยคะ คือว่า...”
ไม่อยากจะเชื่อว่าการคุยในเบื้องต้นเพื่อขอรับการสัมภาษณ์เป็นติวเตอร์ตามประกาศนั้นจะง่ายดายขนาดนี้ เพียงแค่บอกความวัตถุประสงค์ของฉันไม่กี่ประโยค ปลายสายก็ตอบรับพร้อมนัดสถานที่ให้มาสัมภาษณ์ในวันรุ่งขึ้นเสร็จสรรพ และตอนนี้ฉันก็มาอยู่ยังสถานที่นัดแล้ว ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากโรงแรมแกรนด์เซบาสเตียน โรงแรมที่มีเครือข่ายมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ และที่น่าตกใจอันดับแรกเมื่อมาถึงหน้าห้องสัมภาษณ์คือ...
หนึ่ง...
คนมาสัมภาษณ์เยอะมากกก! เยอะเว่อร์! เยอะกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แถมเป็นชะนีโบ๊ะหน้าจัดเต็ม มากันแบบสวยๆ ทั้งนั้น บางคนก็คุ้นหน้าคุ้นตาว่าเป็นดารานางแบบหางแถวด้วยเถอะ ว่าแล้วก็เหลือบมามองสภาพตัวเองในชุดนักศึกษากระโปรงพลีทยาวคลุมเข่า ...สุดจะไม่เข้าพวกเลย -_-
สอง...
คนประกาศรับสมัครและตอบรับให้ฉันมาสัมภาษณ์เมื่อคืนนี้เป็นผู้ช่วยของประธานโรงแรม อันนี้ฉันได้ยินสาวๆ เม้าท์กันระหว่างรอน่ะ
และสาม...
หากผ่านสัมภาษณ์ นักเรียนที่จะได้สอนคือลูกชายคนเดียวของตระกูลอัครเทวา ผู้เป็นเจ้าของเครือข่าย โรงแรมเซบาสเตียนทั้งหมดนี้!
โฮกกก! อกอีแป้นจะแตก = =;; หลงมาสมัครเป็นติวเตอร์ให้ลูกชายตระกูลไฮโซแบบไม่รู้ตัวซะแล้ว ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากประเมินคู่แข่งที่รอสัมภาษณ์ แต่ละคนดูดีมีชาติตระกูลทั้งนั้น อย่างฉันมาแบบโลโซงี้ คงไม่ได้หรอก จะถอดใจกลับตอนนี้ก็อุตส่าห์มาแล้ว เลยจำใจนั่งรอสัมภาษณ์อย่างช่วยไม่ได้ ทั้งๆ ที่พอจะเดาได้ว่าคงตกสัมภาษณ์เป็นแน่แท้
ไม่นานคนที่มีคิวสัมภาษณ์ก่อนหน้าฉันก็รับการสัมภาษณ์เสร็จ เสียงประตูที่เปิดออกเป็นสัญญาณให้ฉันรู้ว่า ถึงตาฉันเข้าไปในห้องเย็นนั้นแล้ว
“ต่อไปขอเชิญคุณละอองฟองครับ”
ชายหนุ่มในชุดสูทท่าทางภูมิฐานขานชื่อฉัน ฉันอึ้งไปเล็กน้อยกับใบหน้าคมของเขา ก่อนสติจะกลับมาอีกครั้งเมื่อเขาหันมาพูดกับฉัน
“คุณคือคุณละอองฟองใช่มั้ยครับ ถ้าใช่ขอเชิญเข้าไปด้านในเลย”
“ค่ะๆ... >_<” ฉันหลับหูหลับตาผงกหัวปลกๆ เดินตามคำเชื้อเชิญอย่างว่าง่าย
บรรยากาศภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหราในสไตล์ยุควิคตอเรีย ฉันนั่งลงตรงข้ามกับผู้ชายคนนั้น ลอบสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมสมาธิ ก่อนแนะนำตัวออกไปตามมารยาทในการสัมภาษณ์งาน