“ฮัลโหล แม่ทำอะไรอยู่ครับ” เสียงนุ่มเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม เดาว่ายามนี้คุณจูนที่น่ารักของคนงาน น่าจะกำลังกลับจากไปทำบุญตักบาตรที่วัดดั่งเช่นปกติแน่
“แม่เพิ่งกลับมาจากวัด ลูกล่ะ ไหนว่ามีสัมมนาไง ทำไมโทรหาแม่ได้” เสียงอ่อนหวานของแม่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“สัมมนาเริ่มแปดโมงครึ่งครับแม่ ตอนนี้จอมว่าง อยากคุยกับแม่ก่อนไม่ได้หรือไง” ลูกชายที่โตเป็นหนุ่มจนมีเมียได้เป็นโขยงเอ่ยอ้อนในแบบที่ไม่ได้เข้ากับหน้าตาเข้มๆ ดิบๆ แต่หล่อเหลาอย่างร้ายกาจของเขาเลยสักนิด
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่จ๊ะ” คนเป็นแม่ได้แต่แอบถอนหายใจโดยไม่ให้ผู้เป็นลูกชายได้รู้ เขาคงจะได้นิสัยขี้อ้อนมาจากคุณตาของเขากระมัง
“คิดถึงแม่จังครับ” คำพูดคำจาหวานๆ ยังตามมาอีกระลอก
“จ้า”
“รักแม่ครับ”
แว่วได้ยินเสียงหัวเราะสดใสดังมาตามสายหลังจบคำนั้น ทำเอาคนเป็นลูกหน้ามุ่ยขัดกับอายุ
“แม่อะ ทำไมต้องหัวเราะจอมด้วย”
“ไปเตรียมตัวเถอะลูก กลับมาเดี๋ยวแม่จะให้ป้าปานทำอะไรอร่อยๆ ไว้รอนะ”
“ครับผม”
ชายหนุ่มยังคุยกับแม่ต่ออีกพักใหญ่ จนคนเป็นมารดาไล่ให้ไปเข้าสัมมนาได้แล้ว นั่นแหละเขาถึงได้ยอมวางสาย
จังหวะที่พลิกกายจะเดินกลับไปทางทิศของห้องสัมมนา สายตาก็เจอกับอะไรบางอย่างเสียก่อน
หลังจากนั้นความสนใจของเขาก็พุ่งตรงไปยังสิ่งนั้น และไม่ได้แยแสการสัมมนาที่สำคัญต่ออาชีพเกษตรกรของตนอีกเลย…
ร่างเล็กบอบบางที่อยู่ในชุดกระโปรงเอี๊ยมยีนน่ารักสมวัยขยับตัวไปมาอย่างเมื่อยขบ แขนเล็กๆ บิดไปมาช้าๆ ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาเมื่อความรู้สึกง่วงงุนนั้นได้คลายลงไปบ้างแล้ว
สาวน้อยผุดลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ เมื่อสายตากวาดมองไปรอบๆ แล้วพบว่าที่ที่เธออยู่ไม่ใช่ห้องที่คุ้นเคย ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอแน่ๆ
ก่อนที่ความทรงจำสุดท้ายของเธอจะผุดขึ้นมาให้นึกได้ว่า เมื่อตอนเช้าของวันนี้เธอเดินอยู่ในตึก ก่อนจะมีผู้ชายแปลกหน้ารูปร่างผอมสูงวิ่งเข้ามากระชากกระเป๋า แล้วก็มีการต่อสู้ฉุดดึงกัน คนร้ายควักมีดคัตเตอร์ออกมา แต่ไม่ทันจะได้ทำอะไรก็มีคนมาช่วยไว้ได้เสียก่อน
ใบหน้าคมเข้มที่เธอไม่ทันได้พินิจชัดๆ เพราะกำลังตกใจ หันมาจ้องเธอเขม็งหลังจากไล่เตะจนคนร้ายวิ่งหนีไป ก่อนจะกระชากเธอเข้าไปใกล้ กดจูบลงมาบนปากอิ่มแรงๆ จนเธอตกใจและหมดสติไปทันที
สาวน้อยน้ำตาไหลด้วยความหวาดกลัว ในใจคิดหวาดระแวงไปต่างๆ นานาว่าตัวเองกำลังถูกลักพาตัว หรือโจรจับมาเรียกค่าไถ่ แต่ครั้นคิดได้ว่าควรโทรหาผู้ปกครอง มือน้อยก็รีบปาดน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรง
แต่โชคก็ไม่เข้าข้างเมื่อโทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่หมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กระเป๋าสะพายข้างใบเล็กของเธอวางอยู่ข้างหัวเตียง ทรัพย์สินทุกอย่างอยู่ครบ แต่เธอไม่เคยพกที่ชาร์จสำรองหรือที่ชาร์จมือถือไปไหนต่อไหน
แล้วอย่างนี้จะโทรหาคุณพ่อได้ยังไง
คิดในใจอย่างสิ้นไร้หนทาง ก่อนที่สายตากลมโตจะกวาดมองไปรอบๆ ห้องกว้าง จนไปสะดุดที่สิ่งสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอยกมือขึ้นปิดปากอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
รูปถ่ายของชายและหญิงในกรอบรูปสีเข้มดูเรียบหรู วางตั้งอยู่บนโต๊ะที่ตรงมุมห้อง และมันก็ทำให้ภาพความทรงจำที่ติดอยู่ในใจของเธอตลอดผุดขึ้นมาอีกครั้ง
“จอมล่ะ จอมล่ะ” ไม่มีใครตอบในสิ่งที่เด็กน้อยช่างพูดถาม
“แง้ๆ ๆ พ่อขา”
เธอเรียกหาคุณพ่อที่รักทันทีที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับออกมาจากบ้านหลังเล็กที่ตนชอบวิ่งมาเล่นกับพี่ชายตัวโต
“หนูดา”
เสียงฝีเท้าหนักๆ พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของคุณพ่อสุดหล่อวิ่งตามมาขณะร้องเรียก
“พ่อขา จอมล่ะ”
ใบหน้ากลมป้อมอาบน้ำตาหันมาถามราวกับรู้ว่าคนที่เธอมาหาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว
“พี่จอมไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วลูก”
“แง้ๆ ๆ ฮือๆ ๆ จอมล่ะ จอมล่ะ”
ทั้งร้องทั้งถาม มันคือความเจ็บปวดของเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่รู้ว่าจะไม่ได้เจอกับคนที่แกอยากอยู่ใกล้ๆ อีกแล้ว
“เปิดประตู!”
เสียงสั่งที่ดังอยู่ด้านนอกพร้อมกับเสียงกุกกักที่ดังอยู่หน้าประตู ทำให้ความคิดของของสาวน้อยหยุดชะงัก ก่อนจะรีบหันรีหันขวางและหาที่หลบเมื่อไม่รู้ว่าใครกำลังจะเข้ามาในห้องนี้ แต่ไม่ทันจะได้หลบไปทางไหน ผู้หญิงร่างเล็กบอบบางแต่ดูสง่าก็ก้าวเข้ามาเสียก่อน
ใบหน้าที่แม้วัยจะล่วงเลยไปมาก แต่ก็ไม่อาจปิดบังความสวยและความอ่อนหวานนั้นได้ ให้ผ่านไปนานแค่ไหนสาวน้อยก็ไม่มีทางลืม
“น้าจูน!” เสียงสั่นเครือเอ่ยทักขึ้นก่อน นานแค่ไหนแล้วที่ผู้หญิงตรงหน้าหนีหายออกมาจากบ้านหลังใหญ่พร้อมกับลูกชาย จนวันนี้ที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“คุณดาต้า”
“ฮือๆ น้าจูนขา น้าจูนทิ้งดาต้าทำไมคะ ฮือๆ ๆ ดาต้าคิดถึงน้าจูน”
สาวน้อยโผเข้ากอดร่างบอบบาง ก่อนจะร่ำไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจ
“น้าขอโทษ คุณดาต้าอย่าโกรธน้าเลยนะคะ”
“ไม่ค่ะ ดาต้าไม่เคยโกรธ ดาต้าแค่คิดถึง คุณพ่อก็คิดถึงน้าจูนมากๆ นะคะ”
ผู้สูงวัยกว่าถอนหายใจ ลูบศีรษะเล็กเบาๆ เป็นเชิงปลอบโยน ก่อนเสพูดไปอีกเรื่อง