เมื่อได้ขนาดตัวของคนที่ต้องตัดชุดให้แล้ว กลับมาถึงบ้านกินข้าวมื้อเย็น อาบน้ำเสร็จ ฉินเสี่ยวหรานรีบเข้าห้องนอนเพื่อออกแบบชุดทั้งสามตัว ของเด็กนั้นไม่เท่าไรของผู้ใหญ่นี่สิ ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ ผ้าที่ใช้จึงใช้เยอะ
ภายในห้องมีไฟให้ใช้แต่ก็สลัวมาก ฉินเสี่ยวหรานจึงจุดตะเกียงช่วย ถึงแม้ว่าจะสิ้นเปลือง แต่เธอไม่มีเวลาพอ รีบทำให้เสร็จและเข้านอน พรุ่งนี้เช้าพันตรีเว่ยจะมารับเธอไปเลือกม้วนผ้าเพื่อตัดเย็บ ค่าผ้าในส่วนนี้คุณนายเว่ยเป็นคนจ่ายให้ หน้าที่ของเธอคือเลือกซื้อผ้าและตัดเย็บ
ตอนเช้าฉินเสี่ยวหรานรีบลุกไปรดน้ำผัก แล้วไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำเมื่อกลับมาก็เป็นเวลาที่พ่อเธอกลับมาจากวิ่งออกกำลังกาย ทั้งสองทักทายกันเล็กน้อยและแยกย้ายกันทำธุระของตนเอง
เป็นเวลาที่คนในบ้านตื่นพอดี ฉินเสี่ยวหลิงรับหน้าที่ในการทำอาหารตอนเช้า ฉินเสี่ยวหรานกวาดบ้านระหว่างรอรับประทานอาหาร ส่วนผู้เป็นแม่กำลังช่วยพ่อแต่งตัวในห้อง
"แม่คะ วันนี้ให้เสี่ยวหลิงไปกับแม่นะคะ หนูต้องออกไปซื้อม้วนผ้ากับพันตรีเว่ย หากให้น้องสาวไปด้วยก็เกรงใจเขา" ฉินเสี่ยวหรานบอกแม่ของเธอที่เดินออกมาพอดี
“จ้ะ"
ที่บ้านรู้กันหมดแล้วว่าฉินเสี่ยวหรานต้องตัดเย็บเสื้อผ้าถึงสามชุดจึงสนับสนุนไม่ได้ห้ามปราม ฉินหานในชุดทหารเดินออกมานอกห้อง "รักษาระยะห่างเอาไว้นะ ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ชายและผู้หญิง"
"ค่ะ"
ฉินเสี่ยวหรานไม่รู้ว่าเธอจะไปซื้อของนานแค่ไหน และไม่อยากให้น้องสาวอยู่คนเดียวนาน เธอเลือกที่จะให้ฉินเสี่ยวหลิงไปทำงานกับแม่จะสบายใจมากกว่า อีกทั้งต่อให้เธอกลับบ้านพักแล้วฉินเสี่ยวหลิงก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่ดี
รับประทานอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนออกจากบ้านไปหมด เหลือเพียงฉินเสี่ยวหรานที่เตรียมตัวอยู่ เป็นผู้หญิงการแต่งหน้าย่อมเป็นเรื่องปกติและเธอใช้เวลาไม่นานก็มีคนเรียกอยู่หน้าบ้าน
"พันตรีเว่ย" เป็นเขาที่มาพร้อมรถยนต์ บ้านเว่ยมีเงินมากจริง ๆ ถึงขนาดยอมเช่ารถยนต์เพื่อเข้าไปซื้อม้วนผ้าในเมือง
"คุณหนูฉิน"
ฉินเสี่ยวหรานหยิบกระเป๋าผ้าในห้องนอน เธอจัดการล็อกบ้านอย่างแน่นหนาถึงขึ้นมานั่งข้างคนขับ เขาไม่ใช่คนขับรถของเธอ การที่ไปนั่งข้างหลังจะเป็นการไม่ให้เกียรติ
"ชุดที่ฉันออกแบบให้จะเป็นชุดกึ่งสุภาพกึ่งทางการ สามารถใส่ในงานเลี้ยงของกองทัพได้ค่ะ" ฉินเสี่ยวหรานหยิบแผ่นกระดาษที่ใช้เวลาออกแบบเพียงสามสิบนาทีของเมื่อคืนให้ดู
"ครับ"
เธอมาร้านเดิมที่ซื้อม้วนผ้ารอบที่แล้ว เพราะรู้สึกว่าเนื้อผ้าดีและมีคุณภาพ รวมถึงราคาค่อนข้างถูก หากให้เทียบกับร้านอื่น เสื้อที่ตัดออกมาแล้วจะใส่ได้นาน
ฉินเสี่ยวหรานเหลือบมองคนที่เดินตามหลังก่อนจะเข้าไปดูผ้าที่สามารถใช้เทียบกับผิวได้ พันตรีเว่ยเป็นทหาร แต่ผิวที่ควรดำคล้ำกลับขาวสว่างเหมือนไม่เคยตากแดด สีแรกที่ฉินเสี่ยวหรานคิดได้คือสีเขียว
"สีนี้เข้ากับคุณมากเลยค่ะ แต่ว่าคุณมีสีที่ชอบในใจหรือไม่คะ" ที่ฉินเสี่ยวหรานไม่เรียกเขาว่าพันตรีเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นมองไม่ดี เธอเป็นผู้หญิงที่อายุยังน้อย กับเขาที่เป็นทหารยศใหญ่
"สีไหนก็ได้ทั้งหมดครับ"
เว่ยเซียวไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการตัดเย็บ ส่วนมากแม่ของเขาจะเป็นคนจัดการให้ เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้ถึงให้เขาตามฉินเสี่ยวหรานมาเลือกผ้าและทำเรื่องอื่น ๆ เอง
"ฉันอยากดูสีนี้ค่ะ มีผ้าสีนี้อีกไหมคะ"
"มีค่ะ"
ถึงแม้ว่าสีเขียวจะเข้ากับชายหนุ่มมากแค่ไหน ฉินเสี่ยวหรานยังต้องการดูผ้าสีอื่นอีก และสีเขียวที่ว่าภายในร้านมีให้เลือกหลายระดับ อ่อน เข้ม หรือสีที่ตัดกัน พนักงานร้านยังเอาออกมาให้ดู
ฉินเสี่ยวหรานเลือกผ้าด้วยความตั้งใจ เมื่อเห็นว่าสีไหนสวยก็นำมาทาบกับผิวของเจ้าของชุด ไม่เข้ากันก็แยกออก กว่าจะได้สีที่ตรงใจจริง ๆ ใช้เวลาไปสามชั่วโมง ไหนจะสีของเด็ก ๆ อีก
"แวะร้านอาหารก่อนครับ"
"ได้ค่ะ"
ร้านอาหารที่เว่ยเซียวเลือกเป็นร้านบะหมี่ที่ไม่มีคน เขาเลือกโต๊ะข้างในสุด ฉินเสี่ยวหรานไม่เรื่องมาก เธอเดินตามไปนั่งลงพร้อมสั่งบะหมี่หนึ่งชาม
เว่ยเซียวขยับตัวเบา ๆ สองครั้งก่อนถาม "บ้านฉินจะมาอยู่ในกองทัพตลอดเลยหรือไม่"
"ค่ะ พวกเราจะอยู่ที่นี่จนกว่าบ้านพักจะเต็มแล้ว"
เนื่องจากบ้านพักทหารเป็นสวัสดิการจากกองทัพ และยังมีบ้านพักหลายหลัง ต่อให้เกษียณไปแล้วก็ยังสามารถอยู่ต่อในกองทัพได้ ยกเว้นบ้านพักจะเต็ม ทหารที่เกษียณต้องย้ายออกจากที่นี่ หรือถ้ามีคนทำงานในกองทัพก็สามารถพักต่อได้
อีกทั้งการย้ายมาอยู่ในกองทัพไม่ใช่เหตุผลเพียงเพราะพ่อฉินได้เลื่อนยศเท่านั้น ย่าฉินไม่พอใจที่แม่ของเธอมีเพียงลูกสาวสองคนและไม่มีลูกชายให้สามี ต้องการให้พ่อฉินแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ที่สามารถคลอดเด็กผู้ชายอ้วนกลมให้แก่พ่อได้ ถึงจะเหมาะสมกับยศพันตรี
แต่พ่อฉินไม่ยอม ตอนแต่งงานก็ถูกบังคับ ในตอนนี้รักกันดีกับภรรยาทำไมต้องแต่งงานใหม่อีก จึงยื่นขอบ้านพักก่อนกลับไปที่หมู่บ้านในชนบท แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ย่าฉินก็พาเด็กรุ่นลูกมาที่บ้าน พ่อฉินโมโหขอแยกบ้าน และพาภรรยากับลูกสาวมาที่กองทัพ
ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าจะย้ายหลังฉินเสี่ยวหรานกับฉินเสี่ยวหลิงจบมัธยมปลายและมัธยมต้น แต่ต้องผิดแผน และพ่อฉินยอมถูกด่าว่าอกตัญญูดีกว่าไปแต่งงานใหม่กับผู้หญิงอายุคราวลูกสาว
ฉินเสี่ยวหรานที่รู้เรื่องนี้ได้แต่โมโหในใจและทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อพวกเธอไม่สามารถที่จะกลับไปที่หมู่บ้านได้อีก ก็ถูกไล่มาเหมือนหมูเหมือนหมาขนาดนั้น
"ในกองทัพมีหลายหน่วยงานให้ทำ เมื่อชอบการตัดเย็บก็ลองเข้าไปทำงานในโรงตัดเย็บดูสิ" เว่ยเซียวแนะนำ "เงินเดือนในกองทัพยังดีกว่าหางาข้างนอกทำ"
ฉินเสี่ยวหรานไม่ตอบ เธอก้มหน้ากินบะหมี่ที่มาเสิร์ฟ การตัดเย็บของเธอตอนนี้ยังมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ในอนาคตที่จะถึงเธอจะกลายเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าให้ได้
การค้าขายต้องบอกว่าเป็นทางลัดสู่ความร่ำรวยเร็วที่สุดแล้ว เธอต้องวางแผนอีกหลายอย่างเพื่อรับมือ พ่อแม่ของเธอต้องสบาย และไม่ต้องทำงานหนักเหมือนแต่ก่อน
ใช้เวลาสามสิบนาทีในการกินบะหมี่ เว่ยเซียวใช้ความเร็วในการจ่ายเงินและเดินออกจากร้าน เขาเดินเข้าร้านค้าร้านนี้เดินออกร้านนั้น ฉินเสี่ยวหรานเดินตามไม่ทันจึงขอรอที่รถแทน
เมื่อได้ของครบแล้ว ทั้งสองจึงกลับไปยังกองทัพเพื่อนำของไปเก็บและจะได้แยกย้ายกัน ฉินเสี่ยวหรานก็เหลือบมองถุงกระดาษหลายถุงที่พันตรีเว่ยซื้อมา
"แม่ของผมซื้อให้" เว่ยเซียวยื่นถุงกระดาษให้หญิงสาวที่มองอย่างงง ๆ หลังนำม้วนผ้าเข้าไปเก็บในห้อง
"คุณนายเว่ยซื้อให้จริง ๆ หรือคะ"
ในเมื่อไปด้วยกันสองคน และยุคนี้ไม่มีใครใช้โทรศัพท์ติดตัว จะซื้อให้ได้อย่างไร เหมือนเว่ยเซียวจะรู้ทันความคิด เขาจึงเอ่ยตอบ "อืม ก่อนที่จะมารับเธอน่ะ"
"ฝากขอบคุณคุณนายเว่ยด้วยค่ะ"
"อืม"
ในเมื่อผู้ใหญ่ให้ของ ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่เสียมารยาท เธอรับของเอาไว้ มองรถยนต์ที่เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้าน ก่อนจะรีบเข้าไปในบ้านเพื่อดูของที่พันตรีเว่ยบอกว่าคุณนายเว่ยซื้อให้
"หืม อาหารแห้ง?"
ฉินเสี่ยวหรานขมวดคิ้ว เมื่อของฝากปรากฏแก่สายตา ของทะเลแห้ง เนื้อแห้ง ผลไม้อบแห้ง และอาหารกระป๋องหลายกระป๋องวางอยู่ตรงหน้า ของพวกนี้มีราคาแพงพอสมควร เพราะเป็นของที่ทำมาแล้วและเก็บไว้ได้นาน
ยิ่งเปิดถุงสุดท้ายพบว่าเป็นเครื่องสำอางของผู้หญิงยิ่งตกใจ มันเหมือนเครื่องสำอางที่เธอมีอยู่ และฉินเสี่ยวหรานใช้มาแล้วเป็นปีเพราะต้องเก็บเงินซื้อ
คุณนายเว่ยซื้อให้จริง ๆ หรือ!