ส่วนฟ้าลดานั้นก็บินไปเรียนต่อที่อังกฤษกับแฟนหนุ่มทันทีที่เรียนจบ ตลอดสี่เดือนที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้รับข่าวคราวจากเพื่อนรักอีกเลย แม้แต่ใครบางคนที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจลบภาพของเขาไปจากใจได้เลยก็เงียบหายไป นับตั้งแต่วันนั้นที่เธอบอกปัดความรับผิดชอบจากเขา เธอก็ไม่เคยเจอรเมศอีกเลย รู้มาจากเพื่อนอีกทีว่าเขากลับต่างจังหวัดเพื่อไปสานต่อธุรกิจของครอบครัว นอกเหนือจากนั้นเธอก็ไม่รู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาอีกเลย ซึ่งแบบนั้นมันคงดีที่สุดสำหรับเธอแล้วจริงๆ
หญิงสาวเดินทางมาถึงรีสอร์ท ทับตะวัน ในช่วงสายของวันตามแผนที่ที่ได้รับจากดวงเดือน ซึ่งเป็นคนโทรไปบอกข่าวดีกับเธอด้วยตัวเอง
“ไม่ต้องเกร็งนะคะน้องพลอย เจ้านายของเราใจดี ท่านคงแค่อยากทักทายเราเฉยๆ” เหมือนดวงเดือนจะมองออกว่าหญิงสาวข้างกายมีท่าทีแปลกไปเมื่อรู้ว่าเจ้านายอยากสัมภาษณ์เล็กๆน้อยๆก่อนเริ่มงานจริงพรุ่งนี้
“ค่ะพี่เดือน” พลอยขวัญตอบรับพร้อมรอยยิ้ม แม้ความจริงจะยังรู้สึกประหม่าไม่น้อยเพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้องถูกเจ้านายสัมภาษณ์จึงไม่ได้เตรียมตัวมา แต่เมื่อดวงเดือนยืนยันแบบนั้นเธอก็ค่อยรู้สึกโล่งอก
กระทั่งเมื่อมาถึงห้องๆ หนึ่งดวงเดือนก็เคาะประตูห้องก่อนที่จะเดินนำเธอเข้าไปด้านใน พลอยขวัญสูดลมหายใจเข้าคล้ายว่าจะให้กำลังตัวเองก่อนจะเดินตามอีกคนเข้าไป ทว่าภาพแรกที่ได้เห็นกลับทำให้เธอก้าวขาไม่ออกไปชั่วขณะ จนต้องหลับตาลงพร้อมภาวนาให้ภาพตรงหน้าเป็นเพียงภาพหลอนที่เธอมักจะสร้างขึ้นบ่อยๆ ยามเมื่อเผลอคิดถึงใครบางคนขึ้นมา
เขาไม่ควรมาอยู่ที่นี่!
“นี่คุณปราบจ๊ะน้องพลอย ลูกชายของคุณเขมกับคุณเอกท่าน เจ้านายสุดหล่อของพวกเรา คุณปราบคะนี่น้องพลอยค่ะ พนักงานใหม่ที่เดือนเล่าให้ฟังไงคะ” ทว่าคำบอกเล่าของดวงเดือนกลับเป็นคำตอบที่จริงเสียยิ่งกว่าจริง มันทำให้พลอยขวัญต้องค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างคนหมดทางเลือก และก็เป็นเขาจริงๆ ที่กำลังยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าของเธอในตอนนี้
“สะ…สวัสดีค่ะคุณปราบ” แม้จะพยายามบอกตัวเองให้ทำตัวเป็นปกติ แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกินที่จะทำมันได้สำเร็จอย่างที่ใจต้องการ ต่างจากอีกคนที่ยังคงวางตัวเย็นชาใส่ ไม่ได้มีท่าทีตกใจที่ได้เจอเธอเลยสักนิด
“ขอเราอยู่กันตามลำพังสักครู่ได้ไหมครับคุณเดือน” เป็นรเมศที่เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม สายตาที่ใช้มองคนตรงหน้าดูห่างเหินจนคนมองเจ็บปวด
“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่ออกไปรอข้างนอกนะคะน้องพลอย” พลอยขวัญทำได้เพียงพยักหน้าตอบกลับไป อย่างคนไม่มีทางเลือก
อันที่จริงเธอไม่อยากอยู่กับเขาตามลำพังเลยสักนิด เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขา หรือเขาจะพูดอะไรกับเธอ
“อันที่จริงรีสอร์ทของผมไม่ได้ขาดแคลนพนักงานจนถึงขั้นต้องรับเพิ่ม แต่เพราะรายชื่อของคุณถูกส่งตรงมาถึงผม ผมถึงต้องรับไว้เอาบุญ” คำพูดนั้นกัดกินใจคนฟังจนหน้าชาเมื่อได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นพลอยขวัญก็ยังเชิดหน้าขึ้น จะไม่ยอมให้เขาได้รู้ว่าเธอกำลังเจ็บกับคำพูดของเขาอยู่
“ถ้าคุณปราบลำบากใจดิฉันไม่ขอรับงานนี้ก็ได้ค่ะ ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลานะคะ” พลอยขวัญเอ่ยขึ้นเสียงแข็งพร้อมหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปจากห้องไปให้ไกลจากคนใจร้ายที่ดูถูกกันเหลือเกินแล้วไม่กลับมาอีก อันที่จริงหากรู้สักนิดว่าที่นี่เป็นที่ของเขา เธอคงไม่มาตั้งแต่แรก
“ผมพูดตอนไหนว่าลำบากใจ!” แต่เหมือนรเมศจะไม่ยอมปล่อยกันไปง่ายๆ เขาตวาดพร้อมกระชากต้นแขนของเธอเอาไว้อย่างรุนแรง รู้สึกใจหายที่อีกคนทำท่าจะเดินหนี ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันยอมให้เธอทำมัน
“ฉันไม่ขอรับงานนี้ค่ะ กรุณาปล่อย!”
คนทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรีอยู่ในตัว เมื่อเขาไม่ต้องการที่จะรับพนักงานเพิ่มอยู่แล้วเธอก็จะไม่ขอรับงานนี้ จะไม่ทนอยู่ให้เขาว่าเอาได้อีก
“ที่นี่ไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่คุณคิดจะเข้าก็เข้า คิดจะออกก็ออกไปง่ายๆ อีกอย่างผมให้คนใส่ชื่อคุณเข้าไปในตารางงานเรียบร้อยแล้ว อย่าทำให้ทุกคนต้องเสียเวลาไปกับการเอาแต่ใจตัวเองของคุณ! อยู่ที่นี่เราทำงานกันอย่างเป็นระบบ อยู่กันแบบครอบครัว หวังว่าคุณจะไม่สร้างความวุ่นวาย” รเมศพูดรัวเร็วก่อนจะเป็นฝ่ายเดินออกไปจากห้องราวกับจะไม่ต้องการฟังคำปฏิเสธของอีกคนก็ไม่ปาน เขาลงทุนไปมากเพื่อให้เธอมาที่นี่
เพราะฉะนั้นอย่าฝันว่าเขาจะปล่อยเธอไป มันคงไม่มีวันนั้นแน่!
รเมศไม่ค่อยอยากจะยอมรับว่าเขาตื่นเต้นไม่น้อยที่ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึงสักที วันที่เขาสามารถเรียกให้พลอยขวัญมาทำงานที่นี่ แน่นอนว่าเรื่องที่ทำให้เธอพลาดจากงานอื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของเขาทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำให้รีสอร์ทอื่นๆ ปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าทำงานเพราะธุรกิจของครอบครัวเขา ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับสายงานที่เธอกำลังหาอยู่ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องทำอะไรบ้าบอแบบนั้นเพื่อแค่จะให้เธอมาอยู่ใกล้ๆ แต่พอเธอมาก็ดันเผลอทำเย็นชาใส่ หลงลืมไปจนหมดสิ้น ถึงคำพูดจาดีๆ ที่สู้อุตส่าห์เตรียมเอาไว้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะโกรธเขาสักแค่ไหนกัน ไม่อาจรู้ได้เลยจริงๆ
ขณะเดียวกันพลอยขวัญก็กำลังตื่นตาอยู่กับที่พักใหม่ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆ คล้ายบังกะโล ต่างจากพนักงานอื่นๆ ที่อาศัยอยู่รวมกันที่หอพักด้านหลังรีสอร์ท ครั้นพอถามถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงได้อภิสิทธิ์มาอยู่ที่นี่คนเดียวดวงเดือนก็ให้คำตอบกลับมาเพียงสั้นๆ ว่าหอพักที่ว่านั้นตอนนี้เต็มหมดแล้ว นั่นทำให้เธอต้องมาพักที่บ้านหลังนี้เป็นการชั่วคราวไปก่อน ใครเลยจะกล้าบอกความจริงว่าทั้งหมดนี้คือคำสั่งตรงของเจ้านาย
“ขาดเหลืออะไรก็บอกพี่ได้เลยนะคะน้องพลอยไม่ต้องเกรงใจ”
ดวงเดือนเอ่ยบอกคนตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม ยิ่งได้คุยก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้านายของเธอจะหวงจนถึงขั้นสั่งให้พามาพักที่บ้านหลังนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของตัวเองเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น เธอไม่รู้ว่าระหว่างสองคนนี้มีอะไรกัน แต่ที่มั่นใจได้คือพลอยขวัญคงไม่ใช่แค่คนรู้จักทั่วไป อย่างที่เจ้านายของเธอได้บอกเอาไว้อย่างแน่นอน
“ขอบคุณมากนะคะพี่เดือน แค่นี้พลอยก็เกรงใจจะแย่แล้วค่ะ ว่าแต่บ้านหลังนั้นของใครเหรอคะ สวยจังเลยค่ะ” พลอยขวัญตอบรับอย่างเกรงใจก่อนจะถามถึงบ้านอีกหลังซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของเธอเท่าไหร่ รูปทรงของบ้านดูน่ารักน่าอยู่ ยิ่งมันถูกทาด้วยสีขาวทั้งหลังด้วยก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ก็ไม่กล้าเพราะไม่รู้ว่าเจ้าของนั้นเป็นใครเขาจะหวงความเป็นส่วนตัวมากแค่ไหน ทางที่ดีอยู่ในที่ที่ควรอยู่จะดีกว่า
“บ้านของคุณปราบน่ะค่ะ แต่รายนั้นปกติก็นอนที่บ้านใหญ่อีกหลังกับครอบครัว ไม่ค่อยมานอนที่บ้านหลังนี้สักเท่าไหร่หรอกค่ะ ถ้ายังไงน้องพลอยพักผ่อนนะคะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงเริ่มงานกันแต่เช้า นี่ค่ะกุญแจบ้าน” พลอยขวัญเอ่ยขอบคุณในความมีน้ำใจของดวงเดือนก่อนจะจ้องมองจนอีกฝ่ายเดินลับสายตาไปถึงได้หันกลับไปมองบ้านสีขาวแสนสวยนั้นอีกครั้ง
ทำไม ความบังเอิญต้องบีบให้เธอมาอยู่ใกล้เขาถึงขนาดนี้ด้วย!