ตอนที่ 5 กินนม...EP.2
Our Café
“ร้านนี้แหละ เขาว่ากันว่าเป็นร้านของรุ่นพี่ปีสี่เรา เป็นจุดเช็กอินที่ปีหนึ่งต้องมาเยือนเลยนะรู้มั้ย” ไหมกระซิบกระซาบ เดินนำไปที่หน้าร้าน คาเฟ่ตกแต่งเรียบง่ายสไตล์มินิมอล เน้นไม้สีอ่อนและเฟอร์นิเจอร์สีครีมให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตา เพียงแค่กวาดตามองทิวาก็รู้สึกชอบมาก เพราะความโปร่งสบายที่เห็นตั้งแต่หน้าร้าน รวมไปถึงสวนญี่ปุ่นด้านหน้ากลายเป็นจุดดึงดูดสายตาตั้งแต่แรกเห็น โดยเฉพาะบ่อปลาคาร์พที่ทำเหมือนลำธารเล็กใต้สะพานไม้
บรรยากาศดีจนให้ความรู้สึกเหมือนไปคาเฟ่ญี่ปุ่นที่มักจะมีรีวิวในเว็บไซต์ชื่อดัง ไม่แปลกใจเลยเมื่อตอนเข้ามาจะเห็นว่าลานจอดรถแทบจะไม่มีที่จอด
“คนเยอะจัง” ทิวาพึมพำ
หากแต่มุกซึ่งเดินตามมารีบเสริมขึ้นว่า “รุ่นพี่วิศวะที่เปิดร้านนี้อะ เห็นว่ากันว่าเป็นเพื่อนสนิท ป.ปกกับ ป.เชียร์ พ่วงด้วย ป.ห้องมืด ที่เห็นว่าคนเยอะแบบนี้ส่วนใหญ่จะมาเผื่อโชคดีเจอสักป. ว่ากันว่าเป็นรุ่นแรกที่ประธานต่างๆ มารวมตัวกันอย่างกับ F4 แต่ดีหน่อยที่มอเราไม่ได้โอเวอร์ขนาดที่ต้องไปถือป้ายไฟเชียร์ประธานต่างๆ เหมือนเชียร์ไอดอลเกาหลี ไม่อย่างนั้นถ้าเล่าให้ใครฟังเขาก็คงบอกว่าบ้า” มุกเล่าไปหัวเราะไป
ทิวามองเพื่อนใหม่ด้วยความทึ่ง “มุกรู้เยอะจัง”
“ไหมบอกอะ”
ทิวาหันไปทางไหม
“แฟนไหมบอก” อีกฝ่ายตอบพร้อมรอยยิ้ม “ว่ากันว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นรวมดาว เพราะสามปีก่อนอะ มีคนเล่าว่าเคยมีตำนานประธานห้องมืด รุ่นพี่คนนั้นเป็นตัวละครลับที่ไม่ค่อยโผล่มาในเวลาปกติเท่าไร แต่มารู้ตอนเปิดตัวประธานว่าตำนานที่คนแทบไม่เคยเห็นเป็นอัจฉริยะที่อาจารย์ในคณะเราภาคภูมิใจมาก เหมือนว่าจะมีชื่อแปลกๆ เดี๋ยวขอคิดก่อนนะ เก้า...เก้าอี้ ใช่! ว่ากันว่าพี่คนนี้เคยเข้าวงการพักหนึ่งเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของคณะวิศวะ แต่พอเข้าไปปีเดียวพี่เขาก็บินตามอาจารย์กิติไปๆ มาๆ เพราะความเทพ แฟนไหมบอกว่ารุ่นพี่คนนี้มีหลายตัวตนจนคนนึกไม่ถึง แถมแต่ละตัวตนทำเอาคนอ้าปากค้างเลยล่ะ”
“มันจะมีคนเป็นยอดมนุษย์แบบที่พูดด้วยเหรอ” ทิวาไม่อยากจะเชื่อว่ามนุษย์คนหนึ่งสามารถมีตัวตนที่โดดเด่นได้หลายอย่าง เรื่องเล่าอย่างกับนิยาย
ไหมเลิกคิ้ว “วาไม่รู้เหรอว่าตำนานคนนี้นอกจากจะเป็นประธานห้องมืดแล้วยังเคยเป็นโปรเกมเมอร์ที่ได้แชมป์ระดับประเทศด้วยนะ เรายังคิดเลยว่าถ้าพี่อี้เข้าวงการอาจจะกลายเป็นพระเอกดังไปแล้ว เสียดายก็แต่...” พูดถึงตรงนี้เธอก็ถอนหายใจ
มุกถามด้วยตาเป็นประกาย “เสียดายอะไร”
ไหมยื่นปากเล็กน้อย “เล่ากันว่าพี่อี้จีบสาวคนหนึ่ง ทำเอาคนอกหักทั้งมหา’ลัย ตอนขึ้นดอยก็วิ่งขึ้นพร้อมกันกับสาวคนนี้ ถ่ายรูปติดแฮชแท็กซะหราเลย ตอนแรกเราไม่เชื่อแฟนเรา แต่พอไปเผือกดูก็เห็นอย่างที่แฟนเราเล่า อีกอย่างนะ พี่ผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นคนที่ประธานห้องมืดคนปัจจุบันเคยชอบด้วย”
“หืม?” ทิวากับมุกเบิกตาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เป็นพี่ปีสี่ของเราเหรอ” มุกถาม
“อยากรู้เลยว่าสวยขนาดไหน” ทิวาเริ่มจินตนาการ รู้สึกว่าเรื่องราวนี้คุ้นหูอยู่บ้าง เพียงแต่จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินจากที่ไหน
ไหมยกมือลูบจมูก มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “สวย น่ารัก จะบอกยังไงดี จริงๆ แล้วพี่ผู้หญิงคนนั้นแก่กว่าประธานห้องมืดเราสองปีน่ะ เห็นรูปครั้งแรกจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีผู้ชายชอบ เธอเป็นผู้หญิงในแบบที่ใครเห็นก็อดมองซ้ำไม่ได้ ไม่ได้สวยจัดเหมือนนางเอกละคร แต่มองแล้วไม่มีเบื่อ แถมเจ้าตัวเป็นพวกเรียนดีกีฬาเด่น หน้าเด็กโดยธรรมชาติอะ เทียบกับเราที่แต่งหน้าเยอะๆ แล้วคนละโลกเลย” หางเสียงของไหมมีความอิจฉาเล็กน้อย เพราะเธอยังต้องแต่งหน้าเพื่อกลบรอยสิวที่ผุดขึ้นมาในช่วงมีประจำเดือนอยู่ ไม่แต่งหน้าก็ไม่ได้อีก คิ้วที่ยิ่งมีน้อยอาจจะหายไปกลายเป็นแม่ชีโดยไม่รู้ตัว เผลอๆ ถ้าไม่แต่งหน้าแล้วรวบผมไว้ใต้หมวกทั้งหมด คนอาจจะคิดว่าแม่ชีหนีจำวัดปลอมตัวมา
บาปกรรมแท้ๆ
“เอาน่า ผู้หญิงเราน่ะ แค่คิดว่าเราสวย เราก็สวยแล้ว แต่งหน้าไม่แต่งหน้ามันคือรสนิยมและความจำเป็น ไว้อีกหน่อยถ้าไม่โอเคก็แค่ไปพึ่งมีดหมอ ไม่เห็นยากเลย” ทิวาตบบ่าไหมปลอบใจ
มุกพยักหน้าเห็นด้วย “คนที่เกิดมาหน้าตาดีนั่นคือบุญเก่าทำมาดี แต่ว่าเคยได้ยินคำนี้มั้ย ทำบุญสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้ อีกอย่างไหมก็น่ารักออก ฮ่าๆ”
แม้ว่ามันอาจเป็นการปลอบใจตามมารยาท แต่พอได้ยินไหมก็รู้สึกดีขึ้น เธอสูดหายใจลึกแล้วยิ้ม “เข้าไปกันเถอะ กวินบอกว่าจองโต๊ะไว้แล้ว สั่งเครื่องดื่มแล้วเรานำทางเอง”
เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งเมื่อประตูเปิดขึ้น เสียงเพลงฟังสบายหูดังคลอเบาๆ ผู้คนในร้านค่อนข้างเงียบ ส่วนใหญ่จะกระซิบกระซาบกันมากกว่า ลูกค้าส่วนมากเป็นผู้หญิง ทิวามองแล้ววิเคราะห์ว่าอาจเป็นเพราะการตกแต่งในร้านที่ค่อนข้างน่ารักและอบอุ่น
แต่พอเดินไปที่เคาน์เตอร์เธอก็ต้องเพิ่มอีกเหตุผลหนึ่งเข้าไป
“สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ?” ชายหนุ่มร่างสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรสวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเข้มทับชุดนักศึกษา ผมสีน้ำตาลอ่อนตัดสั้นจัดทรงอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ทิวามองออกทันทีว่าต้องผ่านร้านดังมาแน่นอนผมเขาถึงได้ดูเนี้ยบและดูดีขนาดนี้ เธอได้ยินเสียงมุกลอยมาว่า “คนนี้เจ้าของร้าน” ดวงตาก็สว่างขึ้นเล็กน้อย เพราะคนคนนี้นอกจากจะมีรูปร่างและบุคลิกที่ดีแล้ว หน้าตายังถือได้ว่า...หล่อ
อาจไม่ได้หล่อแบบดารา แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความหล่อของนักศึกษา โดยเฉพาะรุ่นพี่วิศวะ ปีสี่ส่วนใหญ่มักไว้หนวดเครารุงรังเพราะเป็นพี่ว้าก
แต่ทิวาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเขาในห้องเชียร์มาก่อน
ความเป็นจริงแล้วเธอไม่ค่อยจำหน้าคนที่ไม่ได้สนใจนัก
“อเมริกาโน่เย็นหวานน้อยค่ะ มุก วา กินอะไรดี” ไหมสั่งแล้วหันมาถามเพื่อน
“สวีตแมงโก้จ้ะ” มุกบอก
ทิวารู้สึกหิวเล็กน้อย กลัวว่าสั่งแค่เครื่องดื่มจะไม่อิ่ม ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเมนูบิงซู เธอเลียปากเล็กน้อย สั่งอย่างรวดเร็ว “Brownie on the Red ค่ะ”
คนนั่งข้างเคาน์เตอร์เงยหน้าขึ้น กลิ่นคุ้นเคยอ้อยอิ่งตรงปลายจมูก เสียงของผู้หญิงทำให้เขาตื่นตัว ขณะเดียวกันเมนูที่เขาได้ยินนั้นทำให้อดเงยหน้ามองคนที่สั่งไม่ได้
เสี้ยวหน้าราวกับตุ๊กตาสะท้อนผ่านนัยน์ตาดำสนิทของเขา เสื้อฮู้ดสีแดงคุ้นตา และเส้นผมสีเพลิงที่เป็นเอกลักษณ์
ทันใดนั้นใบหน้าเฉยชาก็มีคลื่นอารมณ์บางอย่าง มุมปากบางเฉียบยกขึ้นเล็กน้อย แววตาค่อยๆ ลึกขึ้น
Brownie on the Red?
เธอจะรู้มั้ยว่าความหมายเบื้องหลังของชื่อนี้หมายถึงอะไร
Red…Red Riding Hood