สูตรเร่งรัก 6
“เป็นยังไงบ้าง”
“...” ช่วงสายของวันถัดมาฉันที่นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้อยู่ถึงกับสะดุ้งตกใจ เมื่อมีคนตัวโตเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงห่วงใย แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกดีใจสักนิดที่ถูกเขาถามไถ่มาแบบนั้น
“เธอ”
“ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” ตอบเสียงเบาพร้อมกับขยับออกห่างเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
“เป็นอะไรเธอ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”
“หนูเหนื่อย พี่กลับไปก่อนได้ไหม” ฉันปวดหัวมากเลยนะ ทำไมถึงได้มายืนคาดคั้นฉันแบบนี้
“ไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ พักเถอะเดี๋ยวพี่ช่วยดูร้านเอง”
เขาคิดอะไรของเขาอยู่กันแน่ ทำแบบนี้กับฉันเขามองฉันเป็นตัวตลกอยู่หรือเปล่า หรือเพราะคนของเขากลับไปแล้วเขาถึงได้มีเวลาว่างมาล้อเล่นกับความรู้สึกฉันคนนี้
“นายครับลูกค้าจะสอบถามเรื่องปุ๋ยเพิ่มครับ” คนงานคนหนึ่งเคาะกระจกกั้นและเปิดออกเล็กน้อยก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาแจ้งแก่ฉัน
“เดี๋ยวหนูไปค่ะ”
“พี่ไปเอง อยู่ในนี้นี่แหละ” แต่กลายเป็นพี่ฟ้าครามที่เปิดประตูแล้วเดินหายไปพร้อมกับคนงาน สักพักใหญ่ก็กลับมาพร้อมกับลูกค้า ปุ๋ยสูตรใหม่ที่แทบจะไม่มีคนซื้อขายออกครั้งเดียวเกือบยี่สิบกระสอบ ต้องยกความดีความชอบให้พี่ครามสินะ
“ต้องไปส่งที่ไร่ให้ลูกค้านะครับ”
“ค่ะ” ฉันออกบิลก่อนจะสั่งงานคนงานในร้านต่อทันที จวบจนถึงเวลาพักเที่ยงฉันลีลาไม่ยอมไปที่ร้านพี่หวานใจฉันรอให้พี่ครามกลับบ้านเขาไปแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีวี่แววจะกลับเลยนี่สิ
“พี่กลับไปพักได้แล้วค่ะ”
“ไม่ จะอยู่นี่ทั้งวัน”
“เพื่อ?” ทวนถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ เขาเป็นอะไรไปอีก ฉันไม่เข้าใจ
“มีเรื่องจะคุยด้วย”
“ก็คุยมาเลยค่ะ”
“ยังไม่คุยตอนนี้” พี่ครามบอกแค่นั้นและไม่ได้คุยอะไรกับฉันอีก เป็นฉันเสียเองที่เริ่มงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ฉันมองคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อย่างไม่เข้าใจ สุดท้ายทนไม่ไหวเลยต้องโทรหาพี่หวานให้พี่หวานทำกับข้าวไว้ให้และให้เอามาส่งให้ฉันที่ห้องทำงาน
“รีบมารับกลับไปก่อนที่กูจะโยนเขาพร้อมกับเสื้อผ้าออกจากที่พักกู”
“เมียกูก็ไม่ใช่ ทะเลาะกันแล้วทำไมต้องให้ลำบากถึงกู”
“เย็นนี้ให้ถึงบ้านกู ถ้าไม่กูโยนเมียมึงทิ้งแน่”
“กินกันบ้านมึงสิ กูไม่ได้คิดอะไรกับเขา รีบมาเลยนะมึง กูถูกโกรธจนไม่รู้จะง้อยังไงแล้ว”
“กูไม่อยากฟัง รีบมาแค่นี้แหละ”
เงียบ สิ้นเสียงเข้มและดุของพี่ครามห้องทำงานก็ตกอยู่ในความเงียบ ฉันไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรในตอนนี้เลย เพราะหากนับจริง ๆ แทบจะเป็นครั้งแรกเลยที่พี่ครามหงุดหงิดและโมโหขนาดนี้ และเขาน่ะน่ากลัวมากไม่แปลกใจที่คนงานจะเกรงใจและเกรงกลัวเขา
“เธอ” เสียงเข้มเอ่ยเรียกฉันสะดุ้งตกใจมองเขาด้วยความหวาดกลัว
“ขอโทษ ๆ พี่ไม่ได้จะดุครับ” พี่ครามรีบขยับเข้ามาลูบไหล่ปลอบโยน ฉันมองพี่ครามติดจะน้อยใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกระทั่งขยับออกห่างจากอีกฝ่ายแล้วถามกลับไปราวกับไม่รู้สึกอะไรกับสายตาที่อีกฝ่ายมองมา
“พี่เรียกหนูทำไม”
“พี่จะไปซื้อข้าวจะถามว่าหนูจะกินอะไร” พี่ครามยอมถอยห่างเมื่อยังเห็นท่าทีแข็งขืนของฉัน
“หนูสั่งที่ร้านพี่หวานแล้ว เดี๋ยวพนักงานเอามาส่ง”
“งั้นเหรอ? เผื่อพี่ด้วยไหม?”
“เผื่อค่ะ” เมื่อตอบไปแบบนั้นพี่ครามถึงกับยิ้มมุมปากแต่ยังดีที่ไม่ได้เอ่ยแซวอะไรออกมา
“เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านพี่นะ” กระทั่งถึงเวลากินข้าวอาหารมาส่งถึงที่ทำงาน ฉันให้ทิปพนักงานที่น่ารักและเอาอาหารมาส่งถึงที่ ระหว่างกินข้าวกันอยู่นั้นพี่ครามก็เอ่ยชวน แต่ฉันไม่อยากจะไปเลยนี่สิ ไม่อยากเจอผู้หญิงของเขา
“ไม่อยากไปค่ะ”
“เธอ ไปกับพี่” พี่ครามเอ่ยย้ำ และน้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกมานั้นไม่ได้ขอร้องแต่เหมือนกับกำลังส่งฉันเลย
“พี่อย่ามาสั่งหนูนะ หนูไม่สบายอยู่จะให้กระเตงไปไหนเยอะแยะ แค่ออกมาทำงานหนูก็เหนื่อยมากพอแล้ว เลิกงานก็อยากจะกลับไปนอนดี ๆ” บ่นยาวๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ตอนนี้ฉันควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยากมากเวลาไม่สบายมักจะงอแงเป็นพิเศษ ยิ่งมีเรื่องที่ทำให้เสียใจก็ยากที่จะควบคุม
“โอเค ๆ ขอโทษ ไม่บังคับแล้ว ขอโทษนะ” พี่ครามยอมในที่สุด ถ้าไม่ยอมดูสิฉันจะร้องไห้ใส่เขาจริง ๆ ด้วย พี่ครามบอกแค่นั้นก็เงียบไป กินข้าวเสร็จเขาก็ยังไม่ยอมกลับ แต่มีเดินหายไปที่ไหนสักพักเกือบยี่สิบนาทีแล้วกลับมาพร้อมกับแก้วเครื่องดื่ม และเป็นเครื่องดื่มจากร้านพี่หวานใจ
“หนูขอชิม” พอได้นั่งพักกับตัวเองเงียบ ๆ ก็เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้น เอ่ยขอชิมกาแฟจากแก้วพี่คราม อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรแต่ยื่นแก้วกาแฟของเขามาให้ฉันได้ชิมอย่างที่ต้องการ
“ขมจัง” บ่นเสียงงอแงหลังจากชิมกาแฟจากแก้วพี่ครามเสร็จก็ดูดไวท์ช็อกลาเต้จากแก้วตัวเองต่อ
“อเมริกาโนมันก็ต้องขมสิ”
“เมื่อไหร่พี่จะกลับ” นั่งดื่มกาแฟไปได้สักพัก คิดเงินให้ลูกค้าได้สองสามรายพี่ครามก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับบ้านเขาสักทีและตอนนี้มันก็เย็นมากแล้วด้วย เขาจะกลับไหมบ้านน่ะ
“ไม่กลับ”
“อ้าว” หันกลับไปมองพี่ครามเมื่อได้ยินคำตอบ แต่ใบหน้านิ่ง ๆ ของเขาทำให้รู้ว่าเขาพูดจริง
“เย็นนี้จะมานอนเป็นเพื่อน”
“หนูกับพี่หวานใจอยู่ได้ค่ะ”
“พี่จะมานอนเป็นเพื่อน”
เฮ้อ เขาไม่ฟังเลยสินะ เอาแต่ใจที่สุดเลย
“นายขอเบิกเงินล่วงหน้าได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ แต่รอแป๊บหนึ่งก่อนนะ หนูทำบิลให้ลูกค้าก่อน” บอกกับคนงาน และทำบิลส่งของให้ลูกค้าต่อจนเสร็จ เหลือบตามองนาฬิกาก็พบว่ายังไปส่งทันจึงเอ่ยเรียกคนงานให้มาเอาบิลไปขึ้นของ
“น้านงขึ้นของส่ง บ้าน...ค่า”
“ครับนาย!” คนงานมาเอาบิลฉันจึงเอาเอกสารมาทำบิลเบิกเงิน ใช้เวลาไม่นานก็เคลียร์ทุกอย่างเสร็จ ก่อนกลับไปเรียนฉันต้องทำเอกสารเงินเดือนคนงานให้เสร็จก่อนสินะ ถ้าฉันไม่อยู่จะเป็นแม่กับพี่หวานใจทำด้วยกันแต่พอฉันมาก็จะเป็นคนทำเอง
“เลยเวลาปิดร้านแล้ว” พี่ครามเอ่ยเตือน นั่นแหละฉันถึงไปบอกให้คนงานช่วยปิดร้านและโกดัง แต่จังหวะที่ฉันกำลังจะกลับบ้านก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดหน้าร้าน กระจกฝั่งคนขับลดลงพร้อมกับโบกมือให้พี่คราม
“ไปกับพี่หน่อยแป๊บหนึ่งแล้วจะพากลับบ้าน”
“แต่...”
“เธอไปกับพี่หน่อย ไม่นานหรอก”
“ก็ได้ค่ะ แต่ต้องพากลับนะหนูอยากไปนอนพักแล้ว”
“ครับไม่นานหรอก”
ปฏิเสธหัวชนฝายังไงสุดท้ายก็ยอมตอบตกลงไปกับเขาอยู่ดี พี่ครามน่ะเขาจะมีวิธีทำให้ฉันยอมในที่สุดอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะหยิบขึ้นมาใช้ในตอนไหนก็เท่านั้น แต่ตอนนี้ที่ยอมตกลงเพราะฉันเหนื่อยและปวดหัวเลยไม่อยากดื้อและต่อต้านเขา
ขึ้นรถมาได้ พี่ครามก็ขับพาไปยังรีสอร์ตของที่บ้านเขา ที่อยู่ไม่ไกลจากที่ร้านฉัน เลี้ยวรถเข้าไปยังลานจอดรถก็มีผู้ชายคนหนึ่งเปิดประตูรถลงมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูหงุดหงิดไม่น้อย เมื่อเจอคนมาใหม่ฉันจึงยกมือไหว้ทักทายเพราะพี่ครามเอ่ยแนะนำให้เราทั้งสองได้รู้จักกัน
“เธอนี่นนท์เพื่อนพี่ นนท์นี่เธอ”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ ขอโทษด้วยนะที่แฟนพี่มาสร้างความเดือดร้อนให้แบบนี้” เพื่อนพี่ครามบอกอย่างรู้สึกผิด แต่แววตานั้นยังคงคุกรุ่นไม่พอใจอยู่
“รีบไปพาแฟนมึงกลับ”
“เดี๋ยวกูไปพามาก่อนแล้วไปคุยกันให้เข้าใจสักที แม่ง หลายปีก็ยังเหมือนเดิมกูจะเลิกละ พาคนอื่นขึ้นห้องกูเป็นว่าเล่น” เพื่อนพี่ครามสบถอย่างหัวเสียก่อนจะเดินเข้าไปยังส่วนของตัวอาคารรีสอร์ต ฉันได้แต่แหงนหน้ามองพี่ครามอย่างสงสัย คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จับมือพาเดินไปยังโต๊ะนั่งเล่นของทางที่พักและเริ่มเล่าเรื่องบางอย่างให้ฟัง
“แฟนไอ้นนท์บุกมาที่บ้าน คนงานไม่รู้เลยให้เข้าไปนั่งรอ พี่รีบกลับไปเพราะไม่ชอบให้คนนอกเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับที่บ้านเราก็รู้นี่?” พี่
ครามถาม ฉันจึงพยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจเรื่องที่เขาไม่ชอบให้คนภายนอกไปยุ่งวุ่นวายกับที่บ้านเขา
“พูดไร้สาระ บอกว่าชอบพี่นู่นนี่นั่น ดีที่ไหวตัวทันตั้งแต่ต้นก่อนเข้าบ้านพี่เลยชวนแม่บ้านและคนงานผู้หญิงเข้าไปด้วย เลยมีพยานว่าพี่ไม่ได้ใกล้เธอเลยน่ะ”
“...” ระหว่างที่เล่า ฝ่ามืออุ่นก็ยกลูบเรือนผมฉันไปมา แววตาอ่อนโยนจ้องมองใบหน้าฉันอย่างอ้อนวอน
“เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เรียน พี่ไม่ชอบเคยเตือนเพื่อนแล้วแต่มันก็ไม่ฟังแทบจะตัดเพื่อนกับมันแล้ว โง่เหลือเกิน” ท้ายประโยคพี่ครามคล้ายจะบ่นเพื่อนให้ฟัง
“แต่ไม่คุ้นใช่ไหมเพื่อนคนนี้ คนนี้รู้จักกันตอนปีสามน่ะ” ฉันน่ะรู้จักเพื่อนสนิทพี่ครามทุกคนเลย ทั้งพี่ทิม พี่เฮียที่เป็นผู้จัดการไร่ และพี่นิสาที่ตอนนี้เป็นอาจารย์ที่มหาลัยที่ฉันเรียนอยู่ นั่นแหละ พอเป็นคนนี้เลยไม่คุ้นอย่างที่เขาถามมานั่นแหละ
“...”
“ที่ไม่ยอมรับสายไม่ยอมเจอเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?” พี่ครามถามอีกครั้ง แต่เป็นฉันเสียเองที่เมินหน้าหนีและไม่ได้ตอบคำถามของเขา
“พี่เคยบอกว่ายังไง ถ้ามีอะไรให้ถามให้คุยกับพี่ตรง ๆ อย่าคิดเอง”
“...”
“รักเธอ...”
“อย่าดุกันสิ” ฉันบึนปากมองอีกฝ่ายอย่างงอแง ก็คิดได้แล้วไง อย่ามามองดุนะ
“เฮ้อ งอแงจังเลย ไข้ขึ้นหรือเปล่า” ระหว่างที่ถามก็ยกหลังมือทาบหน้าผากไปพลาง
“คราม กูจะพาเขากลับเลยนะ” เสียงเพื่อนพี่ครามดังมาจากด้านหลัง หันกลับไปมองก็เจอเขากำลังเดินมาพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันเห็นถ่ายรูปแล้วแท็กพี่คราม ไหนจะที่ร้านอาหารนั่นอีก
“เออ แล้วก็หยุดทำแบบนี้สักที มันเดือดร้อนคนอื่น” ท้ายประโยคพี่ครามจ้องหน้าพี่ผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่พอใจ
“...”
“หวังว่ามันคงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว อยู่กับกูสบาย ๆ ไม่ชอบ ถ้ามันคันมากก็เลิกกับกูไปอยู่กับชู้เถอะ” พี่นนท์ว่าอย่างหัวเสีย สายตาที่มองพี่ผู้หญิงนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ไม่มีโอกาสให้แล้ว” น้ำเสียงเจ็บปวดนั้น ทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าเขารักพี่ผู้หญิงมากแค่ไหน แต่ความเจ็บปวดที่ได้เจอคงทำให้อีกฝ่ายทนไม่ไหวเช่นเดียวกัน
“กูกลับแล้วมึง ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา เอาไว้ถ้าไปกรุงเทพบอกกูนะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวไถ่โทษ”
“ได้ ค่อยคุยกัน” พี่ครามโบกมือลาเพื่อน รอกระทั่งรถเพื่อนของเขาเคลื่อนออกจากที่จอดรถไป ตรงนี้เลยมีเพียงเราสองคนที่ยังยืนกันอยู่
“เย็นมากแล้ว เรากลับกันเถอะ”
“ค่ะ”
“เธอ...”
“หือ?” ขานตอบระหว่างที่ขึ้นมานั่งบนรถแล้วเรียบร้อยและพี่ครามก็กำลังพากลับไปที่บ้าน
“พี่กับผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรเลยจริง ๆ ไม่ว่ากับใครพี่ก็ไม่เคยมี”
“...”
“หายโกรธพี่เถอะนะ”
“...”
“พี่นอนไม่หลับเลย ตอนที่ไม่ได้คุยกับเธอ”
“...”
“อย่าทรมานพี่แบบนี้เลยนะครับ”
========
แงงงงงง ก็แค่หยอกเล่นเบาๆเอง ไมมีหรอกดรามงดราม่า อิอิ
พี่เค้าพูดจากใครเลยนะ พี่ครามน่ะ มีอีกไหม เค้าอยากได้สักคน
ฝากคอมเม้นต์ด้วยนะคะ อยากได้กำลังใจอีกสักนิดค่ะค่ะ
ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีและอ่อนโยนกับทุกคนเลยนะคะ