“กวนตีนละไอ้นะ” คนมาใหม่ที่วันนี้จัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผมไม่สบอารมณ์อย่างแรง
“เฮ้ย เป็นผู้หญิงยิงเรือพูดให้มันเพราะๆ หน่อยดิวะ”
ธนวัฒน์ต่อว่า แอนนิชา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอีกคน ก่อนจะถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เมื่อสายตาหวานเชื่อมของเธอหันไปทางคนที่ยืนปิดปากเงียบ ไม่สนใจไยดีเขาสักนิด
“จอมสบายดีไหม”
คำพูดคำจาก็ต่างกันราวพูดกับเทวดาและทาสรับใช้
“สบายดี แอนนี่เป็นไงบ้าง”
“ตั้งแต่เรียนจบแอนนี่ก็ช่วยงานแด๊ดตลอด เลยไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ ว่าจะลงไปเยี่ยมที่ฟาร์มก็เลยไม่มีโอกาสสักที”
“ไปหาผู้ชายยยยย” เสียงยืดยานแทรกขึ้น ทำให้แอนนิชาหันไปมองคนปากหมาตาเขียวปัด
“ไม่เสือกสักเรื่องได้ไหมไอ้นะ”
“เออ ดีแต่ด่ากูนี่แหละ ถึงเวลาน้ำตาเช็ดหัวเข่าใครอยู่ข้างมึง กูถามหน่อย”
“หุบปาก!” แอนนิชาตวาดด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าและแววตาให้เป็นปกติ เมื่ออีกคนที่ยังอยู่ในวงสนทนาแต่พูดน้อยสุดหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนทั้งสองคนพูดกันนัก
“พูดเรื่องอะไรกันวะ” จิณณวัตร หนุ่มหล่อ แม่รวย และโสด เอ่ยขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
วันนี้ชายหนุ่มมาทำธุระที่กรุงเทพฯ ออกเดินทางมาตั้งแต่เมื่อคืนมาถึงตอนเกือบสว่าง พักผ่อนเต็มที่แล้วจึงนัดเพื่อนสนิททั้งสองคนมากินข้าวกัน แต่ดูพวกมันสิ เจอกันทีไรก็กัดกันตลอด เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน จนตอนนี้อายุยี่สิบแปดปีกันแล้ว นิสัยยังไม่เปลี่ยนไปอีก และที่ทุกคนต่างเหมือนกันและไม่ยอมเปลี่ยนอีกอย่างก็คือ ต่างคนต่างไร้คนรู้ใจ ไม่มีแฟนกันทั้งสามคน
พวกเขาทั้งสองนั้นไม่เท่าไหร่ ด้วยชีวิตอิสระแบบหนุ่มโสดนั้นเป็นที่หวงแหนอยู่แล้ว แต่เพื่อนสาวคนสวยในแบบฉบับลูกครึ่งคนนี้สิ ทำไมถึงได้ไร้แฟนมานานนับตั้งแต่รู้จักกันก็ไม่รู้
“เปล่า/ เปล่า” คนทั้งสองพร้อมใจกันตอบคำถามเขาแบบนี้
ก่อนจะเป็นแอนนิชาที่ขยับเข้ามาใกล้ แล้วยกแขนขึ้นคล้องแขนล่ำๆ ของจิณณวัตร
“ไม่เจอกันหลายปี จอมยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ”
“ธรรมดา” ชายหนุ่มพยักหน้าให้ธนวัฒน์เป็นเชิงโอ่ๆ ก่อนจะหันกลับมาสนใจคนที่ยืนคล้องแขนเขา เมื่อเธอกระตุกเบาๆ
“แอนนี่อยากถ่ายรูปกับจอม”
“ถ่ายด้วยดิ อยากถ่ายด้วย” ธนวัฒน์บอกเธอเสียงอ่อนเสียงหวาน
แอนนิชากลอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะกระชับแขนที่กอดแขนชายหนุ่มอีกคนที่กลับมายืนหน้าขรึมไม่พูดไม่จา ทว่านั่นกลับตรงสเปกเธอมากกว่าผู้ชายพูดมาก ที่เจอกันทีไรก็เจื้อยแจ้วจ้อยๆ
“จอมถ่ายรูปกับแอนนี่หน่อยนะ”
“เฮ้ย ไม่ต้องหรอก” เขาเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป และเพราะรู้ข้อนั้นดี แอนนิชาถึงอยากถ่ายรูปกับเขา โดยเฉพาะรูปคู่
“น่า...รูปเดียว”
“ไอ้จอม สาวเรียกร้องขนาดนี้ก็จัดหน่อยดิวะ”
จิณณวัตรพยักหน้ารับเนือยๆ ก่อนจะยืดตัวมายืนตรงเตรียมพร้อมที่จะถ่าย ใบหน้านั้นนิ่งเฉยจนคนอยากถ่ายรูปด้วยขัดใจ
“จอมไม่ยิ้มเลย”
“รีบๆ ถ่ายเถอะน่า อายคนนะเว้ย” เขาโวยวายเมื่อหันมองไปรอบๆ กายแล้วเห็นคนมองดูเพียบ
“ก็ยิ้มหน่อยสิ จอมอะชักช้าลีลา”
“ไอ้เชี่ยจอม มึงชักเร็วๆ ดิวะ”
“ไอ้!...” จิณณวัตรยั้งปากจะด่าคนชอบพูดสองแง่สามง่ามไว้ทัน ก่อนจะยิ้มฝืนๆ ให้คนที่ยกกล้องขึ้นมาเซลฟี่รูปคู่กับเขา
แอนนิชาดูรูปแล้วยิ้มด้วยความพอใจ เธอพยายามเอาหน้าเบียดไปใกล้ๆ หน้าเขา มุมกล้องทำให้ดูเหมือนทั้งสองคนเอาหน้าแนบกัน อ๊าย เอารูปนี้เก็บไว้มโนยามว่างได้ดีนักแล
ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันต่อ โทรศัพท์ในมือก็ถูกคว้าไปโดยธนวัฒน์
“ไอ้จอม ถ่ายให้กูด้วย”
ขาดคำเขาก็กระชากเอวบางเข้ามาในอ้อมแขน พร้อมกับกดจูบลงมาบนแก้มเนียนฟอดใหญ่ มันเป็นการช่วงชิงจังหวะที่เร็วมาก พร้อมกับกล้องที่แชะภาพได้พอดี
แอนนิชาอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง แต่ธนวัฒน์ยักคิ้วให้ด้วยความสะใจ ก่อนที่แม่เสือสาวจะคืนสติได้ คนที่ทำอะไรไม่กลัวตายก็ออกเดินนำหน้า ก่อนจะเอ่ยบอกโดยไม่หันมามอง
“ดูหนังกันพวกมึง กูไม่แดกข้าวละ กูอิ่มหนักมาก” ว่าแค่นั้นก่อนจะหันมาส่งจูบให้แอนนิชาอีกหน พร้อมกับก้าวนำไปก่อน
โดยที่คนข้างหลังได้แต่กระทืบเท้าด้วยความโมโห แอนนิชาตั้งท่าจะกรี๊ดออกมา แต่ก็โดนจิณณวัตรยกมือห้ามไว้และส่ายหน้า เป็นสัญญาณบอกว่าให้เงียบแล้วเดินตามธนวัฒน์ไป
ทำให้เธอได้แต่เก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ พร้อมกับกระฟัดกระเฟียดตามไปอีกคน...
ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร
ณ อาคารหรูหราซึ่งเป็นที่จัดสัมมนากึ่งวิชาการเรื่อง ระบบเกษตรผสมผสานและการสร้างนวัตกรรมเพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน
ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า จิณณวัตรที่ยังยืนอยู่หน้าห้องสัมมนากำลังจิบกาแฟที่ทางสถานที่จัดไว้ให้อย่างสบายอารมณ์ ตอนนี้ยังเหลือเวลาที่จะผ่อนคลายได้อีกตั้งสามสิบนาทีกว่าจะถึงเวลาเริ่มงาน
ชายหนุ่มเดินไปวางถ้วยกาแฟลงยังที่ที่จัดไว้ ก่อนจะเดินปลีกตัวออกมา พร้อมกับกดโทรศัพท์โทรหาใครบางคนที่เขาคิดถึงและเป็นห่วงเสมอในยามที่ต้องห่างกันแบบนี้