สูตรเร่งรัก 5

2537 Words
สูตรเร่งรัก 5 “นายครับ อาหารวัวสามกระสอบครับ” “จ้าพี่ ลูกค้าเอาอะไรเพิ่มไหม?” ร้องถามกลับไปพร้อมกับทำบิล พี่คนงานเดินถือซองเมล็ดผักเดินเข้ามาใกล้ ฉันจึงเพิ่มรายการของและทำบิลออกมาให้ทั้งลูกค้าและร้านเก็บเป็นหลักฐาน ตอนนี้ฉันยังมีไข้และอาการปวดศีรษะเล็กน้อยแต่จะไม่มาร้านก็ไม่ได้เพราะพ่อกับแม่ยังไม่กลับมาส่วนพี่หวานก็ต้องดูร้านอาหาร “ลูกค้าประจำเหรอพี่ เอาเสื้อให้ลูกค้าด้วยตัวหนึ่ง” “ครับนาย” วันนี้เป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์ลูกค้าเลยเยอะมากเป็นพิเศษ ฉันสนุกกับการขายของจนลืมเรื่องที่ทำให้กังวลใจไปแล้วล่ะ แม้จะหวนกลับไปคิดถึงบ้างแต่ก็พยายามทำอย่างอื่นเพื่อตัวเองจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน “ต้องสั่งปุ๋ยเพิ่มด้วยนะคะ” ฉันดูบัญชีร้านก็พบว่าของใกล้จะหมดแล้ว เดี๋ยวต้องคุยกับพ่อก่อน ไม่อยากสั่งมาเองเผื่อพ่อจะสั่งอย่างอื่นมาเพิ่มด้วย “นายครับเที่ยงแล้วนะครับไม่ไปกินข้าวเหรอนาย” “อ้อ จะไปอยู่ค่ะพี่ พวกพี่ก็ไปกินข้าวเลยนะ แล้วก็ฝากดูหน้าร้านด้วยนะ” “ครับนาย” ฉันล็อกตู้เก็บเงินก่อนจะเดินถือโทรศัพท์เดินออกจากออฟฟิศไม่ลืมล็อกประตูออฟฟิศไว้อีกชั้น ฉันเดินข้ามฝั่งถนนได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นรถคันคุ้นตาขับเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของร้านอาหารพี่หวานใจ อยากจะร้องทักเจ้าของรถหากไม่ติดว่าประตูอีกฝั่งถูกเปิดกว้างพร้อมกับร่างของใครบางคนก้าวลงมา คนในรูปอย่างนั้นสินะคนนั้นน่ะ ก็เหมาะกันดี คนสวยกับคนหล่อ ฉันแสร้งก้มหน้าดูโทรศัพท์เดินหันหลังกลับไปที่ออฟฟิศ มือกดส่งข้อความบอกพี่สาวว่ามีลูกค้าเข้า สักบ่าย ๆ จะเข้าไปกินข้าว ฉันไม่พร้อมหรอกที่จะเจอคนที่ตัวเองแอบชอบกับคนของเขา ฉันทำใจไม่ได้จริง ๆ เมื่อกลับมาที่ห้องทำงาน ฉันปิดประตูและเปิดเครื่องปรับอากาศทันทีและเริ่มทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ มีสายเรียกเข้ามาแต่ฉันไม่ได้รับสายและเปิดโหมดพระจันทร์ไว้แทน จะได้มีข้ออ้างว่าไม่ได้ยินว่าเขาติดต่อมาเลยไม่ได้รับสาย ไม่รู้ว่าเคลียร์งานนานแค่ไหน รู้เพียงแค่ว่างานที่ต้องทำวันนี้หมดแล้ว เงยหน้ามองนาฬิกาก็พบว่าบ่ายโมงจะครึ่งแล้ว และมั่นใจว่าพี่ครามกับคนของเขาคงจะกลับไปแล้วเช่นเดียวกันถึงได้ฝากหน้าร้านไว้กับพนักงานและล็อกประตูห้องทำงานอีกครั้งเพื่อออกไปกินข้าวจริง ๆ เสียที ระหว่างเดินก็ไม่ได้ดูอะไรมาก เพราะแสงแดดที่เจิดจ้าจนต้องหรี่ตารีบเดินเข้าไปในร้านอาหารและไม่ได้มองรอบข้างเลยสักนิด ฉันเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มพร้อมกับเอ่ยสั่งเมนูที่อยากกิน “เอาอเมริกาโน่เย็นหนึ่งแก้วค่ะ” “ค่ะคุณเธอ รับขนมด้วยไหมคะ?” พนักงานของที่ร้านเอ่ยถามต่อ “ไม่ค่ะ แค่กาแฟพอ” “ทั้งหมดหกสิบห้าบาทค่ะ” ฉันพยักหน้าเข้าใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดสแกนคิวอาร์โค้ดจ่ายเงิน จากนั้นก็มองหาโต๊ะว่างที่จะนั่ง แต่ไม่คิดว่าสายตาฉันจะประสานเข้ากับดวงตาคมของใครบางคน ไม่ใช่เพียงแค่ฉันที่มองเขาเพราะเขาเองก็มองฉันอยู่คล้ายกับจะมองก่อนอยู่นานและไม่คิดจะหลบสายตาไปไหน “พี่หวานละคะ” เป็นฉันที่มองเมินและถามพนักงาน “ในครัวค่ะ ให้พี่ตามให้ไหม?” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอง” ฉันเดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ไปยังประตูที่มีเพียงสต๊าฟเข้าไปได้ ภายในนั้นจะมีห้องแยกกันชัดเจนโซนด้านหลังสุดเป็นห้องทำอาหารคาว ส่วนห้องทำขนมจะอยู่ติดกับโซนตู้ขนมที่เป็นกระจกทำให้เห็นขั้นตอนการทำ “พี่หวาน” “กว่าจะมา นึกว่าไข้ขึ้นเสียอีก นี่นะถ้าสิบนาทีแล้วยังไม่มาพี่จะไปหาที่ร้านแล้ว” พี่หวานรัวคำพูดใส่ หากเป็นฉันก็เข้าใจนั่นแหละว่าพี่สาวเป็นห่วง “ขอโทษค่ะ พอดีเห็นงานค้างเยอะเลยรีบทำ หนูหิวแล้วมีอะไรกินบ้างคะ” “นี่ไงข้าวหมกไก่ ทำเพิ่งเสร็จเลย” “พี่กินพร้อมหนูไหม?” เอ่ยชวนพี่สาว “ได้ ๆ หรือจะไปกินที่ร้านปุ๋ย” พี่หวานหันกลับมามองหน้าฉันคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “ได้หรือคะ?” “ได้สิ เดี๋ยวฝั่งนี้เสร็จจะเอาไปให้” “งั้นรบกวนด้วยนะคะ มีกาแฟด้วย” “โอเค ไปรอที่ห้องทำงานเลยเดี๋ยวพี่ตามไปพร้อมกับอาหาร” ขอบคุณที่พี่หวานใจเข้าใจและเป็นห่วงความรู้สึกฉันเป็นอย่างมาก ฉันเดินออกจากร้านอาหารพี่หวานทางประตูหลังก่อนจะเดินกลับไปที่ร้าน ดีที่โซนหน้าร้านด้านนอกมีต้นไม้ทรงสูงวางอยู่เป็นแนวยาวทำให้ภายในร้านมองออกมาไม่เห็นและมองจากด้านนอกเข้าไปก็ไม่เห็นเช่นเดียวกัน “นายครับ ลูกค้ามาซื้อปุ๋ยแต่จะให้ไปส่งที่อีกหมู่บ้าน” “เกินระยะทางที่เราตั้งไว้ไหม?” ระหว่างเดินเข้าไปใกล้ก็รีบถามคนงานกลับไป “เกินครับนาย” “ที่ไหนคะ จะได้คิดค่าส่งถูก” “จากที่นี่ไปเกือบสิบห้ากิโลครับนาย” “งั้นคิดหนึ่งร้อยแล้วกัน เอาอะไรบ้างบอกหนูหน่อย” เปิดประตูห้องทำงานเข้าไปก็รีบถามคนงาน พร้อมกับออกบิลให้เตรียมไปส่งปุ๋ย ยอดขายของวันนี้นับว่าสูงพอสมควรเพราะมีแต่ลูกค้าทางไกลมาสั่งเพราะที่ร้านมีบริการส่งด้วยลูกค้าเลยชอบ คนงานบางทีมที่ออกไปส่งของยังไม่กลับมาเลย ออกไปส่งเวียนกันไปสามกลุ่มสลับกันไปมาอยู่แบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ “เธอกินข้าวได้แล้วจะบ่ายสองแล้ว” พี่หวานใจเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับกล่องอาหารและถุงใส่กาแฟฉันรีบเดินไปเปิดประตูห้องทำงานให้ทันที กว่าที่เราสองพี่น้องจะได้กินข้าวเที่ยงก็บ่ายสองพอดี ระหว่างที่กินข้าวโทรศัพท์ฉันก็ยังมีสายเรียกเข้ามาแต่เพราะไม่ได้สนใจที่จะรับสาย สายนั้นก็ตัดไปหลังจากโทรมาสี่ถึงห้าสายและเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นเบอร์พี่หวานใจแทนเสียอย่างนั้น “ค่ะพี่คราม” ระหว่างที่รับสายพี่หวานใจก็ลอบมองฉันเรื่อย ๆ คล้ายจะสังเกตอาการที่ฉันแสดงออกมา “ที่ร้านมีลูกค้าเยอะน้องเลยรีบกลับมาทำงานค่ะ” “ไม่ต้องมาหรอกค่ะ” “ไม่ต้องอธิบายให้หนูฟัง พี่ไปจัดการตัวเองก่อนเถอะ” “ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะเย็นนี้เราจะไปข้างนอกด้วยกัน แค่นี้ก่อนนะคะน้องกำลังกินข้าว” “พี่ครามถามว่าทำไมไม่รับสายน่ะ” หลังจากวางสายพี่หวานใจก็รีบเล่าให้ฟัง “ปิดเสียงไว้ค่ะเลยไม่รู้ว่าพี่เขาโทรมาค่ะ” ฉันตอบและหลบสายตาพี่สาวตัวเอง “พอรู้ว่าเราไม่สบายพี่ครามเลยบอกว่าจะมาหา แต่พี่ยังไม่ให้มาหรอก” “กินข้าวกันเถอะค่ะพี่ อย่าพูดถึงเขาเลย” มองพี่หวานใจอย่างขอร้อง พี่หวานใจเองก็กำลังมองอย่างเป็นห่วง และเพียงเสี้ยววินาทีฉันก็ชวนพี่หวานใจคุยไปถึงเรื่องอื่นและไม่ได้วนกลับไปคุยกับเรื่องพี่ครามอีก พี่สาวฉันรู้ใจฉันมากที่สุดแล้ว “เย็นนี้ไปหาอะไรกินในอำเภอไหม เดี๋ยวพี่ขับรถเอง พี่มีใบขับขี่แล้วนะให้พี่ได้ใช้งานหน่อย” พี่หวานอาสาพร้อมกับทำท่าทางจริงจังให้ฉันได้เห็น “ได้เลยค่ะ” “เยี่ยมเลย เดี๋ยวแวะหาหมอด้วยก่อนไปกินข้าว” “ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเย็นมากก็ได้นะ เดี๋ยวขากลับเราจะมืดเสียก่อนค่ะ” บอกกับพี่สาว และตกลงเรื่องเวลาที่เราจะออกจากร้าน ก็คงจะสักห้าโมงเย็นกลับไม่เกินสองสามทุ่มประมาณนั้นนั่นแหละ เราสองพี่น้องนั่งกินข้าวด้วยกันเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำงาน เพื่อที่เลิกงานแล้วจะได้ไปตัวอำเภอพร้อมกันเลย “วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยนะคะทุกคน” “ครับนาย” “ค่านาย” มีลูกค้าเข้ามาอีกสองสามคนก็ส่งบิลให้คนงานขึ้นของและออกไปส่งปุ๋ย เมื่อลูกค้าออกจากร้านฉันก็ให้คนงานช่วยกันปิดร้านทันที วันนี้ให้ทุกคนได้พักผ่อนเร็วแล้วกัน ไม่ได้คิดมากอะไรขนาดนั้น ระหว่างรอพี่หวานใจเข้าไปเอารถที่บ้านโทรศัพท์ฉันก็มีสายเรียกเข้ามาเป็นสายวิดีโอคอลจากแม่ที่หายไปเที่ยวเกือบหนึ่งเดือน “แม่ เมื่อไหร่จะกลับ” ทันทีที่โทรศัพท์เชื่อมต่อสัญญาณกับปลายสาย ก็รีบส่งเสียงถามแม่ตัวเองทันที (เลื่อนวันกลับแล้ว มะรืนเจอกันลูก) แม่ที่ยิ้มกว้าง แววตานั้นเต็มไปด้วยความสุข แม่ฉันอายุเพียงสี่สิบกลาง ๆ เท่านั้นแม่มีพี่หวานใจตอนอายุยี่สิบสามเรียนจบแล้วมีเลย ตอนนี้แม่เลยยังสวยอยู่เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือพ่อหวงมาก กับลูกก็หวง “หนูจะรอเจอแม่ก่อน แล้วค่อยกลับไปเรียน” (อ้าวเดือนหน้าไม่ใช่เหรอ?) “มีงานแทรกเข้ามาค่ะ ว่าจะกลับสักสัปดาห์หน้าเลยค่ะ” (ก็ได้ กลับไปแม่จะอยู่กับหนูทั้งวันเลย) “เดี๋ยวพ่อก็หวงอีก” แกล้งแซวคนเป็นแม่ อย่างที่รู้กันว่าพ่อหวงแม่มาก ถ้าแม่เอาแต่กอดอ้อนแล้วอยู่กับฉันเชื่อสิพ่อได้งอนจริง ๆ แน่ แต่พ่อน่ะก็น่าแกล้งให้หวงแม่อยู่หรอกนะ คนอะไรคลั่งรักไม่เปลี่ยน (ไม่สนหรอกนะ // ที่รักคุณคุยกับลูกเหรอ) เสียงอ้อน ๆ ดังเข้ามาใกล้พร้อมกับพ่อที่ ขยับเข้าไปสวมกอดแม่ กอดหอมไม่หยุด ไม่อายลูกคนนี้เลยหรือยังไงกันคะ “เธอ พี่มาแล้ว!” พี่หวานใจร้องเรียก ฉันจึงค่อย ๆ เดินไปที่รถเปิดประตูขึ้นไปนั่งเบาะด้านหน้าข้างคนขับ ฉันส่งโทรศัพท์ให้พี่หวานใจได้คุยกับแม่และพ่อ ส่วนตัวเองก็รัดเข็มขัดนิรภัยได้ยินพี่หวานใจคุยกับพ่อแม่เรื่อย ๆ กระทั่งบอกลากัน พี่หวานหันหน้าจอโทรศัพท์มาให้ฉันลาพ่อกับแม่ด้วย (เดี๋ยวพ่อรีบกลับนะ) “ค่ะพ่อ เที่ยวให้สนุก” ย้ำกับพ่อและแม่ เมื่อวางสายพี่หวานก็พาฉันเดินทางไปยังตัวอำเภอ แม้ตอนนี้จะไม่ได้งอแงแต่ตัวฉันนั้นยังร้อนและมีอาการปวดศีรษะอยู่ตลอดพี่หวานเลยตั้งใจจะพาไปหาหมอที่คลินิกก่อนเสร็จแล้วค่อยพาไปร้านชาบูหมูกระทะชื่อดังของที่นี่ “พี่หวาน เติมน้ำมันด้วยนะ” ออกจากคลินิกก็รีบเอ่ยบอกพี่หวาน “พี่ลืมเลย เดี๋ยวเติมน้ำมันก่อนค่อยไปกินข้าวกัน” “ได้เลย หนูจะกินเยอะ ๆ เลยล่ะ” เราสองพี่น้องทำธุระข้างนอกเสร็จก็ขับรถมาจอดที่ร้านหมูกระทะชื่อดัง เมื่อลงจากรถเราก็เดินเข้าไปยังร้านสั่งและเดินไปตักของที่อยากกิน แต่ฉันต้องทำตาละห้อยเมื่ออยากจะดื่มน้ำเก๊กฮวยเย็น ๆ สักขวดสองขวดแต่พี่หวานกลับดุมาเสียก่อน “ไม่สบายอยู่นะ ต้องกินยาด้วย วันนี้ห้ามดื่ม” “นิดหน่อยก็ไม่ได้เหรอ?” ยังเอ่ยอ้อนกับพี่สาว แต่แววตาสั่นไหวของพี่หวานใจทำให้ฉันถึงกับยิ้มกริ่มอย่างมีความหวัง ถ้าอ้อนอีกนิดพี่หวานต้องยอมแน่เลย “นะคะ หนูจะไม่ดื้อเลย” อ้อน ต้องอ้อนเข้าไปอีก “ไม่ได้ อย่าอ้อนพี่ตอนนี้ วันนี้พี่ไม่ใจอ่อนให้หรอกนะ” “คิก ทำหน้าจริงจังแบบนี้หนูไม่อ้อนแล้วก็ได้” ท้ายที่สุดก็หลุดขำเพราะท่าทีจริงจังของพี่หวานใจ ฉันไม่แกล้งพี่สาวตัวเองแล้วก็ได้ เอาไว้ให้ค่อยอ้อนวันหน้าก็ยังไม่สาย “เบค่อนย่างกรอบ ๆ ฮื่อ ฟินมาก” ย่างไปร้องฟินไป เรานั่งที่ระเบียงด้านนอกของร้านอากาศเลยโล่งโปร่งเย็นสบาย ถามว่าอาการป่วยดีขึ้นแล้วเหรอ ก็ไม่นะคะ แต่ไม่อยากให้พี่เป็นห่วงเลยต้องทำตัวร่าเริงเข้าไว้ “สั่งอีกไหม พี่ยังไหวนะ” พี่หวานใจถาม “สั่งอีกสองชุดก็ได้ค่ะ” “พี่จะสั่งหมึกกรอบด้วย” “ได้เลยค่ะ พี่หวานเอาน้ำอัดลมเพิ่มอีกหนึ่งด้วย” สั่งทีก็สั่งทุกอย่างไปเลยแล้วกัน ระหว่างกินมื้อเย็นเราสองพี่น้องก็คุยกันในหลาย ๆ เรื่องรวมถึงเรื่องฝึกงานของฉันด้วย พี่หวานบอกว่ามีที่แนะนำอยู่แต่ฉันน่ะไม่อยากให้พี่กังวลเลยบอกว่าจะจัดการเอง เกือบสองทุ่มเรากินเสร็จระหว่างรอคิดเงินพี่หวานใจก็บอกให้กินยาไปเลยถึงบ้านจะได้อาบน้ำแล้วนอนพัก ระหว่างกินยาพี่หวานก็ถ่ายคลิปแกล้งฉันบอกว่าจะส่งให้พ่อกับแม่ดูแต่ไม่รู้ทำไมรูปนิ่งและคลิปกินยาถึงไปอยู่ในกลุ่มสองบ้านแบบนั้น กลุ่มบ้านที่มีครอบครัวฉันและครอบครัวพี่ฟ้าคราม หลังจากส่งเข้าไปโทรศัพท์ก็สั่นถี่ ๆ เพราะข้อความจากผู้ใหญ่ทั้งสี่ท่านส่งเข้ามาถามไถ่อย่างห่วงใยพี่คินเองก็โทรมาถามฉันรับสายก็รีบบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ต่างจากใครอีกคนที่โทรมาแล้วแต่ฉันเลือกที่จะไม่รับสายและปิดเสียงไว้ก่อน ยังไม่พร้อมที่จะคุยจริง ๆ ค่ะ คนที่เขามองฉันเป็นเพียงน้องสาวคนนี้ยังทำใจไม่ได้ “หนูไปนอนแล้วนะ” “โอเค เจอกันพรุ่งนี้” โบกมือลาพี่หวานใจก่อนเดินเข้าห้องนอนตัวเอง เฮ้อ แรก ๆ ก็สนุกอยู่หรอกที่ได้กลับบ้านแต่ทำไมหลัง ๆ มาฉันถึงได้รู้สึกเจ็บปวดด้วยนะ หรือเวลาที่เขาเคยมีให้ฉันมันใกล้จะหมดลงแล้วจริงๆ ====== ถ้าอยากอ่านอีกตอนก็คอมเมนต์ไว้เลย!! เค้าชอบอ่านคอมเมนต์มากๆเลยนะคะ คอมเมนต์ไม่เก่งขอหัวใจหนึ่งดวงก็ได้ค่ะ แค่นี้ก็มีแรงปั่นงานต่อแล้วจริงๆ คืนนี้หลับฝันดีนะคะ ^_^
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD