‘ที่ถามๆ มาเนี่ย… หล่อนอยากให้พี่สนใจหล่อนเหรอ?’ คำถามของเขากลายเป็นคำถามซึ่งไร้คำตอบ ไม่ใช่เพราะฉันไม่ตอบ แต่ไม่มีโอกาสได้ตอบต่างหาก เพราะขณะที่กำลังจะอ้าปากตอบ พี่โซ่ก็ดันกล่าวขึ้นมาอีก “หล่อนหลงเสน่ห์พี่แล้วล่ะสิ?”
“คะ?” ฉันหลุดถามเสียงแปลกใจที่เขากล้าถามออกมาแบบนี้
“แกล้งอ่อยพี่ที่หน้าบ้าน ไหนจะถามรสนิยมเพศพี่อีก ชอบพี่เหรอ?”
“พี่อย่ามาหลงตัวเองค่ะ หนูไม่ได้…”
“อ๊ะๆ” อีกครั้งที่พี่โซ่ทำให้ฉันเงียบเสียงลง เขากรีดนิ้วชี้ขึ้นคล้ายกับจะบอกให้ฉันเงียบลง จากนั้นก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง ด้วยท่าทางเหนียมอายแบบสุดๆ “แม่ผู้ร้ายปากแข็ง!”
โว๊ะ! ผีห่าตัวไหนสั่งให้เขามั่นหน้า กล้าถามออกมาแบบนี้กันเนี่ย!
“พี่อย่ามาหลงตัวเองนะ หนูไม่ได้อยากให้พี่สนใจสักหน่อย!” ฉันสะบัดหน้าเชิดๆ แบบไม่สนใจ และหวังว่าคำพูดของฉันจะทำเขาสำเหนียกตัวเองได้บ้าง แต่ก็เปล่า
“ปากแข็ง!” เพราะยิ่งฉันปฏิเสธ พี่โซ่ก็ยิ่งดึงดันจะเชื่อมั่นตัวเอง แถมมันยังหนักขึ้น เมื่อเขาพุ่งมือคว้าแขนฉันเอาไว้แล้วกล่าวเสริมออกมา “ทั้งที่เมื่อก่อนหล่อนออกจะชอบพี่ขนาดนั้น…”
“หมายความว่ายังไงคะ!?” ฉันย้อนถามอย่างแคลงใจ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบหรอกนะ เพราะพี่โซ่ชิงพูดขึ้นมาเหมือนเปลี่ยนเรื่องและเหมือนไม่ฟังคำถามของฉัน
“อีกอย่างถ้าไม่ได้อยากให้สนใจ แล้วหล่อนจะถามทำไมนักหนา?” ต่อให้จะรู้สึกคืบแคลงใจต่อคำพูดก่อนหน้านี้ของเขา แต่ปากก็ยังมีแรงที่จะตอบโต้คำพูดสถานการณ์กลับไปอยู่ดี
“หนูสงสัยบ้างไม่ได้หรือไง!?” ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะพี่โซ่ดันถามออกมาได้ตรงจุด จนไม่อยากปล่อยแผนการในหัวให้หลุดมือโดยไม่ได้ทำอะไรเลย “พอดีเพื่อนหนูที่เป็นผู้หญิงมันชอบพี่ หนูก็เลยลองถามดู...”
“ชะนีเพื่อนหล่อนชอบพี่?” เขาย้อนเสียงสูง “เพื่อนหล่อนรู้จักพี่ได้ยังไง?”
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน” คำถามเสมือนจับผิดทำฉันรีบตอบแบบส่งๆ ไร้ทซึ่งที่มา ก่อนพ่นคำโกหกคำโต เมื่อถึงเวลาอันสมควร ที่ฉันควรจะเริ่มปฏิบัติการล้างบางเก้งกวาง กำจัดศัตรูหัวใจสักที “ถ้าพี่ไม่ได้รังเกียจเพศชะนี ก็ยกพี่อาร์มให้หนู ส่วนพี่ก็ลองไปเปิดอกเปิดใจคุยกับชะนีหนูดูไหม?”
ฟึ่บ!
“อะ!” ทั้งที่คิดว่าจะเริ่มปฏิบัติการล้างบ้างแท้ๆ ทว่า เมื่อพูดจบดันเป็นฉันเองที่ต้องเบิกตากว้าง เมื่อจู่ๆ คนตัวใหญ่พุ่งกายเข้ามาหา พลางใช้มือข้างที่เหลือผลักตัวฉันจนล้มนอนหงายไปกับความยาวของโซฟา
พี่โซ่ไม่รอช้ารีบกราดเข้ามาคร่อมร่างฉันไว้ในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งพ่นคำพูดหนึ่งขึ้น
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าเพื่อนหล่อนรู้จักพี่ได้ยังไง…” มือข้างหนึ่งของเขาค่อยๆ ทาบลงกับความนุ่มของโซฟาหยัดกายให้อยู่เหนือตัวฉันเอาไว้ “ถ้าหล่อนอยากให้พี่กลับมาชอบผู้หญิง... งั้นก็ช่วยทำให้พี่มีอารมณ์ทีสิ”
“พี่โซ่! หยุดนะ!” ฉันโวยวายเสียงดัง พยายามใช้มือสองข้างปัดป้องการกระทำของคนตัวโตบนร่าง ซึ่งดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันพยายามอยู่นั้นมันดูศูนย์เปล่า นอกจากพี่โซ่จะไม่ฟังแล้วเขายิ่งกระทำหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ
มือซ้ายของเขาค่อยๆ ลูบต่ำตั้งแต่ช่วงต้นขาของฉัน ไล่ระดับสูงขึ้นก่อนขาดช่วงมาหยุดอยู่ที่เนิบหน้าท้อง ฝ่ามือของเขาสมกับเป็นมือของผู้ชาย และฉันไม่เคยชินกับฝ่ามือของเขาเลยสักนิด อันที่จริงไม่ใช่แค่มือเขาหรอก แต่ไม่ว่าจะมือของผู้ชายคนไหนก็ตามฉันก็ไม่ชิน
“ตรงไหนทำแล้วฟิน… ตรงไหนแตะแล้วสะท้านสอนพี่หน่อยสิ” คำขอห่ามๆ แสนน่าอายถูกพ่นผ่านริมฝีปากหยักลึกตรงหน้า ขณะเดียวกันนั้นเขาก็ละปลายนิ้ววนไปตามเนิบหน้าท้องของฉันอย่างย่ามใจ จนเผลอกลืนน้ำลายและเกร็งหน้าท้องให้ยุบลงไปในคราวเดียวกัน
“พี่โซ่ อย่ามาแกล้งบ้าใส่หนูนะ ปล่อย!” ต่อให้จะถูกรุกใส่ด้วยการกระทำพรรค์นั้นก็ตาม งงั้นฉันก็ยังมีสติดี พอที่จะใช้แรงทั้งหมดเพื่อปฏิเสธการกระทำดังกล่าว ไม่ว่าจะใช้มือผลักหรือขยับกายเพื่อหนีออกจากสถานการณ์ส่อเสี่ยงแบบนี้ แต่
หมับ! ฟึ่บ!
“อ๊ะ!?” ฉันก็ดันลืมไปว่าพี่โซ่ที่ทั้งตัวใหญ่กว่า ทั้งแรงเยอะเยอะกว่า ยังเหลือมืออีกข้าง ที่สามารถรวบตรึงข้อมือฉันเอาไว้ได้ภายในมือเดียว
นัยน์ตาคมที่เคยส่อแววน่าหมั่นไส้เหมือนนางพญาบัดนี้ดูเฉียบขาดและคมกริบราวกับสามารถกำหลาบทุกคนได้เพียงแค่มอง
สายตาดังกล่าวจ้องมาที่หน้าฉันซึ่งเริ่มปรับสีหน้ารับมือกับสิ่งที่เกิดไม่ถูกต้อง ยิ่งมองตอบกลับไปฉันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนระยะห่างระหว่างหน้าของเราหดสั้นลงเรื่อยๆ จนกระทั่งลมหายใจร้อนเป่ารดลงมาที่ข้างแก้มพร้อมด้วยคำพูดแกมข่มขู่
“ถามไม่ตอบแบบเนี่ย… เดี๋ยวหล่อนก็โดนจูบหรอก” เจอคำขู่แบบนั้นเข้าไปฉันก็รีบพลิกหน้าหนีเขาทันที
สภาพของฉันในตอนนี้ทำได้มากที่สุดก็คือการพลิกหน้าหนีนี่แหละ แต่ดูเหมือนว่าการทำอย่างนั้นจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก เมื่อพี่โซ่อาศัยจังหวะในตอนนั้น จู่โจมริมฝีปากร้อนระอุเข้าจุมพิตเบาๆ บริเวณต้นคอ
ผิวปากนุ่มของเขาที่กดลงมาทำฉันสะท้านไปทั้งตัว เพราะไม่เคยตกเป็นเบี้ยล่างใครแบบนี้มาก่อน ฉันไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนล่วงเกินใส่แบบนี้เลยสักครั้ง โดยเฉพาะยิ่งกับพี่อาร์ม เพราะตอนที่ฉันอยู่กับพี่อาร์มสองต่อสอง เขาก็ไม่เคยสักครั้งที่จะล่วงเกินฉัน แม้แต่ปลายผมก็ไม่เคย แต่กับมนุษย์ผิดเพศคนนี้ มันดันต่างออกไป!
“พี่โซ่หยุดนะ!” ฉันพยายามปรามให้เขาหยุดทำบ้าๆ นี่สักที
“อะไรหล่อนเสียวเหรอ?” แต่เขาดันย้อนกลับมาได้อย่างหยาบโลนเหมือนไม่รู้สึกอะไร
ดูคำพูดเขาสิคะ!
“หนูขนลุก!” ฉันตะคอกบอกเขาแบบไม่เต็มเสียงนัก
วินาทีนี้บอกเลยว่าขนลุกมาก มากถึงมากที่สุด มันเสียชาติเกิดแค่ไหนลองคิดดู ที่ฉัน ซินดี้ ดาวคณะนิเทศฯ ของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง กำลังถูกเก้งตกมันที่ไหนไม่รู้มาทำเลดี้เฟิร์นใส่ที่ต้นคอแบบนี้!
“ขนลุกเหรอ? แปลว่าพี่มาถูกทาง”
ไม่ใช่เว้ย!! หมอนี่มันไปเอาตรรกะผิดๆ แบบนี้มาจากไหนกันนะ!
“งั้นถ้าพี่แตะตรงไหนแล้วหล่อนฟินก็บอกนะ” ว่าแล้วเขาก็ทำตามอำเภอใจอีกครั้ง โดยใช้ร่างกายฉันเป็นกรณีศึกษา ฝ่ามือของเขาบีบรัดข้อมือฉันแน่นยิ่งขึ้น ก่อนจรดริมฝีปากไล้ละไปตามเรียวคอของฉันอย่างถือดี
“พี่โซ่! บอกให้หยุดไง!” ฉันพยายามขยับตัวหลบหนีสัมผัสดังกล่าว บิดตัวเพื่อตั้งรับสถานการณ์ แต่พอโดนริมฝีปากของเขาละเลงตามอำเภอใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ ความคิดในหัวมันก็ค่อยเริ่มเลือนหายไปจนขาวโพลนเหมือนกับหิมะ
ต่อให้จะเสียเปรียบมากแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันก็ไม่ยอมให้ร่างกายโดนย่ำยีอยู่ฝ่ายเดียวหรอก ฉันยังเหลือขาอีกสองข้างที่พอจะใช้ช่วยเหลือตัวเองออกจากเงื้อมมือของเก้งกลัดมันตัวนี้ได้
แต่พอเริ่มจะขยับขา พี่โซ่ก็เหมือนจะรู้ทัน เขารีบแทรกขาของตัวเองเข้ากันท่าเอาไว้ ก่อนจะเริ่มรุกจู่โจมหนักขึ้นด้วยการเลื่อนปลายนิ้วจากหน้าท้องลงต่ำไปยังต้นขา สอดผ่านชายกระโปรงนักศึกษาเข้ามายังเขตต้องห้ามอย่างฉวยโอกาส!
“อ๊ะ!” สัมผัสของปลายนิ้วที่เขาจงใจรุกล้ำเข้าภายใต้กระโปรงนักศึกษา ทำฉันสะดุ้งเฮือกไปทั้งกาย ยิ่งเมื่อเขาจงใจวนปลายนิ้วลากขึ้นเวียนวนอยู่ที่ต้นขาอ่อนภายในอยู่แบบนั้น ซ้ำไป ซ้ำมา
ฉันสั่นยิ่งกว่าจับไข้จากสัมผัสแปลกปลอมที่คนตัวใหญ่มอบให้ การเกร็งร่างกายและอาการสั่นที่เกิดขึ้นมันรุนแรงพอที่จะทำให้คนบนร่างรู้สึกจนถามออกมา
“รู้สึกตรงนี้เหรอ?” เสียงกระซิบแหบพร่าดังกระชิดติดหู สร้างความร้อนผ่าวตั้งแต่ใบหูลามมาจนถึงข้างแก้ม หัวใจฉันเหมือนถูกเหวี่ยงอย่างรุนแรงในวินาทีที่คำถามสุดท้ายถูกเอ่ยขึ้น “แล้วถ้าพี่ทำมากกว่านี้ล่ะ...เราจะรู้สึกไหม?”