บทที่6

1378 Words
พลอยขวัญใช้เวลาที่เหลืออีกครึ่งวันหมดไปกับการจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง กระทั่งเมื่อถึงเวลาเย็นดวงเดือนก็มาเคาะประตูอีกครั้งพร้อมกับข้าวเย็นในมือหลายอย่าง นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกซึ้งในความมีน้ำใจของอีกฝ่ายจนอดไม่ได้ที่ต้องชวนให้อยู่ทานข้าวด้วยกัน ซึ่งดวงเดือนก็ไม่ปฏิเสธเพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมาจากเจ้านายซึ่งกำลังติดงานอยู่ “พี่ขอถามอะไรน้องพลอยหน่อยได้ไหมคะ” กระทั่งเมื่อทานข้าวเสร็จคนที่เก็บงำความสงสัยมาตลอดวันก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงสิ่งที่อยากรู้ออกมา เพราะเธอค่อนข้างมั่นใจว่ามีบางอย่างที่หลบซ่อนอยู่ระหว่างคนสองคนนี้ แต่ที่ไม่รู้คือสิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่ จะใช่อย่างที่เธอคิดรึเปล่า “ได้สิคะพี่เดือน” “น้องพลอยกับคุณปราบ เคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหมคะ” หนนี้คนถูกถามถึงกลับเงียบไป สุดท้ายก็ยอมตอบคำถามเพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างดวงเดือนก็ดีกับเธอมาก จึงไม่อยากโกหกอีกฝ่าย “พี่ปราบเคยเป็นคนรักของเพื่อนสนิทพลอยค่ะ เราเลยรู้จักกัน” แค่คนรักของเพื่อนจริงหรือ แต่ทำไมเจ้านายของเธอถึงได้ทำราวกับว่าพลอยขวัญคือคนรักของเขาเสียเองแบบนี้เล่า ทั้งคอยโทรถาม มิหนำซ้ำยังกำชับให้เธอมาดูแลไม่ให้ห่าง สิ่งเหล่านี้มันออกจะมากเกินกว่าความจริงที่เพิ่งได้ยินเป็นไหนๆ “พี่คิดแล้วเชียวว่าสองคนนี้ต้องเคยรู้จักกันมาก่อน ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่กวนน้องพลอยแล้วดีกว่า เจอกันพรุ่งนี้ที่รีสอร์ทหกโมงเช้านะคะ” พลอยขวัญรับคำพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะอาสาเดินออกมาส่งดวงเดือนที่หน้าบ้าน “ขับรถดีๆ นะคะพี่เดือน” “เราเองก็รีบเข้านอนเถอะ อย่าลืมตรวจล็อกประตูบ้านให้ดีละ” “ค่ะพี่เดือน” พลอยขวัญพยักหน้ารับก่อนจะจ้องมองคนแน่ใจว่าอีกคนขับรถออกไปไกลถึงได้พาตัวเองกลับเข้ามาด้านในอีกครั้งพร้อมกับหัวใจที่สั่นไหวรุนแรง เชื่อว่าสาเหตุของอาการเหล่านี้คงหนีไม่พ้นเจ้าของบ้านสีขาวหลังสวยข้างๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอกับเขาต้องมาเจอกันอีก ทั้งๆ ที่เธอเกือบจะลบภาพขอบเขาออกไปจากใจได้อยู่แล้วแท้ๆ ทั้งๆ ที่เธอเกือบจะทำใจไม่ให้เผลอไปคิดถึงเขาได้อยู่แล้ว แต่ทำไมโชคชะตาถึงไม่เข้าข้างเธอบ้าง ทำไมยังต้องให้เธอกับเขาวนเวียนมาพบกันอีก ทำไมกัน! ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เริ่มงานเป็นวันแรกทำให้พลอยขวัญตื่นนอนแต่เช้า เธอรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดยูนิฟอร์มประจำตำแหน่งก่อนจะออกจากบ้านด้วยจักรยานตามคำแนะนำของดวงเดือนที่ได้บอกเอาไว้เมื่อคืนว่าพนักงานทุกคนที่นี่ล้วนแล้วแต่มีเครื่องทุนแรงไว้ติดตัวคนละคัน แต่ปัญหาหนักใจของเธอในตอนนี้ เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องที่เธอปั่นจักรยานเป็น แต่ปั่นทีไรก็มีอันต้องได้แผลทุกที! “เอาน่าพลอย ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถแกหรอกน่า ตั้งสติให้ดี ห้ามวอกแวกเด็ดขาด!” พลอยขวัญให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเริ่มต้นปั่นจักรยานมุ่งหน้าสู่ที่ทำงานใหม่แห่งแรกหลังเรียนจบอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่เหมือนว่าบรรยากาศยามเช้าของทั้งสองข้างทางจะทำให้เธอเสียสมาธิไปไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ในยามเช้า ไหนจะม่านหมอกจางๆ รอบด้านมันช่างสวย สวยจนเธอเผลอมองจนลืมไปว่ากำลังทำอะไรอยู่ กว่าจะได้สติก็ตอนที่หันมาเห็นจักรยานอีกคันที่กำลังตรงเข้ามาใกล้นั่นแล้ว… “กรี๊ดดด/ เฮ้ย!” สองเสียงประสานกันก่อนที่จักรยานทั้งสองคันจะชนกันอย่างแรงทำให้ทั้งคู่ต่างกระเด็นไปคนละทิศคนละทางจากแรงกระแทกเป็นพลอยขวัญที่ได้สติก่อนรีบพาตัวเองลุกขึ้นไปหาอีกคน “คุณเจ็บตรงไหนไหมคะ ฉันต้องขอโทษจริงๆ นะคะ ที่ไม่ระวัง!” คราแรกชายหนุ่มผู้โชคร้ายสะบัดหน้ากลับมาเหมือนจะเอาเรื่อง แต่แล้วเขากลับส่งยิ้มอ่อนหวานมาให้ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองเพราะกลัวจะเสียฟอร์มต่อหน้าสาว ทั้งยังเป็นสาวสวยที่เขาไม่เคยพบมาก่อนอีกด้วยสิ “ไม่ครับ ไม่เจ็บ คุณต่างหากที่น่าจะเจ็บ มีเลือดออกที่หัวเข่าด้วยนี่ ผมว่าให้ผมพาไปทำแผลก่อนดีกว่า” เจสันเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มๆ ความเจ็บก่อนหน้ามันหายวับไปทันตา เมื่อเขาได้สบกับดวงตาคู่สวยของอีกคน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้สัมผัสตัวเธอเสียงแข็งกร้าวของใครบางคน ก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน… “นั่นแกคิดจะทำอะไร!” เขาตวาดเมื่อผ่านมาเห็นภาพที่กำลังกรามกระตุก ยอมรับว่าไม่ชอบใจที่เห็นพลอยขวัญอยู่กับคนอื่นแบบนี้ “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ ผมเลยจะพาเธอคนนี้ไปทำแผลที่ห้องพยาบาล” คำตอบที่ได้รับทำให้ปราบต้องมองสำรวจพลอยขวัญแทบจะทันทีก่อนจะพบว่าเธอมีแผลถลอกที่หัวเข่าทั้งสองข้าง หากให้เดาสองคนนี้คงปั่นจักรยานประสานงากันอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็ไม่แปลก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่อีกคนได้แผลเพราะจักรยานบ้าๆ นั่น! “ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันจัดการเอง” สิ้นคำร่างของพลอยขวัญก็ถูกช้อนขึ้นแนบอกท่ามกลางสายตาตกอกตกใจของใครต่อใครที่ผ่านมาเห็น เพราะนี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่รเมศแสดงท่าทีห่วงใยใครสักคนอย่างเปิดเผย ซ้ำยังไม่สนเลยสักนิดว่าการกระทำของตัวเองจะเป็นที่ฮือฮา “วางพลอยลงเถอะค่ะ พลอยเดินเองได้” เป็นพลอยขวัญที่ร้องขึ้น อับอายสายตาของใครต่อใครก็พากันจ้องมองเธอไม่ยอมหยุด แต่แทนที่รเมศจะฟังคำขอ เขากลับกระชับวงแขนให้ยิ่งแน่นขึ้น ทำราวกับจะบอกให้เธอได้รู้ ว่าถ้าเขาไม่ปล่อยคำพูดของเธอก็ไร้ความหมาย “คุณ!” “ถ้ายังไม่หยุดพูด พี่จะจูบพลอยต่อหน้ามันให้ดู! พลอยจะลองดูก็ได้นะ จะได้รู้ว่าพี่กล้าทำอย่างที่พูดจริงๆ รึเปล่า” คำขู่ของเขาได้ผลแทบจะทันทีเมื่ออีกคนยอมเงียบเสียงด้วยกลัวว่าเขาจะบ้าเลือกทำอย่างที่ขู่กันจริงๆ ใช้เวลาไม่นานรเมศก็พาคนตัวเล็กมาถึงห้องพยาบาลที่มีคุณหมออย่างสาวิตรีอยู่ประจำตลอด สายตาที่แสดงความห่วงใยคนตัวเล็กสร้างความสงสัยแก่คุณหมอที่เป็นญาติห่างๆ อยู่มาก แต่ท่านก็ไม่ได้คิดที่จะถาม เพราะรู้ว่าเจ้าตัวเป็นคนปากหนักแค่ไหน แต่ก็เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ น่าจะเป็นคนสำคัญต่อหลานชายอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว “จะเป็นแผลเป็นรึเปล่าครับน้าสา” รเมศเอ่ยถามน้าสาวอย่างสงสัย อย่างที่รู้ว่าผิวของพลอยขวัญบอบบางมาก เป็นอะไรนิดหน่อยก็เกิดแผลได้ง่าย แต่น่าแปลกที่เจ้าตัวกลับไม่ค่อยระวังชอบทำให้ตัวเองเจ็บเรื่อย “ไม่หรอก แผลถลอกแค่นี้หมั่นทายาบ่อยๆ เดี๋ยวก็หายไปเองแหละจ๊ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวน้าจัดยาแก้อักเสบให้ไปด้วยเลย เผื่อรู้สึกปวดขึ้นมาจะได้ทานดักไว้”ชายหนุ่มตอบตกลงโดยไม่ต้องหันไปถามคนเจ็บให้มากความก่อนที่จะขอบคุณน้าสาวพร้อมพยุงพลอยขวัญออกมาด้านนอกด้วยตัวเอง “จะไปไหน!” แต่ไม่นานก็ต้องร้องถามเมื่ออีกคนทำท่าจะเดินหนีกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD