“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมนาวี”
“ครับนาย”
“คุณจะพาฉันไปไหน ฉันไม่ไปกับคุณนะ” ชนัญธิดา อดทนมานานแล้ว เธอโดนลากออกมาจากห้องทำงาน แถมที่มันน่าอาย เธอยังโดนตระการยืนกอดซะแน่นอยู่ในลิฟต์ แถมด้วยลูกน้องหนุ่มของเขาอีกสองคนด้วย พยายามจะสะบัด ผลักอกหนาให้ออกห่าง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะโดนกอดรัดแน่นเข้าทุกอีก
“อย่าดิ้นสิ...”
“คุณก็ปล่อยฉันสิ หายใจไม่ออก”
“ก็ชวนมาดีๆ ไม่มานี่น่า มันก็ต้องบังคับกันแบบนี้แหละ” ตระการบอกพร้อมกับก้มลงมองร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอด ความอบอุ่นที่โอบล้อมอยู่รอบตัวเขามันคืออะไรกัน เขารู้เพียงแต่ว่า มันคือความหอมหวาน ความอบอุ่น ที่แผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ความอ่อนหวาน ละมุนที่เขาไม่เคยได้รับจากผู้หญิงคนไหน แต่เขากลับได้รับจากผู้หญิงที่กอดอยู่ในขณะนี้
“โอเค ฉันจะคุยกับคุณ แต่ตอนนี้คุณปล่อยฉันก่อนได้ไหม มันน่าเกลียด ฉันไม่ชอบ คนอื่นมันมองไม่ดี”
“ทำไมเธอถึงได้เรื่องมากนักชนัญธิดา” น้ำเสียงเข้มเริ่มไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้เชื่อฟังในสิ่งที่เขาพูดเลย มันอะไรกันหนักหนา โดยที่เขาลืมนึกไปว่า คนอื่นมองชนัญธิดาในแง่ไม่ดีนั่นเอง ถ้าใครมาเห็นเขายืนกอดเธอในลิฟต์แบบนี้ ดูเหมือนนาวีและสุทัศน์เข้าใจในความหมายและคำพูดนั้น พวกเขาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเป็นห่วงและกังวล ทั้งเจ้านายและชนัญธิดา เกิดใครมาเห็นทั้งคู่ยืนกอดในลิฟต์แบบนี้ มีหวังข่าวดังกระฉ่อนไปทั่วบริษัทฯ อย่างแน่นอน
สุทัศน์ได้แต่ภาวนาขออย่าให้ใครมาเห็นเลย ตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออก ไม่อย่างนั้นชนัญธิดาได้โกรธและคงสาปส่งเจ้านายเขาเป็นแน่แท้ ดูไปเจ้านายเขาคงไม่ยอมปล่อยชนัญธิดาไปง่ายๆ เสียแล้ว ขนาดข่าวที่ลงเมื่อเช้า เจ้านายไม่ได้เดือดร้อนที่จะแก้ข่าวเลยด้วยซ้ำ แบบนี้ก็สรุปได้ง่ายๆ เลยสิว่า บางทีหญิงสาวผู้นี้อาจกลายมาเป็นนายหญิงของเขาและนาวีได้ไม่ยาก
/////////
มาริษานั่งกังวลอยู่ไม่ติด เกือบสองทุ่มแล้วชนัญธิดายังไม่กลับมาอีก ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า โทรฯ ไปก็ไม่รับสาย หรือว่าติดประชุมอยู่ แต่นี่มันเลยเวลาทำงานมานานแล้ว ร่างบางลุกขึ้นไปเดินไปมาภายในบ้านอย่างเป็นห่วง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเธอหรือเปล่า ชนัญธิดาไม่เคยกลับบ้านผิดเวลาแบบนี้บ่อยนัก ไปไหนก็ต้องโทรฯมาบอกเธอเสมอ แต่วันนี้มันผิดสังเกต ชะเง้อมองทางประตูบ้านก็ยังไม่เห็นแม้แต่วี่แววของเพื่อนเลย
“ไปไหนของแกนะยัยษร” คนเป็นห่วงพึมพำออกมาอย่างวังวล เกิดชนัญธิดาไปประสบอุบัติเหตุที่ไหน แล้วเธอจะทำไง โทรศัพท์โทรฯ ไปก็ไม่รับ แบบนี้มันน่าโมโหจริงๆ ปล่อยให้เธอเป็นห่วงแบบนี้
“ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงแกยังไม่กลับมา ฉันจะโทรฯ ไปหาแกอีกรอบนะยัยษร ถ้าไม่รับอีก รอบนี้แกมีเรื่องกับฉันแน่” เสียงรถจอดอยู่บ้านบริเวณบ้าน มาริษาลุกขึ้นดู แทบจะวิ่งเลยทีเดียว เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนมาส่งเพื่อนรัก สายตามองอย่างสงสัย เพื่อนเธอมากับตระการได้อย่างไร แถมยังมีอีกสองหนุ่มที่ยืนขนาบข้างชายหนุ่มอีก สองหนุ่มนั่นเป็นใครกัน ‘คงไม่ใช่บอดี้การ์ดของตระการหรอกนะ’
“แกหายไปไหนมายัยษร ฉันโทรฯ ไปทำไมไม่รับสายฉัน รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วง”
มาริษาเดินออกมาโวยวายใส่เพื่อนทันทีด้วยความเป็นห่วง จ้องมองชายหนุ่มทั้งสามที่ยืนมองเธอด้วยความขบขัน ใบหน้าหวานซึ้งชักสีหน้าทันทีด้วยความไม่พอใจ เมื่อรู้สาเหตุว่าทำไมเพื่อนเธอถึงกลับมาเอาป่านนี้ แค่สีหน้าและสายตาที่มองเธอ ทำเอาเธอสงสารเพื่อนทันที เห็นทีชนัญธิดาคงเจอสภาพเดียวกับเธอแล้วแน่นอน
“คุณตระการพาเพื่อนษาหายไปไหนมา คุณรู้ไหมนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว” น้ำเสียงหวานหันไปโวยเอากับตัวต้นเรื่องทันที ดูอาการของเพื่อนรักแล้วก็เหนื่อยใจน่าดู
ตระการถึงกับตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน ไม่คิดว่าผู้หญิงหน้าหวาน ตาสวย แสนน่ารัก แบบตุ๊กตาญี่ปุ่นของเพื่อนจะโวยวายเอาแบบนี้ เสียงหวานที่เขาเคยได้ยินเมื่อวาน กลับกลายมาเป็นเสียงหวานห้าวๆ แข็งๆ แบบที่ชนัญธิดาเคยทำกิริยาแบบนี้เช่นกัน คืนนี้เขากลับมาเจอแบบเดิมอีกแล้วแต่เป็นคนละคนกันเท่านั่น
นาวีและสุทัศน์ยืนมองสาวสวยหน้าหวาน ท่าทางเรียบร้อยโวยวายเจ้านายเขาเสียยกใหญ่ ไม่ต้องบอกว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร ถ้าไม่ได้มาจากผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ที่ยืนทำท่าสะใจ ที่เจ้านายเขาโดนแม่สาวน้อยหน้าหวานต่อว่าไม่หยุดอยู่ในขณะนี้
“ว่าไงค่ะ ยืนเงียบทำไม คุณตระการ คุณพาเพื่อนษาไปไหนมา รู้ไหมษาไม่ชอบให้ใครมาแหกกฏของบ้านษา”
“แหกกฏขอบ้านเหรอครับ” ตระการถึงกับหน้านิ่ว คิ้วขมวดกับคำว่ากฎของบ้าน บ้านหลังเล็กน่ารักหลังนี้มีกฎของบ้านด้วยเหรอ แล้วไอ้กฎที่ว่านะมันคืออะไรล่ะ เขาจะไปรู้เหรอ ก็เขาไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้น่า ถึงจะได้รู้ ว่ากฎของบ้านมันคืออะไร
“ใช่” ชนัญธิดา บอกอย่างอารมณ์เสีย เท่ากับวันนี้เธอแหกกฎของบ้านอีกแล้ว เดือนนี้ถือเป็นครั้งที่สองแล้ว ที่เธอแหกกฎ…
“ไม่เป็นไร...ครั้งนี้ษาถือเป็นโฆษะเพราะษรไม่ได้ทำผิดกฎแต่ผิดกฎเพราะคนอื่น ถือว่าไม่นับ”
“ขอบใจนะษาคราวหลังษรจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก” ชนัญธิดาเดินเข้ามาสวมกอดมาริษาอย่างขอบคุณ ท่าทางของชนัญธิดาทำเอาสามหนุ่มถึงกับอึ้ง
ตระการนั้นคงจะเป็นหนักกว่าคนสนิท เพราะสองคนนั้นไม่ได้คิดอะไรกับชนัญธิดาแต่เขาไม่ใช่ อารมณ์หงุดหงิดเริ่มฉายชัดบนใบหน้าคม แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมามากนัก เพราะเขารู้ดีว่าชนัญธิดาและมาริษาไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเคยคิด แล้วถอนหายใจก่อนเก็บอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ข้างใน พยายามนึกทวนคำพูดของมาริษา เขาควรขอโทษหญิงสาวยังไงดี กับการพาเพื่อนเธอกลับมาดึกแบบนี้ ‘ดึกเหรอ...ดึกอะไรกันนี่มันแค่สองทุ่มเองมันดึกเสียที่ไหนมันยังหัวค่ำอยู่เลย’ ชายหนุ่มคิดอย่างงงๆ กับคำพูดของมาริษา
“เอ่อ...คุณษา ผมทำษรเขาแหกกฎอะไรของบ้านเหรอครับถ้าผมรู้คราวหลังจะได้ไม่ทำอีก”
“ที่นี่ห้ามกลับบ้านเกินสองทุ่มถ้าใครเกินถือว่าผิดกฏ”
มาริษาพูดจบหันมามองตระการด้วยความไม่พอใจ สาเหตุนั้นอาจเป็นเพราะมาริษาไม่ชอบให้เพื่อนกลับดึกแบบนี้ต่างหากมันอันตราย พวกเธอเลยตั้งกฎไว้ว่า ห้ามกลับบ้านเกินสองทุ่ม ถ้ามีธุระหรือติดงานก็ต้องโทรฯมาบอก
“อะไรนะครับ...”
“ทำไม...คุณตระการมีปัญหาอะไรกับกฏบ้านฉันไม่ทราบ” ชนัญธิดารู้สึกโกรธตระการไม่น้อยเพราะเขาคนเดียว วันนี้เธอถึงกลับบ้านดึก
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วทำไมไม่บอก”
“แล้วทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย คุณเป็นสมาชิกในบ้านฉันหรือไง ถึงต้องบอกว่าบ้านฉันมีกฏอะไรบ้าง”
นาวีถึงกับอมยิ้มเลยทีเดียว ที่เห็นเจ้านายกำลังยืนทะเลาะอยู่กับชนัญธิดา เขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มมายืนทะเลาะ อะไรแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง เพิ่งมีก็ครั้งนี้แหละ
“ช่างเถอะ...เอาเป็นว่าคุณตระการก็รู้แล้วว่ากฎของที่นี่เป็นยังไง คราวหลังคงไม่มีแบบนี้อีกนะคะ”
“ไม่มีคราวหลังแล้วษา” ชนัญธิดาชิงตัดหน้าพูดก่อน กลัวว่าตระการจะพูดอะไรออกมาอีก ไม่งั้นเธอซวยอีกแน่ ก่อนถลึงตากลมโตใส่สามหนุ่มที่ยืนมองเธอและเพื่อนอย่างงุนงง
“โอเคครับ คราวหลังผมจะไม่พาษรเขากลับดึกแบบนี้อีก ‘แต่ผมจะเอามาส่งเช้าเลย’ ” ตระการต่อให้ในใจอย่างมาดหมาย ส่งยิ้มให้มาริษาอย่างขอโทษที่ทำให้หญิงสาวต้องเป็นห่วงชนัญธิดา
“คุณกลับไปได้แล้วนี่ก็ดึกแล้ว” ชนัญธิดาพูดอย่างตัดรอน ไม่สนใจสายตาอาฆาต ที่ส่งมาให้เธอเลย “คุณสุทัศน์ คุณนาวี พาเจ้านายพวกคุณกลับไปได้แล้ว”
///////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...