นายแพทย์หนุ่มก้าวเข้าไปภายในบ้าน และเดินเลยเข้าไปในครัวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ จึงรู้ที่มาของกลิ่นจนเขาต้องทำจมูกฟุดฟิดตอนอยู่ข้างนอก มาจากหม้อเคลือบใบย่อมที่กำลังเดือดพล่านอยู่บนเตาแก๊ส กลิ่นหอมที่เข้าจมูกบ่งบอกว่าเป็นข้าวต้มเครื่องแน่นอน และที่สำคัญน่าจะอร่อยด้วย
เพราะความอยากรู้ทำให้ขาทั้งคู่เดินไปดูตรงหน้าเตาทันที แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกใหญ่
“โห...น่ากินชะมัด”
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
เสียงทักทายที่ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังให้ความสนใจกับหม้อข้าวต้มเครื่องบนเตาหันไปมอง ก็เห็นร่างสูงระหงของหญิงสาว ที่เมื่อกี้เขากับผู้เป็นเพื่อนพูดถึงยืนส่งยิ้มอยู่
“นี่...คุณพริมหรือครับ”
ที่นายแพทย์หนุ่มต้องเอ่ยทักออกไปราวกับไม่แน่ใจแบบนี้ เพราะหญิงสาวหน้าตาสวยน่ารักที่ยืนยิ้มอยู่ เป็นคนเดียวกับคนเมื่อคืนที่เพื่อนเขาขับรถชนจนจำอะไรไม่ได้แน่หรือ
เมื่อคืนเขาก็คิดว่าเจ้าตัวเป็นผู้หญิงหน้าตาดีแล้วนะ แต่ที่เห็นยืนอยู่ตรงหน้านี่จัดว่าเป็นคนสวยทีเดียว ทั้งยังมีความน่ารักตรงรอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า จนเขาต้องเผลอยิ้มตอบออกไป
ผู้หญิงคนนี้เหมาะแล้วกับคำว่าสวยแบบมีชีวิตชีวา อย่างที่เขาเพิ่งพูดกับผู้เป็นเพื่อนออกไปหยกๆ ไม่ใช่สวยปลอมๆ อย่างพิมพ์มาดา ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าปรุงแต่งด้วยศัลยกรรม
“พริมเองค่ะ”
“ตอนนี้คุณพริมยังรู้สึกปวดหัวอยู่หรือเปล่าครับ”
คนถูกถามค่อยๆ ยกมือขึ้นแตะที่ศีรษะเพื่อความแนบเนียน แล้วตามน้ำด้วยอาการยิ้มแหยๆ
“จะปวดมากก็ตอนที่พยายามคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนนี่แหละค่ะ”
นี่คงเป็นคำตอบที่คงต้องพูดอีกบ่อยครั้งยามถูกถาม ตั้งแต่เกิดมาพริมาไม่นึกมาก่อนเลยว่า ตัวเองจะกลายเป็นคนพูดจาโกหกได้อย่างคล่องแคล่วถึงเพียงนี้!
คุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก โปรดอภัยให้ลูกช้างด้วยเถิด ที่ต้องพูดโกหกเพราะความจำเป็นและเหตุการณ์บีบบังคับ คนโกหกคิดพลางก็พร่ำพูดขอโทษขอโพยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไปด้วย
“ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณพริมก็อย่าเพิ่งนึกอะไรตอนนี้เลยครับ เพราะถ้าปวดหัวมากๆ แทนที่จะจำอะไรได้อาจทำให้แย่ลงนะครับ อยู่บ้านไอ้ภัทรไปก่อนจนกว่าจะจำอะไรได้แล้วกันครับ”
“ภัทร”
หญิงสาวแกล้งพูดทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มหน้าหงิก แต่หล่อทะลุสามโลกนั่นชื่อภัทร ทว่าไม่รู้ว่าชื่อเต็มๆ คืออะไรเท่านั้นเอง
“อ๋อ...ไอ้ภัทรหรือนรภัทร เจ้าของบ้านหลังนี้ไงครับ ส่วนผมชื่อแทนคุณจะเรียกว่าคุณก็ได้ครับ แต่ถ้าจะให้ดีเรียกว่าพี่คุณดีกว่าครับ เพราะเรียกว่าคุณคุณฟังดูแล้วมันแปลกๆ” นายแพทย์หนุ่มพูดอย่างคนอารมณ์ดีเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากพริมา
“นั่นสิคะ คุณคุณฟังดูแล้วแปลกจริงๆ แต่พริมขอเรียกว่าคุณหมอดีกว่าค่ะ”
“ตามใจครับ” นายแพทย์หนุ่มพูดยิ้มๆ ก่อนจะมองตามหญิงสาว ที่เดินไปคนข้าวในหม้อจนทั่วก่อนจะปิดแก๊ส “เช้านี้ผมเข้ามาที่นี่กะว่าคงได้กินอาหารฝีมือแย่ๆ ของเพื่อนผมเป็นแน่ เพราะมันเพิ่งเชิญแม่ครัวออกไป ไม่นึกว่าจะมีลาภปากได้กินข้าวต้มอร่อยๆ ฝีมือคุณพริม”
“ไม่รู้ว่าจะอร่อยอย่างที่คุณหมอว่าหรือเปล่านะคะ เพราะพริมทำตามจิตใต้สำนึกว่าตัวเองเคยทำได้”
หญิงสาวพูดถ่อมตัวเพราะนอกจากไข่เจียวคงมีข้าวต้มเครื่องนี่ละมั้ง ที่เธอทำได้อร่อยเพราะจดจำขั้นตอนวิธีการทำมาจากคุณยายที่ต่างจังหวัด แล้วโชคดีข้าวต้มหมูสับที่ทำมีจำนวนมากหน่อย เพราะคิดว่าจะกินทดแทนเมื่อคืน ไม่งั้นคงไม่พอกินสำหรับสามคนเป็นแน่
“จิตใต้สำนึก!”
นายแพทย์หนุ่มอุทานขึ้นมา แล้วก็พลันนึกได้ว่าเมื่อกี้ได้ยินผู้เป็นเพื่อนก็พูดถึงเรื่องนี้ ที่แท้คงเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการทำกับข้าวของหญิงสาวตรงหน้าเป็นแน่
“กลิ่นหอมขนาดนี้บ่งบอกได้อยู่แล้วครับว่าอร่อย แสดงว่าเมื่อก่อนคุณพริมต้องเป็นคนทำกับข้าวเก่งแน่ๆ เลยครับ”
“ก็อาจเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ค่ะ” พริมาพูดพลางหัวเราะ “เมื่อกี้คุณหมอบอกว่าที่นี่เคยมีแม่ครัวด้วยหรือคะ”
แทนคุณพยักหน้า
“ใช่ครับ ผมเป็นคนหามาให้เอง แต่ฝีมือทำกับข้าวคงย่ำแย่จนเพื่อนผมรับไม่ได้ เลยต้องเชิญออกไปเมื่อไม่กี่วันนี่เองครับ ปกติภัทรเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายนะครับแต่นี่คงเหลือรับจริงๆ ”
“เพื่อนคุณหมอหรือคะเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย”
พริมาฟังแล้วไม่อยากจะเชื่อจริงๆ เจ้าของบ้านหน้าบอกบุญไม่รับนี่นะเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ถ้าบอกว่าเป็นคนพูดเองยังจะเชื่อเสียกว่า
“จริงๆ ครับ ผมกับภัทรเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
ขณะเดียวกับคนกินง่ายอยู่ง่ายที่กำลังถูกพูดพาดพิงถึงนั้น กำลังยืนหน้าบูดบอกบุญไม่รับอยู่หน้าประตูครัว หลังจากขึ้นไปอาบน้ำเรียกความสดชื่นเรียบร้อย ดวงหน้าขาวจัดยังมีหยดน้ำเกาะพราว และที่รีบลงมาเพราะความอยากดื่มกาแฟ
เสียงหัวเราะที่ได้ยินแว่วมาจากในครัว เรียกให้เท้าทั้งคู่รีบก้าวตามเสียงไปโดยเร็ว แล้วจะไม่ให้เขานึกฉุนได้อย่างไร จู่ๆ ก็ถูกพูดพาดพิงถึงหรือจะเรียกว่านินทาคงไม่ผิดนัก นึกหมั่นไส้เจ้าหมอเพื่อนรักขึ้นมาครามครัน ที่ดูจะสนิทสนมกับผู้หญิงที่เขาจำต้องพามาดูแลเสียจริง ตอนที่เขาคบหาเป็นแฟนกับพิมพ์มาดา อีกฝ่ายยังไม่เคยให้ความสนิทสนมเท่านี้เลย