“คุณเป็นคนทำน่ะสมควรแล้วเพราะคุณอาศัยบ้านผมอยู่” ชายหนุ่มพูดตอกย้ำพลางมองหญิงสาวด้วยสายตาฉายแววสงสัย
“....” พริมาฟังแล้วได้แต่อึ้งพูดไม่ออก
“คุณบอกว่าจำอะไรไม่ได้เลยแต่ทำไมถึงทำไข่เจียวได้” คำว่าอร่อยที่ควรจะพูดต่อท้ายหายเข้าไปในลำคอ
“เอ้อ...”
คนที่กำลังอึ้งพูดไม่ออกอยู่แล้วรีบคิดหาคำมาโต้ตอบทันที ความหิวที่เป็นอยู่หายไปชั่วขณะ ก่อนจะแสร้งทำสีหน้าเอ๋อๆ พูดตอบออกไป
“อาจเป็นจิตใต้สำนึกของฉันที่คิดว่าตัวเองเคยทำก็ได้มังคะ เพราะพอคิดถึงไข่เจียวขึ้นมาปุ๊ปใจก็สั่งให้ทำทันที ตอนทำเสร็จยังงงๆ อยู่เหมือนกันค่ะ”
ส่วนนรภัทรที่ถามออกไปไม่ได้คิดอะไร แค่อยากกลบเกลื่อนความหน้าไม่อายของตัวเองเท่านั้น พอฟังแล้วดวงหน้าหล่อเหลาก็ผุดยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว ถ้าทำไข่เจียวอร่อยแสดงว่าทำอย่างอื่นต้องอร่อยด้วยอย่างแน่นอน เพราะเขาเคยได้ยินผู้เป็นเพื่อนบอกว่า ใครทำไข่เจียวได้อร่อยเนี่ยถือว่าสุดยอดฝีมือแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้คุณจงใช้จิตใต้สำนึก ที่คิดว่าตัวเองเคยทำเป็น หุงข้าว ทำกับข้าวให้ผมเป็นการแลกเปลี่ยน ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ผมต้องพาคุณมาอยู่ด้วยแล้วกัน”
พริมาฟังแล้วไม่ได้คิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นเหนือบ่ากว่าแรง เรื่องการทำกับข้าวสำหรับเธอแล้วไม่ได้ยากเย็นเกินกว่าจะทำได้ แม้ว่าตอนอยู่ต่างประเทศจะทำได้แต่กับข้าวพื้นๆ อย่างไข่เจียวก็ตามเถอะ จึงตกปากรับคำออกไปอย่างเต็มอกเต็มใจ
“ตกลงค่ะ”
“รวมทั้งทำความสะอาดบ้านด้วย”
เจ้าของบ้านหน้าดุพูดต่อทำเอาคนรับหน้าที่เพิ่ม ต้องกวาดตามองไปรอบๆ บริเวณบ้านที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร เมื่อกี้บอกแค่ทำกับข้าวอย่างเดียว แต่ตอนนี้บอกให้ทำความสะอาดด้วย ก่อนจะค่อนว่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ
แหม ได้คืบจะเอาศอกเชียว แต่จะทำไงได้ตอนนี้เธอต้องพึ่งพาเขาอยู่
เอาวะ...ลองหัดเป็นยายแจ๋วสักครั้งจะเป็นไรไป
“ก็ได้ค่ะ”
“คุณจะมาใช้คำว่าก็...ไม่ได้ ต้องบอกว่าได้เท่านั้น” คนสั่งพูดน้ำเสียงเฉียบขาด
“ค่ะ แล้วเสื้อผ้าของคุณฉันต้องซักรีดให้ด้วยไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามและรอคำตอบอย่างใจจดจ่อ
“ไม่ต้อง ผมมีคนทำให้แล้ว”
คำพูดที่ได้ยินทำเอาพริมาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะการรีดผ้าเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับเธอทีเดียว
“เอาละ ในเมื่อข้าวจานนี้เป็นของผมแล้วคุณไปหุงใหม่แล้วกัน ข้าวสารอยู่ตรงโน้นไข่ในตู้เย็นก็มี” พูดจบเจ้าของร่างสูงในชุดกางเกงผ้ายืดเนื้อหนาสีเทากับเสื้อยืดสีขาว ก็เดินถือจานข้าวโปะด้วยไข่เจียวที่เหลือเดินจากไปหน้าตาเฉย แม้จะรู้สึกละอายใจบ้างก็ตาม
“คนอะไรหน้ามึนที่สุด”
แม้อยากจะใช้คำหนักกว่านี้แต่พริมาก็ต้องละไว้ คนที่ตอนนี้ควรจะนั่งกินข้าวไข่เจียวอย่างเอร็ดอร่อย กลับต้องยืนจ้องสิ่งที่ควรจะเป็นของตัวเองตาละห้อย แต่ก็ตัดใจทำใหม่ก็ได้ หุงข้าวแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็สุกส่วนไข่เจียวก็เหมือนกัน
คิดอย่างนี้แล้วก็สบายใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นพริมารู้สึกตัวตื่นตอนตีห้าซึ่งเช้ากว่าปกติ อาจเป็นเพราะแปลกที่ก็เป็นได้ แต่จะว่าไปเมื่อคืนเธอนอนหลับสบายรวดเดียวจนถึงเช้า ทั้งๆ ที่บ้านนี้เป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับเธอ ควรจะนอนไม่หลับด้วยซ้ำ
ไม่รู้เป็นเพราะคิดว่าเจ้าของบ้าน ไม่เป็นอันตรายสำหรับตัวเองหรือเปล่าก็สุดจะคาดเดา
หญิงสาวรีบอาบน้ำเปลี่ยนจากชุดนอนลายการ์ตูนสีสันสดใสที่เลือกซื้อมาเมื่อคืน เป็นกางเกงยีนห้าส่วนสีเข้ม เสื้อคอปาดสีขาวยาวคลุมสะโพก ที่พนักงานขายช่วยเลือกให้จากราวแขวนในร้าน โดยคนใส่อย่างเธอแทบไม่ได้ดูแบบเลยด้วยซ้ำ เพราะความรีบร้อนของเจ้าของเงินที่ยืนหน้าหงิกงอรอจ่ายเงินอยู่ แต่เมื่อสวมแล้วมองดูตัวเองในกระจกก็สวยใช้ได้เหมือนกัน
อาจเป็นความโชคดีของตัวเองที่เกิดมาเป็นคนรูปร่างสูงได้มาตรฐาน จึงสวมใส่เสื้อผ้าได้โดยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร หญิงสาวใช้หนังยางรัดผมยาวๆ ของตัวเองเป็นหางม้าง่ายๆ เหมาะสำหรับการทำงานบ้านที่ตกปากรับคำกับเจ้าของบ้านเอาไว้เมื่อคืน แต่ในเมื่อตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาขอชงกาแฟดื่มก่อนแล้วกัน
หญิงสาวมองกาแฟยี่ห้อดังขวดใหญ่ตรงหน้าแล้วยิ้มถูกใจ นึกชมรสนิยมของเจ้าของบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า ที่เลือกซื้อของแต่ละอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของดีมีคุณภาพทั้งสิ้น ข้างๆ กันมีขวดน้ำผึ้งวางอยู่ซึ่งถูกใจเธออีกเช่นกัน เพราะเธอชอบชงกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลแต่ใส่น้ำผึ้งแทน
หลังจากได้ดื่มกาแฟรสชาติเลิศผสมกับน้ำผึ้งหอมๆ ก็เรียกความสดชื่นให้เกิดขึ้น จึงคิดจะเดินออกไปรับอากาศสดชื่นตรงริมระเบียง หญิงสาวเดินถือถ้วยกาแฟออกมาจากในครัว แล้วเห็นประตูตรงระเบียงถูกเปิดทิ้งไว้
อีตาเจ้าของบ้านตื่นแล้วหรือว่าเขายังไม่ได้นอน
เพราะเมื่อคืนตอนเธอลุกลงมาเข้าห้องน้ำกลางดึก เธอยังเห็นอีกฝ่ายนั่งทำงานอยู่เลย ตกลงว่าเขาทำงานอะไรนะกลางค่ำกลางคืนไม่หลับไม่นอน
จะว่าไปแล้วแม้แต่ชื่อของเขาเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร ได้ยินแต่เพื่อนเขาเรียกว่าภัทร หวังว่าชื่อในวงการคงไม่ใช่แพตตี้นะ คิดแล้วหญิงสาวก็อดขำจนต้องหัวเราะคิกออกมาไม่ได้
หลังจากคิดอะไรพิลึกพิลั่นแล้วก็เดินเข้าไปหาเจ้าของบ้าน จะได้ถามอีกฝ่ายว่าจะกินอะไรเป็นอาหารเช้า ทว่าเมื่อเดินไปถึงก็ไม่เห็นเจ้าตัวแต่อย่างใด เห็นเพียงเอกสารอะไรวางอยู่บนโต๊ะจึงเดินไปชะโงกหน้าดู
ความทรงจำในรอยใจ โดย รัศมีจันทร์
รัศมีจันทร์เหรอชื่อยังกับผู้หญิง แล้วชื่อความทรงจำในรอยใจนั่นก็เพราะจัง
หรือว่าเขาเป็นคนเขียนนิยาย?
เพราะตามที่รู้มาส่วนใหญ่คนเขียนนิยาย มักจำทำงานกันตอนกลางคืนนี่นา เพราะยายบัวเพื่อนสนิทของเธอก็เขียนนิยายเป็นงานอดิเรก แล้วเจ้าหล่อนก็ทำงานตอนกลางคืนเป็นหลัก
ขณะกำลังคิดจะเอื้อมมือเปิดเอกสารนั่นดู ก็ต้องหดมือกลับโดยฉับพลัน จากน้ำเสียงห้วนๆ ที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“จะทำอะไร”