บทที่3ทางที่ไม่มีวันหวนกลับE.3

1226 Words
“ยังสวยอยู่แต่ดูกร้านชีวิตขึ้นเยอะไม่ใสเหมือนเก่า แล้วเจ้าหล่อนยังถามหาเอ็งด้วยนะไอ้ภัทร ข้าว่ามันดูแปลกๆ ไปว่ะ ตอนทิ้งไปมีแฟนใหม่เป็นนายแบบไฮโซนั่น ก็ไปแบบไม่ไยดีสักนิด” สีหน้าของนรภัทรตึงขึ้นมาทันทีกับคำพูดของผู้เป็นเพื่อน “เอ็งพูดให้มันเข้าหูข้าหน่อยไอ้หมอ เอ็งลืมไปแล้วหรือวะว่าข้าไม่ได้ถูกทิ้งแค่ถูกบอกเลิก คำว่าทิ้งกับคำว่าเลิก ความหมายมันไม่ได้ใกล้เคียงกันเลยนะโว๊ย“ คนจงใจพูดผิดหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่ “เออ ข้าพูดผิด” “ไหนๆ ก็พูดถึงแล้ว ขอพูดอีกสักหน่อยเถอะว่ะ ดาด้าน่ะต่อหน้ากับลับหลังเอ็งน่ะไม่เหมือนกันเลย” พูดพลางก็มองหน้าผู้เป็นเพื่อนไปด้วย ครั้นเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้แสดงอาการผิดปกติเมื่อพูดถึงอดีตคนรักแทนคุณจึงพูดต่อ “จำได้ไหมที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง ตอนเอ็งคบกับยายดารานั่นช่วงกำลังหวานชื่น ข้าแอบได้ยินเจ้าหล่อนคุยโทรศัพท์กับเพื่อน แล้วเผลอพูดถึงเอ็งออกมาว่า ที่คบหาเพราะหน้าตาหล่อถูกใจและที่สำคัญกำลังเป็นนักเขียนบทมือทอง อาจช่วยต่อยอดเรื่องงานได้ ข้าเล่าให้ฟังแต่ตอนนั้นเอ็งกำลังตกอยู่ในห้วงรัก ไม่เชื่อที่ข้าพูดหาว่าคิดอคติ” นรภัทรฟังแล้วก็หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนขึ้นมาในทันใด และภาพทั้งหมดก็ฉายชัดขึ้นราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน ตอนนั้นเขาเป็นเช่นที่ผู้เป็นเพื่อนพูดจริงๆ ตอนนั้นเขาหลบออกจากบ้าน อาศัยบ้านของอีกฝ่ายเป็นหลุมหลบภัย สาเหตุมาจากเรื่องที่ถูกผู้เป็นย่าจะจับแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ ขณะนั้นนามปากกา ‘รัศมีจันทร์’ ของเขาโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงการแล้ว แต่คงไม่มั่นคงพอสำหรับพิมพ์มาดา ที่กำลังเป็นดาราดาวรุ่งโด่งดังในโลกมายา จนทำให้เจ้าหล่อนเข้าใจว่าเขาจนต๊อกต๋อย กระทั่งบอกเลิกกับเขาขณะถ่ายทำละครเรื่องใหม่ โดยให้เหตุผลว่าต้องสร้างกระแสคู่จิ้นกับดารานายแบบไฮโซ ที่กำลังแสดงละครคู่กันจนกระทั่งกลายเป็นคู่ขวัญ และแฟนคลับพากันเชียร์ให้เป็นคู่รักกันนอกจอ ถ้ายังคบกับเขาแล้วเกิดมีใครรู้เข้าจะทำให้ชื่อเสียงตกลงได้ ชายหนุ่มยอมรับ ณ ตอนนั้นรู้สึกผิดหวังมาก แต่เมื่อนึกถึงคำบอกเล่าของผู้เป็นเพื่อน ที่เคยเล่าให้ฟัง ถึงสาเหตุที่พิมพ์มาดาคบหากับเขา เพื่อหวังผลประโยชน์และหน้าตาเท่านั้น ทำให้ให้นรภัทรตัดใจเทความรู้สึกชอบจนเกือบรักทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ทั้งที่เคยคิดจะพาอีกฝ่ายไปแนะนำให้ครอบครัว โดยเฉพาะผู้เป็นย่าให้รู้จักว่าเป็นคนรัก จะได้ล้มเลิกความคิดจะจับเขาแต่งงานเสียที “แล้วเอ็งจะเอาเรื่องเก่าๆ มาพูดเพื่ออะไรวะไอ้หมอ เรื่องของดาด้าข้าลืมไปหมดแล้ว” คนเอาเรื่องในอดีตมาพูดหัวเราะออกมาเบาๆ “ข้าก็แค่พูดถึงเพราะอยากรู้ว่าเอ็งลืมแม่ดารานั่นแล้วหรือยังเท่านั้น” “เอ็งอยากจะลองใจข้าว่างั้นเถอะ” เจ้าของริมฝีปากสวยราวผู้หญิงเหยียดยิ้มเยาะออกมา “เอ็งเป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็กก็น่าจะรู้นิสัยข้าดีว่าจบเป็นจบ ต่อให้มาแก้ผ้าต่อหน้าก็ไม่มีวันชายตาแลหรอกว่ะ” “เออ ข้าจะจำคำเอ็งไว้ แต่ข้าสังหรณ์ใจว่ายายดาด้าเนี่ยต้องมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเอ็งว่ะ หรือตอนนี้ยายนี่อาจรู้แล้วว่าเอ็งไม่ได้จนต๊อกต๋อย อย่างที่เคยคิดดูถูกไว้ก็ได้นะไอ้ภัทร” นรภัทรเหยียดยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง “อันนี้ข้าก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่ะ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็คงไม่เกี่ยวกับข้า ว่าแต่เอ็งมาหาแต่เช้าจะมาบอกแค่เรื่องนี้เองหรือวะ” “ข้าจะมาขอข้าวกับกาแฟบ้านเอ็งกินว่ะ ขี้เกียจหิ้วท้องกลับไปบ้าน” คนเป็นเพื่อนตอบก่อนจะสอดส่ายสายตามองเข้าไปในบ้านแล้วทำจมูกฟุดฟิด “หอมอะไรวะเนี่ย แล้วผู้หญิงที่เอ็งหิ้วกลับมาเป็นไงบ้างวะจำอะไรบ้างได้หรือยัง” แทนที่จะมีคำตอบจากปากของเจ้าของบ้าน แต่เป็นคำด่าออกมาแทน “วันนี้ปากเอ็งเป็นอะไรไอ้หมอพูดจาไม่เข้าหูตลอด” “พูดจาไม่เข้าหูเรื่องอะไรวะ” นรภัทรมองเพื่อนตาขุ่น “ที่เอ็งบอกว่าข้าหิ้วผู้หญิงมาไงล่ะ ตัวเอ็งนั่นแหละเป็นคนบอกให้ข้าพามาเองไม่ใช่หรือวะไอ้หมอปากเสีย แล้วยังมาพูดจาแบบนี้อีก” คราวนี้คนถูกด่าว่าปากเสียหัวเราะเสียงดังลั่น “เออ ข้าพูดผิดไปจริงๆ แล้วตกลงจำอะไรได้บ้างหรือยังวะ” คนถูกถามส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยถาม “เอ็งว่าคนความจำเสื่อมนี่จะมีจิตใต้สำนึกไหมวะ อย่างเช่นจำได้ว่าเคยทำกับข้าวเป็น” หัวคิ้วของคนเป็นหมอขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด “ก็มีความเป็นไปได้ แกหมายถึงคุณพริมใช่ไหม” นรภัทรพยักหน้า ไม่ได้ขยายความเกี่ยวกับเรื่องจิตใต้สำนึกที่พูดออกไปแต่อย่างใด แต่รีบชวนให้ผู้เป็นเพื่อนเข้าไปในบ้าน “เข้าไปข้างในกันเถอะว่ะ” คนถูกชวนชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวตามเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “เอ้อ ยายป้าที่อยู่บ้านเยื้องกับเอ็งนั่น ยังไม่เลิกสอดส่องบ้านเอ็งอีกหรือวะ เมื่อกี้ข้าจอดรถบีบแตรเห็นแกเปิดประตูแอบมองอยู่” คนถูกถามเผยรอยยิ้มอย่างเบื่อหน่าย “ข้าล่ะเบื่อ นี่แหละเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ข้าต้องเชิญแม่ครัวที่เอ็งหามาให้ออกไป เพราะนอกจากจะทำกับข้าวไม่เป็นสัปปะรดแล้ว ยังเอาข้าไปนินทากับป้าคนที่เอ็งว่าอีก สมควรเก็บเอาไว้ไหมล่ะ เรื่องยักยอกของใช้ในบ้านน่ะข้าไม่ซีเรียสเท่ากับการพูดมาก” “เออ ข้าเข้าใจ แล้วทีนี้ใครจะทำกับข้าวให้เอ็งกินล่ะไอ้ภัทร ถึงแม้ป้าประภาแกจะทำกับข้าวไม่ได้เรื่องแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครทำให้กินแหละวะ” นรภัทรมองเข้าไปในบ้าน “ข้าก็ให้คุณพริมของเอ็งใช้จิตใต้สำนึกที่มีอยู่ทำให้กินไงวะ เดี๋ยวก็รู้ว่าจะกินได้หรือกินไม่ได้” ชายหนุ่มพูดออกไปอย่างนั้นเอง เพราะไข่เจียวที่เขากินเป็นประจักษ์พยานได้ ถึงรสชาติฝีมือของผู้หญิงที่เขาเก็บมาได้ว่าเป็นอย่างไร “แหม...พูดมาได้ว่าคุณพริมของข้า แต่จะว่าไปแล้วผู้หญิงคนนี้สวยนะ สวยแบบยังไงบอกไม่ถูก เรียกว่ามีชีวิตชีวาน่าจะเหมาะกว่า” คนฟังถอนหายใจอย่างหงุดหงิดโดยไม่รู้สาเหตุ “เอาล่ะ อย่ามัวแต่พูดพร่ำอยู่เลย ถ้าอยากจะกินกาแฟหรือกินข้าวก็เข้าไปข้างใน ข้าจะขึ้นไปอาบน้ำซะหน่อย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD